สรุปตอน ตอนที่ 2057 เสี้ยววิญญาณของจอมจักรพรรดิไร้นาม – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 2057 เสี้ยววิญญาณของจอมจักรพรรดิไร้นาม ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 2057 เสี้ยววิญญาณของจอมจักรพรรดิไร้นาม
หลินสวินที่อยู่ไกลๆ นัยน์ตาหดรัดทันที เฒ่าชราผมขาวคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นระดับจักรพรรดิแท้คนหนึ่ง
ทว่าเพียงพริบตาก็กลายเป็นขี้เถ้าปลิวกระจายแล้ว!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหญิงชุดม่วงเพียงแค่ตบไหล่อีกฝ่ายเท่านั้น แผ่วเบาและง่ายดาย
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้คนใจสั่น!
อีกสองคนที่เหลือก็ระดับจักรพรรดิเหมือนเฒ่าชราชุดขาว ตอนที่เห็นภาพนี้ สีหน้าของพวกเขาล้วนซีดเซียว เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าไปสืบเบาะแสของผู้แข็งแกร่งสำนักเร้นฤทธิ์เทพ ให้เวลาเจ็ดวัน หลังเจ็ดวัน ข้าต้องการเบาะแสของแดนเจินหลง”
สายตาของหญิงชุดม่วงมองไปยังชายวัยกลางคนชุดคลุมเทา “เจ้าลองหนีดูได้ แต่สำนักและญาติพี่น้องเบื้องหลังเจ้าจะต้องสังเวยชีวิตให้กับเจ้า”
“ขอรับ”
ชายวัยกลางคนสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ กัดฟันรับคำสั่ง
ไม่รอหญิงชุดม่วงเอ่ยปาก ชายในชุดหรูหราคนเดียวที่เหลืออยู่ก็รีบพูดว่า “ผู้อาวุโส ข้าสืบข่าวได้มาว่า หลินสวินเศษเดนคีรีดวงกมลนั่นไม่ใช่คนของโลกนี้ แต่มาจากดินแดนรกร้างโบราณ!”
“หืม” หญิงชุดม่วงกล่าว
เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจกับคำตอบง่ายๆ เช่นนี้
ชายชุดหรูใจสั่น รีบพูดว่า “หลินสวินคนนี้เคยก่อกวนแหล่งสถานคุนหลุน แต่ก่อนหน้านี้บนทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่เคยได้ยินชื่อคนผู้นี้ อีกทั้งข้าเคยได้ยินจากสหายแดนกษิติครรภ์คนหนึ่ง ว่าหลินสวินเคยฝึกปราณที่ดินแดนรกร้างโบราณ…”
ไกลออกไปสีหน้าหลินสวินเปลี่ยนเป็นมืดทะมึน
หญิงชุดม่วงคนนี้ถึงกับสืบเรื่องเกี่ยวกับตน!
นี่ไม่ใช่หมายความว่า นางน่าจะรู้ฐานะและที่มาของตนแล้วหรอกหรือ
ดังคาด พอชายชุดหรูพูดจบ หญิงชุดม่วงก็เอ่ยว่า “ที่แท้เจ้าเศษเดนแซ่หลินนี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางสารเลวคนนั้นจริงๆ…”
ในเสียงแฝงความตื่นเต้นอันหาได้ยาก ราวกับสัตว์ร้ายที่จับจ้องเหยื่อ
“เขาอยู่ที่ไหน”
หญิงชุดม่วงถาม
“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ถูกขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ของแคว้นกลางมรรคตามฆ่า…”
ชายชุดหรูตอบอย่างไม่ลังเลสักนิด เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมมาแล้ว เล่าเหตุการณ์ตามฆ่าหลินสวินที่เกิดขึ้นช่วงก่อนหน้านี้อย่างละเอียด
“ตายหมดแล้วหรือ”
ยามรู้ผลลัพธ์สุดท้ายของการตามฆ่าครั้งนี้ หญิงชุดม่วงเองก็อดอึ้งไม่ได้ เผยสีหน้าใคร่ครวญ
ชายชุดหรูพูด “ใช่ จากการวิเคราะห์ของโลกภายนอก ในมือหลินสวินนี่คงจะมีไพ่ตายคุ้มครองชีวิตจำนวนไม่น้อย ระดับจักรพรรดิทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้าหมอนั่นอยู่ที่ไหน”
หญิงชุดม่วงพูด
ชายชุดหรูส่ายหน้า “หลังจากการตามฆ่าครั้งนั้นล้มเหลวก็ไม่มีใครรู้ข่าวเกี่ยวกับหลินสวินอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน”
หญิงชุดม่วงใคร่ครวญเงียบๆ
ครู่ใหญ่นางถึงเอ่ยว่า “เจ้าไปสืบร่องรอยของเจ้าหมอนั่น เจ็ดวันหลังจากนี้ข้าต้องการคำตอบที่น่าพอใจ”
ชายชุดหรูพูดเสียงสั่น “ถ้า… ถ้าข้าสืบไม่ได้ล่ะ”
หญิงชุดม่วงเสมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
แต่ชายชุดหรูคนนั้นตระหนักได้ถึงผลลัพธ์ที่น่ากลัวแล้ว สีหน้าของเขาซึมเซา ครู่ใหญ่จึงอ้าปากตอบรับอย่างขมขื่นแล้วหมุนตัวจากไป
หน้าตำหนักอันเก่าแก่ เหลือเพียงหญิงชุดม่วงคนเดียว
สวบ!
