ตอนที่ 2088 กระบี่เดียวฟ้าดินพินาศ
…แต่ไรมาโลกมืดไม่เคยมีดีชั่ว ขาวดำ ถูกผิด
มีแต่เป็นตาย
เพื่อจะบีบเจ้าแคว้นคีรีดำออกมา พวกสี่เจ้าแคว้นอย่างหมิงเยวี่ย หลิ่นเฟิง เฟยหยา ฮุยซวง ในฐานะระดับจักรพรรดิ สามารถไปบุกฆ่าบริวารใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำพวกนั้นอย่างไร้กลัวเกรง เลือดเย็นไร้ปรานี
ในโลกมืด ทุกชีวิตล้วนเป็นผักหญ้า!
เมืองลมสะท้าน
ห้วงอากาศเงียบงันวังเวง บนท้องถนนไม่พบเห็นเงาร่างใดๆ อีก
ยามโพล้เพล้แสงสนธยาประหนึ่งเลือดสาด
หน้าเมือง เจ้าแคว้นทั้งสี่บ้างนั่งบ้างยืน กลิ่นอายระดับจักรพรรดิที่แผ่ออกมาแผ่ครอบฟ้าดินแถบนี้ ประหนึ่งแดนต้องห้ามที่เทพผีไม่กล้าเฉียดใกล้
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำนี่ถึงกับทนได้…” เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยทอดถอนใจ
เจ้าแคว้นเฟยหยาสีหน้าอึมครึม “ลูกน้องตายแล้ว ยังสามารถไปหาคนและปลูกฝังได้ แต่หากเขาเฒ่าคีรีดำตายไป ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”
เป็นเวลาสามวันแล้ว
ในช่วงสามวันนี้พวกเขาเคลื่อนไหวร่วมกันในอาณาเขตเจ้าแคว้นคีรีดำ เข่นฆ่าทุกแห่งหน ประหนึ่งพายุกระโชก
ผู้แข็งแกร่งคนใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเจ้าแคว้นคีรีดำ ต่างเป็นเป้าหมายที่พวกเขาโจมตีสังหาร
จวบจนบัดนี้บริวารเหล่านั้นที่อยู่ใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำล้วนถูกพวกเขาฆ่าไม่เกือบหมดแล้ว
แต่จนตอนนี้เจ้าแคว้นคีรีดำยังไม่มีแม้แต่ความเคลื่อนไหวสักนิด!
จู่ๆ เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยก็เอ่ยถาม “สหายยุทธ์ฮุยซวง เจ้าสืบข่าวร่องรอยของมารกระบี่เต้ายวนนั่นได้บ้างหรือไม่”
คนอื่นๆ ก็ทอดสายตาไปทางเจ้าแคว้นฮุยซวงด้วยเช่นกัน
มารกระบี่เต้ายวน!
ผู้แข็งแกร่งที่หลายเดือนก่อนจู่ๆ ก็ผงาดขึ้นราวกับดาวหาง และถูกมองเป็นแม่ทัพที่โดดเด่นที่สุดใต้อาณัติเจ้าแคว้นคีรีดำ
ยามนี้ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิเหมือนอย่างพวกเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ย ก็ยังได้ยินชื่อนี้ผ่านหูเช่นกัน
นี่ทำให้พวกเขารู้ชัด ว่าขอเพียงจับตัวมารกระบี่เต้ายวนได้ บางทีอาจบีบเจ้าแคว้นคีรีดำอออกมาก็เป็นได้!
“ไม่มี ร่องรอยเจ้าหมอนี่ล่องลอยไม่นิ่ง แทบไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน”
เจ้าแคว้นฮุยซวงกล่าวถึงตรงนี้ก็เปลี่ยนประเด็นทันที “แต่ก็มีคนบอกว่า มหาอริยะคนหนึ่งชื่อจี้เหลิ่งติดตามรับใช้ข้างกายมารกระบี่เต้ายวนนี่ตลอด หนำซ้ำช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานจี้เหลิ่งนี่เคยปรากฏตัวที่เมืองแสงเงินด้วย”
“เมืองแสงเงินอยู่ที่ไหน”
“ห่างจากที่นี่สามหมื่นเก้าพันลี้”
“เรื่องไม่อาจล่าช้า แทนที่จะเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่สู้ไปลองเสี่ยงดู”
จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ตัดสินใจ
ทว่าขณะที่พวกเขาตั้งใจจะเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็ตระหนักได้ว่ากลางภูผาธาราเวิ้งว้างไกลโพ้นนอกเมือง มีเงาร่างสายหนึ่งเดินเข้ามา
สันโดษเพียงลำพัง เดินกลางอากาศ เงาร่างสูงโปร่งอาบชโลมใต้แสงอาทิตย์อัสดง คละคลุ้งด้วยท่วงทำนองละโลกีย์ที่ลึกลับสายหนึ่ง
พวกเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยต่างฉายแววประหลาดใจออกมา
หลังจากพวกเขามาถึงเมืองลมสะท้านแห่งนี้ ผู้ฝึกปราณทั้งในและนอกเมืองต่างกลัวตัวสั่น เผ่นหนีจนหมดเกลี้ยงเหมือนสุนัขไร้บ้านนานแล้ว
ทว่าตอนนี้ถึงกับมีคนผู้หนึ่งเป็นฝ่ายมุ่งหน้ามาหาเอง นี่เห็นได้ชัดว่าผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย
นัยน์ตาของเจ้าแคว้นฮุยซวงฉายประกายเย็นชาวูบหนึ่ง “เป็นเขา มารกระบี่เต้ายวนคนนั้น ข้าเคยเห็นภาพเหมือนเกี่ยวกับเจ้าหมอนี่มาก่อน”
มารกระบี่เต้ายวน!
พวกเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยอึ้งไปอีกครั้ง พวกเขาเพิ่งหมายจะไปหาเจ้าหมอนี่ ใครเลยจะคาดคิดว่าอีกฝ่ายถึงกับเป็นฝ่ายมาหาเองถึงที่
“ฮ่าๆ เดินจนรองเท้าเหล็กพังยังหาไม่ได้ บทจะมาง่ายดายไม่เปลืองแรง!” เจ้าแคว้นเฟยหยาหัวเราะ นัยน์ตาทอประกายยินดี
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า… สถานการณ์ชักไม่เข้าที” เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงขมวดคิ้ว
คนอย่างมารกระบี่เต้ายวน ถึงจะไม่ถูกพวกเขาเห็นในสายตา แต่อีกฝ่ายสามารถมีชื่อเสียงบารมีเช่นปัจจุบัน มีหรือคนธรรมดาทั่วไปจะเทียบชั้นได้
บุคคลเช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะโง่จนถึงขั้นมุ่งหน้ามาตายเปล่า!
“อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม”
เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยกล่าวเรียบนิ่ง “ไม่ว่าเจ้าหมอนี่จะมาไม้ไหน ในเมื่อเขามาแล้ว บางทีอาจพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำก็นั่งไม่ติดแล้ว”
คนอื่นๆ ต่างพยักหน้า
ระดับจักรพรรดิทั้งสี่ที่ผ่านประสบการณ์สุ่มเสี่ยง อาศัยอยู่ในโลกมืดนานปี ย่อมไม่เกรงกลัวมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งอยู่แล้ว
ก็เห็นยามที่เงาร่างหลินสวินมาถึงบริเวณห่างจากนอกเมืองพันจั้ง ยืนตระหง่านอยู่กลางห้วงอากาศ
เขาสะพายกล่องกระบี่สำริดเก่าคร่ำคร่า นัยน์ตาดำพร่างพราว ถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “ช่างละอายจริงๆ ก่อนหน้านี้มุ่งหน้าไปเขาแสงต้นเฟิง ตอนที่รีบเร่งมาถึงเพิ่งพบว่าทำให้ทุกท่านรอนานแล้ว”
เขาแสงต้นเฟิง!
นั่นเป็นถึงที่พำนักของเจ้าแคว้นหลิ่นเฟิง!
ชั่วขณะนั้นในใจเจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยและคนอื่นๆ ต่างสั่นสะท้าน
หลายวันก่อนอาณาเขตของเจ้าแคว้นฮวงโหวเพิ่งจะถูกเจ้าเฒ่าคีรีดำรวบไป และมารกระบี่เต้ายวนนี่ก็โผล่มาที่อาณาเขตที่เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงครอบครองอีก
นี่หมายความว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำวางแผนครองอาณาเขตเจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงแล้วใช่หรือไม่
“เจ้าสวะตัวจ้อย อย่าหวังจะพูดข่มขวัญผู้อื่น แค่เจ้าก็คิดอยากบุกเข้าเขาแสงต้นเฟิงรึ ช่างน่าขันซะจริง!”
เจ้าแคว้นหลิ่นเฟิงตวาดลั่น น้ำเสียงดุจสายฟ้าฟาดสะเทือนฟ้าดินแถบนี้
หลินสวินสีหน้าผ่อนคลาย “น่าขันหรือไม่ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญคือทั้งสี่ท่านปรากฏตัวอยู่ที่นี่พร้อมกัน นับว่าทำให้ข้าไม่ต้องลำบากตามหาอีกแล้ว เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง”
“เจ้า… คงไม่ได้คิดจะมาต่อกรกับพวกเราสี่คนด้วยตัวคนเดียวกระมัง” เจ้าแคว้นหมิงเยวี่ยเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เจ้าแคว้นคนอื่นๆ เองก็ตะลึงไปชั่วขณะ
กลับเห็นหลินสวินตบกล่องกระบี่ที่อยู่ด้านหลังเบาๆ กล่าวว่า “ในนี้มีกระบี่เล่มหนึ่ง เชิญทุกท่านมาชมหน่อย”
ชิ้ง!
กระบี่ครวญดุจกระแสน้ำเชี่ยว ก้องสะท้อนเก้าชั้นฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์