Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2070

“ถ้าว่าตามที่เจ้าว่า นี่ก็เป็นโอกาสครั้งหนึ่งจริงๆ”

นักพรตเอ้อครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “แต่ข้ากังกล ว่าถ้าชักนำหมาป่าเข้าบ้านจะทำอย่างไร”

มังกรข้ามแม่น้ำที่สามารถเอาชนะนักเชือดเมิ่งได้ ทันทีที่ควบคุมได้ไม่ดี เกรงว่าจะเป็นการเล่นกับไฟ!

จี้เหลิ่งเอ่ยว่า “ท่านเจ้าเมืองวางใจได้ ข้าเห็นว่าเจ้าหมอนั่นในใจมีเป้าหมายยิ่งใหญ่ ปณิธานสูงส่ง แตกต่างกับคนพวกนี้ ไม่สนใจการยึดครองเมือง แผ่ขยายขุมอำนาจสักนิด ต่อให้พวกเราอยากรั้งเขาไว้ตลอด ก็เกรงว่าเป็นไปไม่ได้”

นักพรตเอ้อนิ่วหน้าเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเจ้ามีวิธีไหนทำให้เขาช่วยได้บ้าง”

จี้เหลิ่งแววตาลุ่มลึก เอ่ยว่า “ล่อเขาด้วยผลประโยชน์ ให้สิ่งที่เขาต้องการ คนอย่างเขามาที่โลกมืด จะต้องมีจุดมุ่งหมายแน่ เพียงแต่ด้วยความสามารถของพวกเรา เกรงว่าจะไม่อาจช่วยอะไรเขาได้ ดังนั้นก็ทำได้เพียงล่อเขาด้วยผลประโยชน์แล้ว”

นักพรตเอ้อถามอย่างอดไม่ได้ว่า “จะทำอย่างไร”

จี้เหลิ่งกัดฟันแล้วสื่อจิตเอ่ยคำหนึ่ง

นักพรตเอ้อสีหน้าเคร่งเครียดทันที “ไม่ได้! เกิดเขาเห็นเงินแล้วคิดชั่วๆ ขึ้นมาจะทำอย่างไร”

จี้เหลิ่งถอนหายใจเอ่ยว่า “ท่านเจ้าเมือง ถ้าไม่จ่ายค่าตอบแทนมากพอ จะได้ผลตอบแทนที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างไร โอกาสมีแค่ครั้งนี้ จะทำหรือไม่ทำขึ้นอยู่กับท่านตัดสินใจทั้งสิ้น”

นักพรตเอ้อสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่ว่างเว้น ครู่ใหญ่เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “จี้เหลิ่ง ข้ารับปากเจ้าเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นมา ข้าจะให้เจ้ารับผิดชอบ!”

จี้เหลิ่งพยักหน้า

เช้าวันรุ่งขึ้น

“เจ้าอยากเชิญข้าไปจวนเจ้าเมืองหรือ”

หลินสวินมองจี้เหลิ่งที่ยืนอย่างนอบน้อมอยู่ข้างกายตน เผยสีหน้าประหลาดใจ

เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะยังกล้ามาหาเขาเอง

จี้เหลิ่งเอ่ยนอบน้อม “สหายยุทธ์ ขอบอกท่านตามจริง เมื่อคืนหลังจากข้ากลับไปก็บอกท่านเจ้าเมืองนักพรตเอ้อ ว่าถ้าได้คนเก่งอย่างท่านมาเป็นพวก จะต้องช่วยให้เขาขยายอำนาจได้อย่างรวดเร็วแน่ ดังนั้นเจ้าเมืองจึงรับปากว่าไม่ว่าสหายยุทธ์จะมีคำขออะไร ขอเพียงเขาทำได้ก็จะรับทั้งหมด”

เขาดูจริงใจหาใดเทียบ

หลินสวินร้องอ้อแล้วเอ่ยถามว่า “พูดแบบนี้ เจ้าจึงมาเป็นผู้โน้มน้าวหรือ”

จี้เหลิ่งส่ายหัว “ตัวข้ารู้ขีดความสามารถของตัวเอง อาศัยแค่ถ้อยคำพวกนี้จะไปเชื้อเชิญผู้ยิ่งใหญ่อย่างสหายยุทธ์สำเร็จได้อย่างไร มาคราวนี้ก็เพียงอยากเชิญท่านไปดู ‘คลังสมบัติ’ ของท่านเจ้าเมืองเท่านั้น”

“คลังสมบัติหรือ”

ขนาดหลินสวินยังต้องยอมรับว่าจี้เหลิ่งที่เหมือนเป็นเพียงอริยะคนหนึ่ง แต่วาทศิลป์กลับล้ำเลิศหาใดเทียบ พอพูดมาก็ทำให้เขาใคร่รู้ขึ้นมาบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว

“ใช่ขอรับ”