ตรงไหล่ของนางพลันควบรวมเงาร่างปานมายาออกมา สูงเพียงหนึ่งจื่อ ถูกกลิ่นอายต้องห้ามสีดำปกคลุมทั่วร่าง รูปลักษณ์คลุมเครืออย่างมาก
และยามเห็นคนผู้นี้ ดวงตาของซีที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ มาตลอดอดหดรัดลงไม่ได้
“เหยี่ยนซิง เวลาใดแล้ว เจ้ายังสนใจเศษเดนคีรีดวงกมลที่ไร้ประโยชน์นั่นอีกหรือ”
เงาร่างมายานั่นส่งเสียงคำราม “รีบพาข้ากลับตระกูล! ไม่เช่นนั้นข้าก็จะร่วงหล่นอย่างสิ้นเชิงแล้ว!”
เขาฉุนเฉียวและเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด
แต่หญิงชุดม่วงที่ถูกเรียกว่าเหยี่ยนซิงนั่นกลับพูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า “อาเก้า มรรควิถีและร่างต้นของท่านถูกจักรพรรดิยุทธ์ฆ่าไปนานแล้ว หากข้าไม่ลงมือช่วย แม้แต่เสี้ยววิญญาณอ่อนแอนี้ของท่านก็รักษาไว้ไม่ได้”
นางหยุดไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยต่อว่า “ยิ่งกว่านั้น แม้ข้าพาท่านกลับตระกูลตอนนี้ ด้วยพลังของตระกูล ก็ไม่มีทางทำให้ท่านฟื้นกลับมาได้อีก”
“เหยี่ยนซิง! เจ้าถึงกับกล้าสาปแช่งข้าหรือ”
เงาร่างคลุมเครือนั่นส่งเสียงคำราม เผยความเดือดดาลอย่างที่สุด “ถ้าตอนนั้นไม่ใช่ข้า สวะตัวเล็กๆ อย่างเจ้าจะกลายเป็นปลากระโดดข้ามประตูมังกร ถูกหัวเหน้าตระกูลให้ความสำคัญได้อย่างไร”
เหยี่ยนซิงใบหน้าไร้อารมณ์ “อาเก้า เคราะห์มาจากปาก ท่านควรพิจารณาสถานการณ์ตอนนี้ของท่านอย่างใจเย็น คนในตระกูลเหล่านั้นเกรงว่าคงคิดว่าท่านตายไปนานแล้ว ท่านว่า ถ้าข้าไม่ระวังกำจัดเสี้ยววิญญาณนี้ของท่านไป จะโดนลงโทษอะไรหรือไม่”
เงาร่างคลุมเครือนั่นเงียบไปทันที
“อาเก้า สมัยดึกดำบรรพ์ข้าก็รับคำสั่งให้มาทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้แล้ว จนตอนนี้ภารกิจยังไม่สำเร็จ ท่านคิดว่าข้าไม่อยากกลับตระกูลหรือ…”
เหยี่ยนซิงยังคงพูดต่อ “ท่านรู้ดีกว่าใครว่าถ้าภารกิจไม่สำเร็จ แม้ข้ากลับไป สิ่งที่รอข้าอยู่ก็มีเพียงบทลงโทษที่เหี้ยมโหด”
ยามเห็นเหตุการณ์จากประทับเจตจำนงที่ลู่ป๋อหยาทิ้งเอาไว้ หลินสวินก็รู้แล้วว่า ตนที่มีชีพจรปราณวิญญาณหุบเหวกลืนกินต่างหากที่เป็นเป้าหมายซึ่งเหยี่ยนซิงต้องการฆ่าอย่างเร่งด่วนที่สุด!
