สรุปตอน ตอนที่ 2102 งานชุมนุมบัวเลิศ รูปปั้นเทพกษิติครรภ์ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 2102 งานชุมนุมบัวเลิศ รูปปั้นเทพกษิติครรภ์ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“หยุดนะ!”
มีคนผรุสวาท น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่ง
หลินสวินไม่ได้สนใจ ยังคงเดินต่อด้วยท่าทางใจเย็น นี่ทำให้สีหน้าของชายหญิงเหล่านั้นต่างดูไม่น่าดูเล็กน้อย
“ให้เขาไปเถอะ”
เฒ่าชราผมขาวพูด สายตาน่ากลัว
พวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิง ต่างเผยสีหน้าประหลาดใจ
จนกระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายไป เฒ่าชราผมขาวจึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พวกเจ้าต้องจำไว้อีกจุด ในโลกมืด หากถูกมองว่าเป็นศัตรู คู่ต่อสู้ก็จะไม่สนใจฐานะและที่มาของเจ้า”
“หากเจอคนที่ดูตื้นลึกหนาบางไม่ออก แม้อยากจะฆ่าอีกฝ่ายแค่ไหนก็จำไว้ว่าห้ามบุ่มบ่าม”
พูดถึงสุดท้ายเฒ่าชราผมขาวก็ยิ้ม “แน่นอนว่าอาจเพราะข้าดูผิดไป แต่ระวังไว้อย่างไรก็ไม่มีผิด”
เฟ่ยหล่างพูดอย่างประหลาดใจ “แม้แต่อาจารย์ลุงก็ดูตื้นลึกหนาบางของเจ้าหมอนั่นไม่ออกหรือ”
“นั่นเป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง แต่ก็แตกต่างจากคนอื่นๆ โดยเฉพาะความมั่นใจที่เขาเผยออกมา ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำแน่ นี่เป็นการพิสูจน์ว่าเขาไม่กลัวพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัย”
เฒ่าชราผมขาวพูด “ก็เพราะเช่นนี้ ระวังไว้บ้างก็ดี”
ประโยคนี้พูดอย่างมั่นคงแน่วนิ่ง
มีคนคล้ายขบคิด และมีคนไม่พอใจเล็กน้อย
เฟ่ยหล่างพูดเสียงเย็น “รอคราวหน้าหากมีโอกาสเจอกัน ข้าจะต้องวัดเบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้าหมอนั่นให้ได้!”
“พวกเราก็ไปกันเถอะ ก่อนที่แดนปรินิพพานจะปรากฏขึ้นในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ พวกเรายังมีอีกเรื่องต้องทำ”
เฒ่าชราผมขาวพาคนทั้งกลุ่มเดินออกจากหอสุรา
“อาจารย์ลุง การเดินทางครั้งนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันแน่” หลันหลิงถามอย่างสงสัย
เฒ่าชราผมขาวพูดประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ
“งานชุมนุมบัวเลิศแห่งเมืองหมื่นดารา”
……
จนกระทั่งไปจากเมืองซีลั่วก็ไม่เห็นพวกเฒ่าชราผมขาวตามมา หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้
‘เจ้าเฒ่านั่นนับว่าสายตาไม่เลว’
หลินสวินส่ายหน้า แล้วทิ้งเรื่องเล็กที่แทรกเข้ามานี้ไว้ด้านหลัง
ในเวลาหลังจากนั้นเขาเร่งเดินทางต่อ เดินทางไปตามทิศทางที่แผนที่ในคันฉ่องทองแดงนำทางชี้นำ
ระหว่างทางเขาตัวคนเดียวสะพายกล่องกระบี่ข้ามน้ำข้ามเขา ตากหมอกตากน้ำค้าง สภาวะจิตนิ่งสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เดินก็สงบ นั่งก็สงบ จิตใจสงบเป็นธรรมชาติ
นี่เป็นทั้งการเร่งเดินทางและการฝึกปราณครั้งหนึ่ง
โลกมืดที่วุ่นวายโกลาหล ราวกับไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว
ผ่านไปอีกครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว
แคว้นเรืองเมฆา
หนึ่งในสามสิบสามแคว้นแห่งโลกมืด ถูกขุมอำนาจแดนกษิติครรภ์ครอบครองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของแคว้นเรืองเมฆา ประกอบด้วยเมืองจำนวนนับไม่ถ้วน ในแต่ละเมืองแทบจะสร้างอารามกษิติครรภ์ไว้ทั้งหมด
ในอารามทุกหลังล้วนบูชารูปปั้นสัตว์เทพ ว่ากันว่ารูปปั้นนั้นคือรูปลักษณ์เดิมของ ‘จอมจักรพรรดิกษิติครรภ์’ บรรพจารย์ผู้บุกเบิกแดนกษิติครรภ์!
