“หยุดนะ!”
มีคนผรุสวาท น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่ง
หลินสวินไม่ได้สนใจ ยังคงเดินต่อด้วยท่าทางใจเย็น นี่ทำให้สีหน้าของชายหญิงเหล่านั้นต่างดูไม่น่าดูเล็กน้อย
“ให้เขาไปเถอะ”
เฒ่าชราผมขาวพูด สายตาน่ากลัว
พวกเฟ่ยหล่าง หลันหลิง ต่างเผยสีหน้าประหลาดใจ
จนกระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายไป เฒ่าชราผมขาวจึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พวกเจ้าต้องจำไว้อีกจุด ในโลกมืด หากถูกมองว่าเป็นศัตรู คู่ต่อสู้ก็จะไม่สนใจฐานะและที่มาของเจ้า”
“หากเจอคนที่ดูตื้นลึกหนาบางไม่ออก แม้อยากจะฆ่าอีกฝ่ายแค่ไหนก็จำไว้ว่าห้ามบุ่มบ่าม”
พูดถึงสุดท้ายเฒ่าชราผมขาวก็ยิ้ม “แน่นอนว่าอาจเพราะข้าดูผิดไป แต่ระวังไว้อย่างไรก็ไม่มีผิด”
เฟ่ยหล่างพูดอย่างประหลาดใจ “แม้แต่อาจารย์ลุงก็ดูตื้นลึกหนาบางของเจ้าหมอนั่นไม่ออกหรือ”
“นั่นเป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง แต่ก็แตกต่างจากคนอื่นๆ โดยเฉพาะความมั่นใจที่เขาเผยออกมา ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำแน่ นี่เป็นการพิสูจน์ว่าเขาไม่กลัวพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัย”
เฒ่าชราผมขาวพูด “ก็เพราะเช่นนี้ ระวังไว้บ้างก็ดี”
ประโยคนี้พูดอย่างมั่นคงแน่วนิ่ง
มีคนคล้ายขบคิด และมีคนไม่พอใจเล็กน้อย
เฟ่ยหล่างพูดเสียงเย็น “รอคราวหน้าหากมีโอกาสเจอกัน ข้าจะต้องวัดเบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้าหมอนั่นให้ได้!”
“พวกเราก็ไปกันเถอะ ก่อนที่แดนปรินิพพานจะปรากฏขึ้นในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ พวกเรายังมีอีกเรื่องต้องทำ”
เฒ่าชราผมขาวพาคนทั้งกลุ่มเดินออกจากหอสุรา
“อาจารย์ลุง การเดินทางครั้งนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันแน่” หลันหลิงถามอย่างสงสัย
เฒ่าชราผมขาวพูดประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ
“งานชุมนุมบัวเลิศแห่งเมืองหมื่นดารา”
……
จนกระทั่งไปจากเมืองซีลั่วก็ไม่เห็นพวกเฒ่าชราผมขาวตามมา หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้
‘เจ้าเฒ่านั่นนับว่าสายตาไม่เลว’
หลินสวินส่ายหน้า แล้วทิ้งเรื่องเล็กที่แทรกเข้ามานี้ไว้ด้านหลัง
ในเวลาหลังจากนั้นเขาเร่งเดินทางต่อ เดินทางไปตามทิศทางที่แผนที่ในคันฉ่องทองแดงนำทางชี้นำ
ระหว่างทางเขาตัวคนเดียวสะพายกล่องกระบี่ข้ามน้ำข้ามเขา ตากหมอกตากน้ำค้าง สภาวะจิตนิ่งสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เดินก็สงบ นั่งก็สงบ จิตใจสงบเป็นธรรมชาติ
นี่เป็นทั้งการเร่งเดินทางและการฝึกปราณครั้งหนึ่ง
โลกมืดที่วุ่นวายโกลาหล ราวกับไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว
ผ่านไปอีกครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว
แคว้นเรืองเมฆา
หนึ่งในสามสิบสามแคว้นแห่งโลกมืด ถูกขุมอำนาจแดนกษิติครรภ์ครอบครองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของแคว้นเรืองเมฆา ประกอบด้วยเมืองจำนวนนับไม่ถ้วน ในแต่ละเมืองแทบจะสร้างอารามกษิติครรภ์ไว้ทั้งหมด
ในอารามทุกหลังล้วนบูชารูปปั้นสัตว์เทพ ว่ากันว่ารูปปั้นนั้นคือรูปลักษณ์เดิมของ ‘จอมจักรพรรดิกษิติครรภ์’ บรรพจารย์ผู้บุกเบิกแดนกษิติครรภ์!
เมืองรวมเมฆา
หนึ่งในเมืองมากมายของแคว้นเรืองเมฆา ตอนที่หลินสวินเดินเข้าเมืองไปเพียงลำพัง ก็พบว่าในหมู่ผู้ฝึกปราณในเมือง ไม่ขาดเหล่าภิกษุแดนกษิติครรภ์ที่เดินเท้าเปล่า สวมชุดดำ สีหน้าเรียบเฉย
ในบริเวณที่พวกเขาเดิน ผู้แข็งแกร่งที่ดุร้ายเหล่านั้นแต่ละคนต่างหลบไปอยู่ข้างๆ เผยสีหน้าเคารพนอบน้อม
หลินสวินถึงขั้นเห็นว่าผู้แข็งแกร่งที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง กำลังก้มตัวทำความเคารพภิกษุกลุ่มหนึ่งที่มีพลังปราณเพียงระดับอริยะ!
นี่ทำให้หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ จากเรื่องนี้สามารถดูออกว่าในอาณาเขตที่ถูกแดนกษิติครรภ์ครอบครองนี้ อิทธิพลของแดนกษิติครรภ์แข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่ภิกษุทั่วไปเดินทาง ยังไม่มีใครกล้าล่วงเกิน!
“ได้ยินหรือยังว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากทั่วโลกหล้าได้เดินทางไปยังเมืองหมื่นดาราแล้ว ว่ากันว่าจะเข้าร่วมงานชุมนุมบัวเลิศ”
“งานชุมนุมบัวเลิศหรือ”
“ไม่ผิด นี่เป็นงานใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ว่ากันว่าสองยักษ์ใหญ่อย่างแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพร่วมกันจัดขึ้น เพื่อวาสนาชั้นเลิศที่เกี่ยวข้องกับแดนปรินิพพาน”
“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าช่วงที่ผ่านมาหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ของโลกใหญ่หงเหมิง รวมถึงขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ในเขตแดนดาราอื่นๆ ล้วนส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งมายังโลกมืด คล้ายว่าล้วนมาเพื่อแดนปรินิพพานแทบจะทั้งหมด”
…เสียงวิพากษ์วิจารณ์ระลอกหนึ่งดึงดูดความสนใจของหลินสวิน
อันที่จริงหลินสวินไม่จำเป็นต้องสืบด้วยซ้ำ ไม่นานเขาก็รู้ทุกอย่างแล้ว
เพราะตามท้องถนนของเมืองรวมเมฆามีคนพูดถึงงานชุมนุมบัวเลิศอยู่ทั่วทุกที่ ไม่อยากรู้ยังยาก
หนึ่งปีหลังจากนี้เคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามจะมาเยือน แดนปรินิพพานจะปรากฏขึ้นในโลก ข่าวเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของทั่วหล้านานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์