Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2058

สรุปบท ตอนที่ 2058 ยานที่มุ่งหน้าสู่โลกมืด: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2058 ยานที่มุ่งหน้าสู่โลกมืด จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2058 ยานที่มุ่งหน้าสู่โลกมืด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2058 ยานที่มุ่งหน้าสู่โลกมืด

“เวลาเจ็ดวัน ด้วยระดับจักรพรรดิอย่างเจ้ากลับไม่เจอเบาะแสสักนิด ไม่รู้สึก… อับอายมากหรือ”

บนยอดเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว เหยี่ยนซิงแววตาเฉยเมย ผมยาวสีม่วงพลิ้วไหวในสายลม

ด้านข้างชายวัยกลางคนชุดเทาตกใจจนคุกเข่ากับพื้นแล้ว สีหน้าซีดเซียว

เจ็ดวันมานี้เขาสืบหาทุกวิธี แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึง คือเหล่าผู้ฝึกปราณสำนักเร้นฤทธิ์เทพเหมือนระเหยไปจากโลก หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ผู้อาวุโสให้เวลาข้าอีกหน่อย ข้าจะต้องหาตัวผู้สืบทอดสำนักเร้นฤทธิ์เทพเหล่านั้นได้แน่!”

ชายวัยกลางคนชุดเทากัดฟันพูด

เหยี่ยนซิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “จากที่เจ้าดู สำนักเร้นฤทธิ์เทพนั่นสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจึงเลือกหลบซ่อนล่วงหน้าใช่หรือไม่”

ชายวัยกลางคนชุดเทาพูดอย่างไม่ลังเล “ต้องเป็นเช่นนี้แน่! ไม่เช่นนั้นสำนักใหญ่เช่นนี้ คงอยู่มาจนถึงตอนนี้ไม่รู้กี่ปี จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร”

เหยี่ยนซิงกล่าว “เช่นนั้นเจ้าว่า ในโลกใหญ่หงเหมิง นอกจากสำนักเร้นฤทธิ์เทพ มีขุมอำนาจใดอีกที่รู้วิธีไปแดนเจินหลง”

ชายวัยกลางคนชุดเทาส่ายหน้า “ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สำนักเร้นฤทธิ์เทพเหมือนยามเฝ้าประตูของแดนเจินหลง ไม่ว่าขุมอำนาจใหญ่ใดต้องการติดต่อกับแดนเจินหลง ก็ต้องผ่านสำนักเร้นฤทธิ์เทพเท่านั้น”

ตอนนี้เองห้วงอากาศเกิดระลอกคลื่นหนึ่ง สะท้อนเงาร่างของชายชุดหรูคนนั้นออกมา

“ผู้อาวุโส หลินสวินั่นปรากฏตัวแล้ว!”

เขาตื่นเต้น รีบรายงานว่า “เมื่อคืนหลินสวินเคยปรากฏตัวในโลกใต้ดินเมืองแม่น้ำดำ สืบข้อมูลการเดินทางไปยังโลกมืดจากเรือนเร้นหมอก”

หลินสวิน!

แสงที่ราวกับสายฟ้าวาบผ่านในดวงตาเหยี่ยนซิง “นี่เขาจะไปโลกมืดหรือ”

“คงจะเป็นเช่นนั้น”

ชายชุดหรูพูดอย่างไม่ลังเล

“คงจะหรือ”

เหยี่ยนซิงเหลือบมองเขาคราหนึ่ง

ในใจชายชุดเทาสั่นไหว พลันสะบัดแขนเสื้อ เงาร่างหนึ่งก็กลิ้งลงพื้น

“ผู้อาวุโส นี่คือผู้ดูแลเรือนเร้นหมอกของเมืองแม่น้ำดำ เขาเคยเห็นหลินสวินปรากฏตัวกับตา หากท่านไม่เชื่อสามารถถามเขาได้”

เงาร่างบนพื้นคือชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้าหรูหราน่าเกรงขาม เพียงแต่ตอนนี้กลับตกใจจนคุมสติไม่อยู่ ท่าทางแตกตื่น

“มองข้า”

เหยี่ยนซิงเหลือบตามองลงไป ในดวงตาเผยแสงประกายสีม่วงแปลกประหลาด

สายตาของชายวัยกลางคนในชุดหรูหราสบกับดวงตานาง จิตวิญาณพลันเกิดความเจ็บปวดรุนแรงปานฉีกขาด เหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นเข้าไปในจิตวิญญาณอย่างแรงแล้วพลิกคว้านไม่หยุด

และพร้อมกันนั้น เหยี่ยนซิงก็ ‘มอง’ เห็นภาพเหตุการณ์แต่ละอย่าง…

ที่เมืองแม่น้ำดำ หลินสวินเข้าไปในโลกใต้ดิน ได้เจอกับผู้ดูแลภายใต้การนำทางของข้ารับใช้ จากนั้นถูกนำไปยังห้องส่วนตัวแห่งหนึ่ง…

