ตอนที่ 2069 สิบเจ้าแคว้นใหญ่
“ผู้อาวุโส ท่านคงไม่ได้ล้อเล่นกระมัง”
ลุงไหวฝืนยิ้มเอ่ย
“ที่นี่คือโลกมืด เจ้าโง่คนไหนจะเชื่อคนอื่นง่ายๆ ได้อย่างพวกเจ้า”
นี่เป็นคำพูดที่มู่ชวนเอ่ยก่อนหน้านี้ เพียงแต่ถูกหลินสวินพูดออกมาในตอนนี้
“หนี!”
พวกลุงไหวต่างผุดลุกขึ้น หนีไปยังนอกเรือน
ทว่าระหว่างทางร่างกายของพวกเขาก็กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน สลายไปหมดเหมือนไม้ผุที่เน่าเปื่อย นี่เป็นพลังมรรครุ่งโรจน์โรยร่วงของกายมรรคไม้เขียว
ข้างกองเพลิงที่มีเปลวไฟลุกโชน ส่องจนใบหน้าหล่อเหล่าของหลินสวินมีแสงเงาไหววูบ เขายกน้ำเต้าสุราเปลือกเขียวแหงนหน้าขึ้นดื่มอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ร่างต้นของเขาใช้อภินิหารหยุดเวลา เสียพลังกายไปอย่างรุนแรง ที่เขาใช้ในตอนนี้ก็คือกายมรรคไม้เขียว
‘ก็ไม่รู้ว่าซีจะมาหาข้าเมื่อไร…’
สักพักหลินสวินก็ถอนใจเบาๆ
ยิ่งนานไปก็ยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงสวัสดิภาพของซี ถ้ามั่นใจว่าจะชนะได้แน่ๆ ซีจะไม่มีข่าวคราวถึงตอนนี้ได้อย่างไร
“ลุงไหว วันนี้เก็บมาได้อย่างไรบ้าง”
ทันใดนั้นเสียงพิลึกพิลั่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นนอกเรือน
แล้วก็เห็นชายแต่งกายชุดหรูหราคนหนึ่งเอามือไพล่หลัง เดินตัวส่ายๆ เข้ามา คราเห็นว่าในเรือนมีแต่หลินสวินก็ตกใจอย่างห้ามไม่อยู่
และตอนที่เห็นมู่ชวนตายคาที่อยู่กับพื้น เขาก็หน้าเปลี่ยนสีทันที หันหลังจะจากไป
แต่ก็ในชั่วพริบตานี้เอง พลังอันน่าสะพรึงกดข่มลงมา ทำให้ร่างของเขาเหมือนถูกผนึกไว้ ไม่อาจกระดิกนิ้วสักนิ้วได้อีก
เขาสีหน้าบิดเบี้ยว เผยสีหน้าเคารพยำเกรงออกมา “ข้าคือจี้เหลิ่ง อริยะภายใต้อาณัติจวนเจ้าเมือง ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับใต้เท้า ขอให้ท่านปรานีด้วย”
หลินสวินนั่งไม่ไหวติงอยู่เช่นนั้น เอ่ยถามไปว่า “เจ้ามาทำอะไร ข้าอยากฟังความจริง”
ชายชุดงามหรูผู้เรียกตัวเองว่าจี้เหลิ่งรีบพูดว่า “วันนี้เป็นวันเก็บผลึกมรรคที่จวนเจ้าเมืองกำหนดไว้ ข้ามาหาลุงไหวกับลูกน้องเพื่อเก็บผลึกมรรคขอรับ”
“เก็บผลึกมรรคหรือ”
จี้เหลิ่งรีบร้อนเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ที่ลุงไหวกับลูกน้องของเขาทำก็คือกิจการปล้นบ้านชิงทรัพย์ ตามกฎแล้วทุกเจ็ดวันต้องจ่ายผลึกมรรคหนึ่งหมื่นก้อนให้จวนเจ้าเมือง”
หลินสวินตกใจอย่างห้ามไม่อยู่ ปล้นบ้านชิงทรัพย์ เดิมทีก็เป็นการโจรกรรมที่ชั่วร้ายเกินจะชดใช้ได้ แต่ดูตอนนี้สิ โจรอย่างพวกลุงไหวดันยังต้องมอบบรรณาการให้จวนเจ้าเมืองเป็นพักๆ เสียนี่…
เช่นนี้ดูท่า ‘นักพรตเอ้อ’ เจ้าเมืองเมืองผีครอบงำจะชั่วร้ายจริงๆ
พอเข้ามาในเมืองนี้ ไม่เพียงต้องจ่ายค่าเข้าเมือง จะพำนักอยู่ในเมืองยังต้องจ่ายหนึ่งพันผลึกมรรคทุกวัน หากอยากได้การคุ้มครอง ยังต้องทำงานถวายชีวิตให้จวนเจ้าเมือง…
เอารัดเอาเปรียบเป็นชั้นๆ เช่นนี้ นักพรตเอ้อเป็นเจ้าเมืองอย่างสุขสบายเสียจริง
หลินสวินครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “มิน่าตำแหน่งเจ้าเมืองถึงเป็นที่หมายตาของทุกๆ คน ใครได้ยึดครองเมืองหนึ่งก็เท่ากับได้ควบคุมเส้นทางทรัพย์ไม่ขาดสาย”
จี้เหลิ่งยิ้มประจบอยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “สหายยุทธ์ไม่รู้อะไร ผลเก็บเกี่ยวของเจ้าเมืองแต่ละเดือน อย่างน้อยก็ต้องจ่ายไปหกส่วน ทรัพย์สินที่ตกมาถึงตัวเองจริงๆ ไม่ได้มากมาย”
หลินสวินเลิกคิ้วพูด “จ่ายให้ใคร”
จี้เหลิ่งเอ่ย “‘‘เจ้าแคว้นคีรีดำ’ หนึ่งในสิบเจ้าแคว้นใหญ่แคว้นหนาวเหน็บ”
พูดถึงตรงนี้เขาคล้ายตระหนักอะไร พูดอย่างอดไม่ได้ว่า “หรือว่า… สหายยุทธ์จะมาโลกมืดเป็นครั้งแรก”
หลินสวินไม่ได้ปิดบัง เอ่ยว่า “ใช่แล้ว”
จี้เหลิ่งเผยสีหน้าว่าที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
เขายิ่งแสดงออกอย่างอ่อนน้อมขึ้นไปอีก
ในโลกภายนอก มังกรแกร่งไม่กำราบงูบนดิน แต่ในโลกมืดแห่งนี้ ที่ทำให้คนหวั่นกลัวที่สุดกลับเป็นบุคคลอย่าง ‘มังกรข้ามแม่น้ำ’
ส่วนงูบนดิน… ส่วนมากเป็นพวกที่จำเป็นต้องให้ผู้แข็งแกร่งคุ้มครอง ไม่มีราคาอะไร
หาไม่แล้วย่อมไม่มีทางยินยอมพร้อมใจถูกจวนเจ้าเมืองขูดรีดเป็นชั้นๆ เช่นนี้
อย่างพวกลุงไหว มู่ชวน ต่อให้เป็นคนเช่นนี้ ดูเหมือนเป็นโจรผู้ชั่วร้าย แต่ถ้าพวกเขาอยากอยู่ในเมืองนี้ก็ต้องมอบบรรณาการให้จวนเจ้าเมือง
หลินสวินกล่าว “เล่าเรื่องเจ้าแคว้นคีรีดำผู้นี้ให้ข้าฟังที”
ตอนนี้จี้เหลิ่งดูกระตือรือร้นหาใดเทียบ แทบจะพูดทุกอย่างที่ตนมีในสมองออกไปจนหมด ท่าทางมีมารยาทและอ่อนน้อม
ตามคำพูดของเขา เจ้าแคว้นคีรีดำเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิแท้ผู้หนึ่ง ควบคุมเมืองอยู่หนึ่งร้อยเก้าเมืองเป็นขุมอำนาจใต้อาณัติ
ไม่ว่าใครมาครองเมืองหนึ่งร้อยเก้าเมืองนี้ ทุกๆ หนึ่งเดือนต้องมอบบรรณาการให้เจ้าแคว้นคีรีดำ หาไม่แล้วจะถูกขุมอำนาจใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำทำลายล้าง
ในสิบเจ้าแคว้นใหญ่แคว้นหนาวเหน็บ ขุมอำนาจของเจ้าแคว้นคีรีดำทำได้เพียงอยู่อันดับหลังๆ ไม่ถึงกับแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะมาท้าทายได้
พอได้รู้เรื่องพวกนี้หลินสวินก็เอ่ยถามอย่างห้ามไม่ได้ว่า “เหตุใดเจ้าแคว้นคีรีดำถึงไม่เป็นเจ้าเมืองแต่ละเมืองเสียเอง”
จี้เหลิ่งกล่าวว่า “สหายยุทธ์ไม่รู้อะไร โลกมืดปั่นป่วนและโกลาหลเป็นที่สุด ระเบียบพังทลาย ทุกวันมีการเข่นฆ่านองเลือดปะทุขึ้นไม่รู้เท่าไร แม้ว่าขุมอำนาจใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำจะแข็งแกร่ง ก็ไม่อาจไปควบคุมระเบียบของแต่ละเมืองได้ แบบนั้นเปลืองพลังเกินไป สู้นั่งรอผลประโยชน์ยังดีกว่า”
หลินสวินจึงเข้าใจ
ต่อมาหลินสวินก็ถามคำถามอีกจำนวนหนึ่ง จี้เหลิ่งก็พูดสิ่งที่รู้ออกมาจนหมด
เช่นว่าเจ้าแคว้นอันดับหนึ่งแคว้นหนาวเหน็บก็คือผู้อาวุโสชั้นสูงสำนักโบราณจรัสเทพคนหนึ่ง มีฉายาว่า ‘จักรพรรดิมารวายุสังหาร’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์