เมืองรวมเมฆา
หนึ่งในเมืองมากมายของแคว้นเรืองเมฆา ตอนที่หลินสวินเดินเข้าเมืองไปเพียงลำพัง ก็พบว่าในหมู่ผู้ฝึกปราณในเมือง ไม่ขาดเหล่าภิกษุแดนกษิติครรภ์ที่เดินเท้าเปล่า สวมชุดดำ สีหน้าเรียบเฉย
ในบริเวณที่พวกเขาเดิน ผู้แข็งแกร่งที่ดุร้ายเหล่านั้นแต่ละคนต่างหลบไปอยู่ข้างๆ เผยสีหน้าเคารพนอบน้อม
หลินสวินถึงขั้นเห็นว่าผู้แข็งแกร่งที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง กำลังก้มตัวทำความเคารพภิกษุกลุ่มหนึ่งที่มีพลังปราณเพียงระดับอริยะ!
นี่ทำให้หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ จากเรื่องนี้สามารถดูออกว่าในอาณาเขตที่ถูกแดนกษิติครรภ์ครอบครองนี้ อิทธิพลของแดนกษิติครรภ์แข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่ภิกษุทั่วไปเดินทาง ยังไม่มีใครกล้าล่วงเกิน!
“ได้ยินหรือยังว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากทั่วโลกหล้าได้เดินทางไปยังเมืองหมื่นดาราแล้ว ว่ากันว่าจะเข้าร่วมงานชุมนุมบัวเลิศ”
“งานชุมนุมบัวเลิศหรือ”
“ไม่ผิด นี่เป็นงานใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ว่ากันว่าสองยักษ์ใหญ่อย่างแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพร่วมกันจัดขึ้น เพื่อวาสนาชั้นเลิศที่เกี่ยวข้องกับแดนปรินิพพาน”
“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าช่วงที่ผ่านมาหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ของโลกใหญ่หงเหมิง รวมถึงขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ในเขตแดนดาราอื่นๆ ล้วนส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งมายังโลกมืด คล้ายว่าล้วนมาเพื่อแดนปรินิพพานแทบจะทั้งหมด”
…เสียงวิพากษ์วิจารณ์ระลอกหนึ่งดึงดูดความสนใจของหลินสวิน
อันที่จริงหลินสวินไม่จำเป็นต้องสืบด้วยซ้ำ ไม่นานเขาก็รู้ทุกอย่างแล้ว
เพราะตามท้องถนนของเมืองรวมเมฆามีคนพูดถึงงานชุมนุมบัวเลิศอยู่ทั่วทุกที่ ไม่อยากรู้ยังยาก
หนึ่งปีหลังจากนี้เคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามจะมาเยือน แดนปรินิพพานจะปรากฏขึ้นในโลก ข่าวเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของทั่วหล้านานแล้ว
เวลานี้มีผู้แข็งแกร่งมากมายเข้าๆ ออกๆ ในอารามกษิติครรภ์ แต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึม แฝงความศรัทธา
“รีบดูนั่น นั่นแหละอารามกษิติครรภ์ ในแคว้นเรืองเมฆา อยากได้รับการคุ้มครองเมื่อเข้าเมือง ไม่จำเป็นต้องจ่ายผลึกมรรค และไม่จำเป็นต้องจ่ายสมบัติ ขอเพียงแค่ไปกราบไหว้อารามกษิติครรภ์ด้วยความศรัทธาทุกเจ็ดวันก็พอแล้ว”
“ก็เพราะเช่นนี้ คนมากมายที่ไม่สามารถยืนหยัดในโลกมืดอย่างพวกเราล้วนไปขอการคุ้มครองในอาณาเขตของแดนกษิติครรภ์”
บริเวณนั้นมีคนพูดอย่างตื่นเต้น “รีบไป พวกเราก็ไปกันด้วย”
หลินสวินเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่าคนผู้นั้นเรียกสหายเดินไปยังอารามกษิติครรภ์นั่นด้วยกัน
‘เพียงแค่กราบไหว้อย่างศรัทธา ก็จะได้รับการคุ้มครองหรือ’
ดวงตาดำขลับของหลินสวินลึกล้ำ มองไปยังอารามที่ถูกปกคลุมด้วยสีดำไกลออกไป ในใจปรากฏความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ‘ใต้หล้านี้มีของถูกเช่นนี้จริงหรือ’
หลินสวินคิดพลางเดินไปยังอารามกษิติครรภ์
ก่อนจะเข้าเมืองรวมเมฆา เขาเองก็เคยได้ยินว่าในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลที่แดนกษิติครรภ์ครอบครอง ในทุกเมืองล้วนสร้างอารามกษิติครรภ์ไว้ ภายในบูชารูปปั้นสัตว์เทพองค์หนึ่ง ว่ากันว่าสัตว์เทพนั้นเป็นรูปลักษณ์เดิมของจอมจักรพรรดิกษิติครรภ์ บรรพจารย์ผู้บุกเบิกแดนกษิติครรภ์
นี่ทำให้หลินสวินอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ อยากจะเข้าไปสืบค้นดูสักหน่อย
ถึงอย่างไรว่าไปแล้วเขากับแดนกษิติครรภ์… ก็เป็นศัตรูคู่อาฆาต!
หลังจากเดินเข้าอาราม หลินสวินรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้ามืดลง ราวกับเดินเข้าไปยังโลกที่เงียบสงบและมืดมน
สิ่งที่สะท้อนเข้าสู่สายตาเป็นอย่างแรกคือมรรคสถานที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง ปูพื้นด้วยอิฐดำสนิท สีเข้มจนน่ากลัว
โคมธรรมสำริดมากมายลอยอยู่รอบๆ แสงโคมส่ายไปมา สาดแสงศักดิ์สิทธิ์
ตรงปลายมรรคสถานเป็นซุ้มธรรมที่สูงใหญ่ร้อยจั้ง
สองข้างของซุ้มธรรมมีรูปปั้นหินของสัตว์หลายชนิดอย่างเช่น สิงห์พยัคฆ์ ช้างยักษ์ กิเลน เซี่ยจื้อ หงส์โลหิตตั้งอยู่ รวมแล้วมากถึงสามพันกว่าตัว รูปปั้นหินแต่ละตัวล้วนราวกับมีชีวิต แผ่อานุภาพและท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกัน ราวกับสามารถตื่นจากการหลับใหลได้ตลอดเวลา
ในซุ้มธรรมก็มีรูปปั้นสัตว์บูชาอยู่เช่นกัน แต่รูปลักษณ์กลับแปลกประหลาดอย่างที่สุด
ศีรษะของมันเหมือนสิงห์พยัคฆ์ ปากเหมือนจระเข้ ตาเหมือนงูเหลือม หูเหมือนวัวม้า เกล็ดเหมือนปลา เท้าเหมือนหงส์ เขาเหมือนกวาง หนวดเหมือนมังกร หางและหลังเหมือนสุนัข!
หลินสวินเองก็เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับ ‘สี่ไม่เหมือน’ แต่รูปปั้นอสูรที่อยู่ตรงหน้า สามารถเรียกได้ว่า ‘เก้าไม่เหมือน’ โดยสมบูรณ์!
มันยึดครองซุ้มธรรม หลับตา ร่างกายราวกับภูเขาตั้งตระหง่าน ทั้งร่างปกคลุมอยู่ในความมืดที่คลุมเครือราวกับหมอก เหมือนเทพที่มาจากความมืดแผ่อานุภาพอันเย่อหยิ่ง
แปลกประหลาดและน่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ ไม่ว่าใครเห็นจิตใจล้วนต้องถูกสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน!
แม้แต่หลินสวินเองยังอดนัยน์ตาหดรัดไม่ได้ ในใจหนาวเยือกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่… คือบรรพจารย์ผู้บุกเบิกแดนกษิติครรภ์หรือ
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์