จี้เหลิ่งเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว “พูดตามตรง เท่าที่ข้ารู้มา อย่ามองว่าท่านเจ้าเมืองเป็นเพียงมกุฎมหาอริยะคนหนึ่งเท่านั้น หลายปีมานี้ในคลังสมบัติของเขารวบรวมสมบัติดีๆ ไว้ไม่น้อย บางชิ้นยิ่งเป็นสมบัติโบราณที่เป็นมรดกตกทอดมานาน ลมปากเชื่อถืออะไรไม่ได้ หากสหายยุทธ์สนใจ ไปดูเสียหน่อยก็รู้แล้ว”

หลินสวินรู้ดีว่านี่เป็นเงื่อนไขที่จี้เหลิ่งวางไว้เพื่อดึงตัวเองไปเป็นพวก

เขาเอ่ยถาม “ในคลังสมบัตินั่นมีศาสตราจักรพรรดิไหม”

จี้เหลิ่งอึ้งไป ยิ้มเจื่อนๆ สายหัวต่อเนื่อง “สหายยุทธ์ ถ้าเป็นสมบัติอริยะยังหาได้ง่าย ส่วนศาสตราจักรพรรดิ… เจ้าเมืองเมืองหนึ่งจะไปแตะได้อย่างไร”

ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยว่า “แต่ว่า แม้คลังสมบัติเจ้าเมืองจะไม่มีศาสตราจักรพรรดิ แต่ยังมีสมบัติที่มีที่มาที่ไปลึกลับบางอย่าง เนื่องจากไม่รู้วิธีใช้มัน จึงถูกเก็บรักษาอยู่ในนั้นมาโดยตลอด ในนั้นก็อาจจะมีสมบัติที่สหายยุทธ์ใช้ได้ด้วย”

หลินสวินนิ่งคิดแล้วก็รับปากไป

แม้สมบัติที่อยู่กับตัวเขาจะมาก เพียงแค่ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาช่วงหลายปีนี้ยังสามารถเกื้อหนุนเขาไปถึงตอนที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ

แต่เขาก็ขาดสมบัติบางอย่างไปเช่นกัน

เช่นไม้เทพอย่างชางอู๋และคุนอู๋ สองในสี่ไม้เทพบรรพกาล หรืออย่างทรายวิญญาณดาราขุ่นใส วารีแรกปฐมเป็นอาทิ

เห็นหลินสวินตอบรับมา จี้เหลิ่งก็เผยสีหน้ายินดีปรีดาราวกับยกภูเขาออกจากอกทันที

……

จวนเจ้าเมือง

สำหรับผู้ฝึกปราณในเมืองผีครอบงำแล้ว จวนเจ้าเมืองย่อมเป็นสถานที่ที่หรูหราและปลอดภัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ที่นี่มียามอารักขานับไม่ถ้วน คุ้มกันแน่นหนา

จี้เหลิ่งพาหลินสวินเดินไปตามทางคดเคี้ยว ผ่านหออาคารต่างๆ มายัง ‘เขตหวงห้าม’ ในจวนเจ้าเมือง

ที่นี่ไม่เพียงมีผู้แข็งแกร่งอารักขามากมาย ทั้งยังปกคลุมด้วยกระบวนค่ายกลใหญ่ชั้นแล้วชั้นเล่า

หลังจากมาถึงที่นี่ จี้เหลิ่งอธิบายอย่างแข็งขันว่า “สหายยุทธ์ คลังสมบัติเจ้าเมืองนักพรตเอ้อก็ซ่อนอยู่ใต้ดินแห่งนี้”

ขณะพูด เขาก็เอาป้ายคำสั่งป้ายหนึ่งออกมาโบกเบาๆ

ครืน!

ห้วงอากาศปั่นป่วนแปรผัน สัญลักษณ์กระบวนผนึกลายมรรคแน่นขนัดไหลเวียน รวมตัวขึ้นเป็นประตูมายาบานหนึ่งช้าๆ

จี้เหลิ่งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ผายมือเป็นเชิงเชื้อเชิญ “สหายยุทธ์ เชิญ”

หลินสวินยืนนิ่ง เอ่ยว่า “ในนี้มีการซุ่มโจมตี”

ประโยคเดียวทำเอาจี้เหลิ่งนัยน์ตาหดรัด เท้าที่เพิ่งก้าวหยุดชะงัก เอ่ยอย่างฉงนว่า “ที่นี่เป็นถึงจวนเจ้าเมือง ใครจะกล้าซุ่มโจมตีที่นี่”

หลินสวินไม่ได้สนใจ แต่สายตาชำเลืองมองไปด้านข้างไม่ไกล เอ่ยเนิบนาบว่า “ออกมาเถอะ อย่าบีบให้ข้าลงมือ”

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมองค่ายกลมายาของที่นี่ออก”

เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น ต่อมาทิวทัศน์ในบริเวณใกล้เคียงก็เปลี่ยนไปทันที กลายเป็นพื้นที่อันกว้างขวางแถบหนึ่ง และสี่ทิศรอบด้านหลินสวินและเหลิ่ง มีเงาร่างมากมายแน่นขนัดปรากฏตัวออกมา

อานุภาพแต่ละคนดุร้ายคับฟ้า!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์