ครู่หนึ่งเหยี่ยนซิงเงยหน้าขึ้น ประกายแสงสีม่วงแปลกประหลาดในดวงตาก็หายไปด้วย

นางเอ่ยอย่างคล้ายขบคิด “หรือเจ้าหมอนั่นรับรู้ได้ถึงอันตรายอะไร คิดจะไปซ่อนตัวที่โลกมืด”

บนพื้นชายวัยกลางคนในชุดหรูคนนั้นเหงื่อท่วมตัวแล้ว ริมฝีปากหลั่งเลือดไม่หยุด เขาพูดเร่งเร็วพร้อมหายใจหอบ “ข้า… ข้ายังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่”

สายตาของชายวัยกลางคนชุดเทาและชายชุดหรูมองไปยังเหยี่ยนซิง

“ข้าแยกบทลงโทษและรางวัลชัดเจน แม้เจ้าจะถูกจับมาแต่ก็ช่วยข้าครั้งหนึ่ง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสรอดชีวิตกับเจ้า”

เหยี่ยนซิงโบกมือคราหนึ่ง ชายวัยกลางคนชุดหรูพลันถูกพลังน่ากลัวพาตัวไป หายไปไม่เห็นเงา

“เวลาไม่มาก ในเมื่อหาทางไปแดนเจินหลงไม่ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตามข้าไปโลกมืด”

เหยี่ยนซิงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

ในภาพความทรงจำที่ได้รับจากจิตวิญญาณของชายวัยกลางคนชุดหรู ทำให้เหยี่ยนซิงจำรูปลักษณ์ กลิ่นอายและท่วงทำนองของหลินสวินได้อย่างแม่นยำ

……

ยานข้ามโลกลำหนึ่งทะยานขึ้นจากโลกใหญ่หงเหมิง หลังจากเคลื่อนตัวในเส้นทางฟ้าดาราที่มีการกำหนดมาแล้วครึ่งเดือนเต็ม ก็ค่อยๆ ออกจากเส้นทาง ขับเคลื่อนไปยังส่วนลึกของฟ้าดาราที่ประหนึ่งพื้นที่แรกกำเนิด

ดวงดาวราวกับหญ้าอันรกร้าง แผ่กระจายออกไปในจักรวาลที่ว่างเปล่า สามารถมองเห็นภัยธรรมชาติที่เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวบางส่วนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกแห่งหน

มีแอ่งเลือดใหญ่ที่พาดขวางกลางอากาศ เหมือนจะกลืนกินฟ้าดารา

มีลำแสงงดงาม เหมือนล่องลอยยแผ่วพลิ้วแต่กลับสามารถกัดกร่อนดวงดาวแต่ละดวงจนสิ้นซากอย่างง่ายดาย

บางคราวมีลมพายุกรรโชก แผ่พลังรุนแรงที่สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิยังตัวสั่น ม้วนความว่างเปล่าโดยรอบ ส่งเสียงครืนครันไม่ขาดสาย

มี…

ภาพน่ากลัวแต่ละภาพ ถึงขั้นสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณทุกคนใจสั่น

แต่ยานข้ามโลกแล่นผ่านในนั้นอย่างชำนาญ ทุกครั้งที่เจอพิบัติภัยน่ากลัว มักสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างหวุดหวิด

เห็นได้ชัดว่าฟ้าดาราผืนนี้แม้จะวุ่นวายและอันตราย แต่คนที่ขับยานข้ามโลกก็เป็นมือเก่าที่ชำนาญ

ยานข้ามโลกลำนี้ใหญ่มาก ราวกับผืนแผ่นดินที่ล่องลอย เป็นของเรือนเร้นหมอก

เป้าหมายในครั้งนี้คือมุ่งหน้าไปยังโลกมืด!

ยานข้ามโลกแบ่งออกเป็นสามพื้นที่

นี่ก็คือเหตุผลที่เหตุใดหลินสวินเลือกเดินทางไปยังโลกมืด

ขณะใคร่ครวญ หลินสวินพลิกฝ่ามือคราหนึ่ง ต้นไม้เล็กเขียวมรกตต้นหนึ่งลอยออกมาดั่งมายา ลวดลายกิ่งก้านประหนึ่งร่องรอยมหามรรคตามธรรมาชาติ แผ่กลิ่นอายมหัศจรรย์ ใบไม้เขียวอ่อนกลมมนหลั่งประกายเขียวดุจมายาเป็นสายๆ ลงมา

นี่คือต้นอ่อนของต้นโพธิ์!

