Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2087

ตอนที่ 2087 เจ้าแคว้นมาบุก

ยามเมื่อข่าวแพร่กลับมายังอาณาเขตของเจ้าแคว้นคีรีดำ ก็เรียกความสะท้านสะเทือนครั้งใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกัน

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่ติดตามอยู่ข้างกายเจ้าแคว้นคีรีดำพวกนั้นยังไม่กล้าเชื่อ เพิ่งหนึ่งเดือนเท่านั้น ถึงกับมีเจ้าแคว้นคนหนึ่งยอมสวามิภักดิ์ภายใต้ปกครองของเจ้าแคว้นคีรีดำอีกแล้ว

ที่น่าขันที่สุดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาถึงกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างสิ้นเชิง!

และมีคนนึกถึงประโยคนั้นที่เจ้าแคว้นคีรีดำเคยพูดก่อนปิดด่านเมื่อหนึ่งเดือนก่อนขึ้นมา…

‘ข้าได้สั่งให้มารกระบี่เต้ายวนเคลื่อนไหวไปทำเรื่องหนึ่งแล้ว ส่วนเป็นเรื่องอะไรนั้น รอผ่านไปสักระยะพวกเจ้าก็จะรู้…’

ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็รู้แล้ว แต่เมื่อนึกถึงว่ามารกระบี่เต้ายวนคนเดียวก็ช่วยเจ้าแคว้นคีรีดำทำการใหญ่เช่นนี้ ก็ยังอดใจสั่นและสะท้านสะเทือนไปพักหนึ่งไม่ได้

เจ้าหมอนั่นร้ายกาจเกินไปแล้วกระมัง

“ปิดด่านอะไร ข้าว่าใต้เท้าคีรีดำมุ่งหน้าไปอาณาเขตของเจ้าแคว้นฮวงโหวนั่นเพียงลำพังต่างหาก หาไม่ลำพังแค่มารกระบี่เต้ายวนคนเดียว มีหรือจะสยบเจ้าแคว้นฮวงโหวได้”

มีคนสันนิษฐานเช่นนี้ และได้รับการเห็นด้วยจากคนส่วนใหญ่อย่างรวดเร็ว

และมีเพียงอธิบายเช่นนี้จึงจะสมเหตุสมผล

‘เจ้าแคว้นคีรีดำอะไร ต้องเป็นฝีมือผู้อาวุโสเต้ายวนคนเดียวแน่’

และยามที่จี้เหลิ่งได้รับข่าว ก็คาดการณ์อย่างมั่นใจทันทีว่าเรื่องนี้ต้องไม่เกี่ยวกับเจ้าแคว้นคีรีดำอย่างแน่นอน!

เพียงแต่เมื่อนึกถึงว่าแม้แต่เจ้าแคว้นฮวงโหวก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสเต้ายวนคนนี้ จี้เหลิ่งก็อดสะท้านไปชั่วขณะไม่ได้

แข็งแกร่ง!

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

เดือนเดียว ตัวคนคนเดียว กลืนขุมอำนาจเจ้าแคว้นแห่งหนึ่ง!

……

ผ่านเรื่องราวครั้งนี้ ชื่อเสียงของมารกระบี่เต้ายวนก็กึกก้องอยู่ใต้เวิ้งฟ้าแคว้นหนาวเหน็บอย่างสมบูรณ์!

แน่นอน ไม่ว่าเมื่อใดที่เอ่ยถึงเขา จะต้องถูกเอ่ยพร้อมเจ้าแคว้นคีรีดำด้วย ใครต่างก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าแคว้นคีรีดำรับบริวารที่โดดเด่นเหนือธรรมดาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

และสำหรับเจ้าแคว้นคนอื่นๆ ในแคว้นหนาวเหน็บ เจ้าแคว้นคีรีดำได้กลายเป็นภัยคุกคามใหญ่อย่างหนึ่ง

หนึ่งเดือนก่อน เขากลืนกินอาณาเขตฃของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต

หนึ่งเดือนต่อมา เขาก็รวบกลืนอาณาเขตของเจ้าแคว้นฮวงโหวอีก

ความเร็วของการแผ่ขยายอำนาจเช่นนี้เรียกได้ว่าน่าตะหนก ใครก็ไม่สามารถฟันธงว่าเดือนต่อไปจะเกิดเรื่องพรรค์ขึ้นอีกหรือไม่

“ความตะกละของเจ้าเฒ่าคีรีดำนี่ออกจะไม่น่าดูเกินไปแล้ว! ข้าไม่อาจนั่งนิ่งรอความตายเช่นนี้ได้เด็ดขาด!”

เขาวั่นโม่ เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงสีหน้ามืดทะมึน

เขารูปร่างซูบผอม หน้าตาดุจเด็กหนุ่ม มีผมสีแดงที่เด่นเตะตา ระหว่างกะพริบตาผุดลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงประหนึ่งผลาญสวรรค์ทำลายดินก็ไม่ปาน

อาณาเขตของเขาติดกับเจ้าแคว้นฮวงโหว อีกด้านหนึ่งก็เชื่อมต่อกับอาณาเขตเดิมของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต

นี่ทำให้เขาไม่อาจไม่กังวลใจ ว่าเป้าหมายต่อไปที่เจ้าแคว้นคีรีดำจะกลืนกินจะเป็นตน

“รายงาน…”

เสียงร้อนรนสายหนึ่งดังขึ้นนอกโถงใหญ่ “นายท่าน เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ย เจ้าแคว้นเฟยหยา เจ้าแคว้นฮุยซวงร่มตัวมาเยือนพร้อมกัน ยามนี้กำลังรออยู่ด้านนอกประตูภูเขา”

เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงอึ้งไป จากนั้นก็เผยแววยินดีกล่าวว่า “รีบเชิญมาเร็วเข้า!”