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่งเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ข้าตัดสินใจจะหาผู้สืบทอดของสำนักเร้นฤทธิ์เทพ ถ้าสามารถไปถึงแดนเจินหลงก่อนเหยี่ยนซิงได้ บางทีอาจจะคลี่คลายหายนะบางอย่างได้บ้าง”
ซีพยักหน้าน้อยๆ
หลายปีมานี้นางเฝ้าอยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์มาโดยตลอด เคยเห็นลู่ป๋อหยา และเคยเห็นความน่ากลัวของพลังแห่งเจตจำนงที่ลั่วทงเทียนเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ทิ้งเอาไว้
แน่นอนว่านางรู้ฐานะและที่มาของหลินสวินดีกว่าใคร
วันนี้ หลินสวินกับซีเดินทางไปในเมืองที่อยู่ใกล้ๆ เขาต้นถงเพื่อสืบข่าว
สิ่งที่ทำให้หลินสวินรู้สึกเหนือคาดคือ ไม่ว่าเขาจะสืบอย่างไร ก็ไม่มีใครรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสำนักเก่าแก่อย่างสำนักเร้นฤทธิ์เทพ
และย่อมไม่มีใครรู้ว่าผู้สืบทอดสำนักเร้นฤทธิ์เทพไปไหนกันแน่
เวลาผ่านไปเจ็ดวันโดยไม่รู้ตัว
หลินสวินยังคงไม่ได้เบาะแสใดๆ นี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่า สำนักเร้นฤทธิ์เทพจะต้องสัมผัสได้ถึงอันตรายล่วงหน้า ถึงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่มีใครรู้
เขากับซีย้อนกลับมายังเขาต้นถงอีกครั้ง คราวนี้ไม่เหมือนเมื่อเจ็ดวันที่แล้ว ในประตูภูเขาสำนักเร้นฤทธิ์เทพที่เคยว่างเปล่า มีเงาร่างของผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มารวมตัวกัน
พวกเขาเหมือนเข้าไปอยู่ในคลังสมบัติแห่งหนึ่ง ค้นหาสมบัติที่ทิ้งไว้ในเขามงคลแห่งนี้ ถึงอย่างไรสำนักเร้นฤทธิ์เทพก็หายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว อาณาเขตที่พวกเขาครอบครองก็เป็นถึงถ้ำสวรรค์แดนมงคลชั้นหนึ่ง จะต้องถูกผู้ฝึกปราณมากมายจับจ้องอย่างแน่นอน
ถึงขั้นที่ขุมอำนาจบางส่วนที่หมายยึดครองเขามงคลแห่งนี้กระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมา
‘ก็ไม่รู้ว่าเหยี่ยนซิงหาผู้สืบทอดสำนักเร้นฤทธิ์เทพเจอหรือยัง…’
เห็นภาพเช่นนี้ หลินสวินขมวดคิ้วแน่น เขารับรู้ได้ว่าเหยี่ยนซิงนั่นไม่มีทางปรากฏตัวที่นี่อีกแล้ว
ครู่ใหญ่หลินสวินก็ส่ายหน้า หมุนตัวจากไป
ระหว่างทางเขานึกถึงเรื่องหนึ่ง อีกครึ่งเดือนกว่าจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ก็จะปรากฏตัวแล้ว อีกฝ่ายจะต้องทำทุกวิธีเพื่อเล่นงานตนแน่!
“เจ้าสามารถเปิดเผยร่องรอยให้เหยี่ยนซิงนั่นรู้ได้ เช่นนี้นางก็จะไม่ไปแดนเจินหลง เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าญาติของเจ้าจะประสบเคราะห์”
จู่ๆ ซีก็พูดขึ้น “แต่การเช่นนี้ เจ้าก็จะถูกเหยี่ยนซิงจับจ้อง เท่ากับเรียกเคราะห์สังหารมาสู่ตน”
หลินสวินอึ้งไป ดวงตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นวาววาบ
ซีกล่าวว่า “ถ้าแค่เผชิญหน้ากับเหยี่ยนซิงนั่น ข้าก็มั่นใจในชัยชนะอยู่ แต่ถ้าถึงตอนนั้นที่จอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ปรากฏตัวด้วย ยั่นก็ยุ่งยากแล้ว เจ้าก็รู้ว่าถ้าจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่มา ย่อมไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่”
หลินสวินสูดหายใจลึก ความเด็ดเดี่ยวแวบผ่านดวงตา “ผู้อาวุโสไม่ต้องเป็นห่วง ทำเช่นนี้เถอะ!”
ในใจเขามีความคิดอาจหาญอย่างหนึ่ง
…………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์