‘โชคดีที่ถึงแม้เขาปู้โจวไม่อยู่แล้ว แต่มีต้นอ่อนต้นโพธิ์นี้ หากตอนพลังระเบียบต้องห้ามปรากฏก็คงพอจะใช้ได้บ้าง อย่างน้อยก็ปิดบังกลิ่นอายของข้าสักหน่อยคงไม่ยาก…’

หลินสวินพินิจต้นอ่อนต้นโพธิ์นั้น ด้วยรากฐานพลังในตอนนี้ของเขา ยังห่างชั้นไม่สามารถประชันกับพลังระเบียบต้องห้ามได้ นับประสาอะไรกับการไปสู้กับจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่ที่กำลังจะมา

แต่มีต้นอ่อนต้นโพธิ์นี้บดบังกลิ่นอาย ก็พอจะสามารถทำให้เขาหลีกเลี่ยงการตรวจจับและสัมผัสของพลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่ทั่วหล้านี้ได้

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

โต๊ะตรงหน้าหลินสวินเกิดเสียงแตกหักระลอกหนึ่ง

ก็เห็นกระบี่จักรพรรดิที่เดิมทีแหลมคมและศักดิ์สิทธิ์ไร้ใดเปรียบ ตอนนี้คล้ายสูญเสียจิตวิญญาณทั้งหมด แตกออกทุกกระเบียดกลายเป็นเสี่ยงๆ

ด้านข้าง ดาบหักซึ่งมีละอองแสงคลุมเครือไหลเวียน สะท้อนลายมรรคที่ลึกลับไม่อาจคาดเดามากมาย

และข้างดาบหัก ธนูวิญญาณไร้แก่นสารที่สร้างจากกระดูกขาวเปล่งแสงอันงดงาม ทำให้สว่างไสวไปทั้งห้อง

‘กลืนศาสตราจักรพรรดิไปอีกชิ้นแล้ว…’

มุมปากหลินสวินกระตุกอย่างยากจะสังเกตเห็น

‘อู้เชวีย’ วิญญาณอาวุธจำศีลอยู่ในธนูวิญญาณไร้แก่นสาร จำเป็นต้องหลอมแก่นพลังสมบัติมากมายจึงจะสามารถฟื้นฟูบาดแผลที่เขาได้รับในหลายปีที่ผ่านมาได้

ในขณะเดียวกัน ยามดาบหักควบรวมลายมรรคบริสุทธิ์สายที่หนึ่งร้อยออกมา ทำให้หลินสวินได้เห็นว่าในส่วนลึกของดาบหักก็มีตัวตนที่น่ากลัวอย่างที่สุดจำศีลอยู่เช่นเดียวกัน

เงาร่างนั้นนั่งอยู่ในความมืดอย่างเงียบเชียบ ผมยาวแผ่สยาย โซ่ที่หนาประมาณนิ้วหัวแม่มือเป็นสายๆ พันอยู่ตรงลำคอ สองขา สองเท้า เอวหลังของเขา แผ่พลังระเบียบอันคลุมเครือ

ตอนที่เขาลืมตาขึ้นในความมืด ก็ราวกับแสงที่สามารถฉีกทำลายราตรีนิรันดร์หมื่นกาล บาดตาและดุร้ายอย่างที่สุด!

และความรู้สึกที่เงาร่างนี้มอบให้ ก็เหมือนเทพที่ครองอำนาจอยู่ในที่มืด แค่ความคิดขยับไหวก็สามารถทำลายล้างฟ้าดิน น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการได้

หลินสวินในตอนนั้นเป็นผู้ฝึกปราณระดับมกุฎมหาอริยะ แต่เงาร่างนั่นกลับพูดว่า

‘หมายหลอมพลังของข้าให้สมบูรณ์ ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้… ยังห่างไกลอยู่มาก ภายหน้าค่อยมาเถอะ’

และก็เพราะประโยคนี้ ทำให้หลินสวินมั่นใจอย่างที่สุดว่าเงาร่างนี้น่าจะเป็นวิญญาณอาวุธของดาบหัก!

และเพราะภาพที่อู้เชวียหลอมแก่นพลังสมบัติซ่อมแซมพลังดั้งเดิม ทำให้หลินสวินเกิดความคิดหนึ่ง จึงเลียนแบบบ้าง ลองใช้วิธีเช่นนี้ยกระดับอานุภาพของดาบหัก

ไม่คิดว่าจะได้ผลจริงๆ

ช่วงที่ผ่านมานี้ดาบหักกลืนกินและดูดซึมแก่นพลังของศาสตราจักรพรรดิไม่หยุดเช่นเดียวกับธนูวิญญาณไร้แก่นสาร คุณลักษณะและอานุภาพยกระดับขึ้นอย่างชัดเจน!

—————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์