ในใจเขาก็มีลางสังหรณ์ก่อนแล้ว เจ้าแคว้นทั้งสามคนนี้เกรงว่าคงเพราะถูกกระตุ้นจากเจ้าแคว้นคีรีดำ รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่แล้ว

ไม่ทันไรเงาร่างสามสายปรากฏขึ้นนอกโถง

ชายชราซูบผอมที่ผมหงอกขาว ดวงหน้าขึงขัง มือกำแส้หางม้าสีเลือดด้ามหนึ่ง นัยน์ตาเจือประกายแสงสีฟ้าเข้มที่แปลกพิสดาร

นี่คือเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ย

ชายวัยกลางคนร่างแกร่งล่ำ สวมเกราะดำ โครงหน้าดุดันชวนครั่นคร้าม ยามก้าวเดินก็เหมือนภูเขาเทพเคลื่อนที่ ให้ความรู้สึกกดดันหาใดเปรียบแก่ผู้คน

นี่คือเจ้าแคว้นเฟยหยา

อีกหนึ่งเงาร่างหนึ่งเป็นหญิงบอบบางอรชร ผมยาวเกล้ามวย ดวงหน้าโดดเด่น สีหน้าเย็นเยียบเย่อหยิ่ง นี่คือเจ้าแคว้นฮุยซวง

สามคนนี้ต่างเป็นระดับจักรพรรดิที่ครองอาณาเขตในแคว้นหนาวเหน็บนานปี ผ่านประสบการณ์เลวร้ายทุกรูปแบบ เห็นฝนเลือดลมคาวมาจนชิน

แต่เวลานี้สีหน้าของพวกเขาต่างเจือแววอึมครึมเสี้ยวหนึ่ง

“เชิญทั้งสามท่าน”

เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงต้อนรับพวกเขาเข้าโถงใหญ่ แล้วแยกกันนั่ง

“สหายยุทธ์หลิ่นเฟิง ดูท่าเจ้าคงเดาจุดประสงค์การมาของพวกเราได้แล้ว เช่นนั้นก็ขอพูดตรงๆ”

เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยที่รูปร่างหน้าตาซูบผอมเหมือนคนแก่ แต่นัยน์ตากลับแปลกประหลาดชวนสยองเอ่ยปากเสียงขรึม “พวกเรามาครั้งนี้ ก็เพราะอยากเชิญสหายยุทธ์ไปสังหารเจ้าเฒ่าคีรีดำนั่นด้วยกัน!”

ในน้ำเสียงเจือไอสังหารที่ไม่ปกปิดแต่อย่างใด

“ไม่ผิด เดิมทีแคว้นหนาวเหน็บนี่เป็นพวกเราสิบเจ้าแคว้นใหญ่ร่วมกันปกครอง ระหว่างพวกเราทุกคนถึงแม้จะเกิดความขัดแย้งและไม่ลงรอยกันบ้าง แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่พอรับได้”

เจ้าแคว้นเฟยหยากัดฟันกล่าว “แต่เจ้าเฒ่าคีรีดำนี่ ภายในสองเดือนกลับกลืนกินอาณาเขตของสองสหายยุทธ์อย่างคลั่งโลหิตกับฮวงโหว การกระทำเช่นนี้วางโตโอหังถึงขีดสุด!”

“เท่าที่ข้าดู ขืนยังไม่ลงมือห้ามยับยั้งอีก อาณาเขตของพวกเราเหล่านี้… เกรงว่าจะถูกเจ้าเฒ่านี่รุกรานกลืนกินไปทีละแห่ง”

เจ้าแคว้นฮุยซวงสีหน้าเย็นเยียบ ในคำพูดก็เปี่ยมด้วยแววเดือดดาล

สมดุลที่ผ่านมาถูกทำลาย ก็เหมือนน้ำในทะเลสาบเกิดระลอกคลื่นโหมซัด ไม่ว่าใครล้วนต้องโดนลูกหลงอย่างเลี่ยงไม่ได้

เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงไม่ได้รีบร้อนตอบรับ หากแต่กล่าวถาม “สหายยุทธ์ทั้งสาม รู้หรือไม่สหายยุทธ์วายุสังหารมีท่าทีอย่างไร”

สหายยุทธ์วายุสังหาร ก็คือจักรพรรดิมารวายุสังหาร และเป็นเจ้าแคว้นอันดับหนึ่งในแคว้นหนาวเหน็บ ขณะเดียวกันเขายังเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักโบราณจรัสเทพด้วย

นี่ทำให้ฐานะของจักรพรรดิมารวายุสังหารในแคว้นหนาวเหน็บแปลกแยกหาใดเปรียบ

“เขา?”

หมิงเยวี่ยเผยรอยยิ้มเยาะหยัน “เขากำลังยุ่งกับการเคลื่อนพลตามคำสั่งของสำนักโบราณจรัสเทพ ไปตามหาร่องรอยของผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอยู่ ไม่ได้มีท่าทีสนใจเรื่องพวกนี้สักนิด”

เจ้าแคว้นเฟยหยากล่าวว่า “สหายยุทธ์วายุสังหารเป็นถึงคนของสำนักโบราณจรัสเทพ ย่อมไม่ห่วงว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำจะกล้าลงมือกับเขา ไม่เหมือนพวกเรา คิดอยากรั้งตำแหน่งอย่างมั่นคงในแคว้นหนาวเหน็บ มีแต่ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์