Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2110

ตอนที่ 2110 เผยความลับใหญ่ของแดนอำพราง

ครู่ใหญ่ในที่สุดเจ้าหอวิหคทองแดงก็หยุดหัวเราะ กล่าวว่า “หลายปีนี้ข้าพูดล้อเล่นกับผู้อื่นน้อยครั้งมาก คนที่คู่ควรให้ข้าพูดเล่นด้วยบนโลกใบนี้ เดิมก็มีไม่กี่คนอยู่แล้ว”

ในน้ำเสียงเจือแววหยิ่งทระนง และมีแววหดหู่อยู่เสี้ยวหนึ่ง ยิ่งสูงยิ่งหนาว ผู้ที่สามารถพูดคุยภาษาเดียวกันมีน้อยนิดเพียงหยิบมือ!

ซีทำเพียงมองเขา สายตาเย็นชา ยังคงไม่พูดจา

สุดท้ายเจ้าหอวิหคทองแดงก็ยังตัดสินใจถอยให้ก้าวหนึ่ง กล่าวว่า “คำตอบนั้นง่ายยิ่ง ข้าให้บริวารกระจายข่าวออกไป บอกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงว่าลั่วทงเทียนเคยมุ่งหน้าไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเขาก็ออกไปไล่ตามทันที”

ซีอึ้งไป “เพราะเหตุใด”

เจ้าหอวิหคทองแดงกล่าวสบายๆ “จักรพรรดิสวรรค์ดำรงเหมือนกับจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อน มาจากฟากฝั่งฟ้าดารา เขามาทางเดินโบราณฟ้าดาราครั้งนี้ หนึ่งคือควบคุมพลังระเบียบต้องห้ามใหม่อีกครั้ง สองก็เพื่อเสาะหาสมบัติที่มีชื่อเรียกว่า ‘ห้องโถงมรรคาสวรรค์’ และห้องโถงมรรคาสวรรค์นี้ เกี่ยวข้องกับลั่วทงเทียน”

นัยน์ตากระจ่างใสของซีหรี่ลงอย่างไม่เป็นที่สังเกต กล่าวว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เจ้าหอวิหคทองแดงเอ่ยว่า “สมัยบรรพกาลเคยมีคนผู้หนึ่งฉายาว่า ‘จักรพรรดิไร้มงกุฎ’ ใช้กระบวนสังหารไร้ชีพที่ถือเป็นกระบวนค่ายกลอันดับเก้าทั่วหล้า เรียกลมฝนคาวเลือดฉากหนึ่งขึ้นในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ”

“เขาเองก็เป็นพวกร้ายกาจแห่งยุคที่ไม่ได้เหยียบย่างระดับจักรพรรดิ แต่กลับใช้ปราณกึ่งจักรพรรดิสังหารจักรพรรดิด้วยตัวคนเดียว คนทั่วหล้าเรียกเขาว่าจักรพรรดิกระบวนลู่”

“แต่ไม่มีใครรู้จักรพรรดิกระบวนลู่ก็มาจากฟากฝั่งฟ้าดาราเหมือนกัน”

เจ้าหอวิหคทองแดงกล่าวถึงตรงนี้ก็เผยสีหน้าแฝงเลิศนัยลุ่มลึกออกมา คล้ายรอให้ซีเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเขาอีกครั้ง

กลับเห็นซีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ถามแต่เอ่ยตอบว่า “เขาชื่อลู่ป๋อหยา ย่อมรู้เรื่องของห้องโถงมรรคาสวรรค์และลั่วทงเทียนดีที่สุด พูดให้ชัดเจนคือ ศิษย์น้องเล็กหลินสวินของเจ้าคนนั้น ก็เป็นเขาที่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่มาเองกับมือ”

เจ้าหอวิหคทองแดง “…”

บรรยากาศนิ่งเงียบ เจือกลิ่นอายอึดอัดเล็กน้อย

พักใหญ่เจ้าหอวิหคทองแดงถึงส่ายหน้ากล่าวว่า “ช่างเถิด ไม่คุยเรื่องพวกนี้แล้ว ออกจะน่าเบื่อเกินไป”

น่าเบื่อ?

มุมปากของซียกโค้งขึ้นอย่างยากจะสังเกต กล่าวว่า “คงจะหมดสนุกมากกระมัง”

เจ้าหอวิหคทองแดง “…”

กลับเห็นซีเอ่ยปากกล่าวเนิบนาบ “ไม่ต้องรู้สึกอดสู ข้าเพียงแค่บังเอิญรู้เรื่องบางส่วนพอดีเท่านั้น”

จู่ๆ เจ้าหอวิหคทองแดงก็รู้สึกว่า การสนทนาครั้งนี้ไม่อาจพูดคุยต่อไปได้อีกแล้วจริงๆ…

……

มหาสมุทรเลือดไร้สงบ

น้ำทะเลสีเลือดโหมกระเพื่อม เวิ้งว้างราวกับไร้สิ้นสุด

เรือลำหนึ่งแล่นอยู่เหนือผิวทะเล แล่นมาไม่รู้นานเท่าไหร่ ต้าหวงที่นั่งยองๆ อยู่บนหัวเรือส่งเสียงคำรามประหนึ่งเสียงหมาป่าโหยหวนออกมากะทันหัน

“โฮก…!”

ก็เห็นว่าเหนือผิวทะเลสีเลือดผืนนั้นพายุสายฟ้าฟาดกระหน่ำ พลันกลายเป็นคลื่นสีเลือดขนาดมหึมา

ชายผีสุราบังคับเรือพุ่งเข้าไปในนั้นในพริบตา

ตอนที่ครรลองสายตาของหลินสวินมองเห็นชัด ก็เห็นว่าตนมาถึงโลกลี้ลับแห่งหนึ่งแล้ว ฟ้าดินไพศาล เมฆมงคลหมุนเกลียว มียอดเขาที่คละคลุ้งด้วยประกายเทพมงคลลลูกแล้วลูกเล่าตั้งตระหง่านบนผืนดินใหญ่

บนยอดเขาอาคารเก่าแก่ตั้งเรียงรายสลับซับซ้อน

“คุณชายหลิน ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันอีกครั้ง”

เสียงเสนาะหูที่เจือแรงดึงดูดเป็นเอกลักษณ์สายหนึ่งดังขึ้น แผ่วพลิ้วดั่งควัน ก็เห็นกลางห้วงอากาศผุดละอองแสงแถบหนึ่ง วาดโครงออกมาเป็นเงาร่างอ้อนแอ้นสายหนึ่ง

ร่มสีเลือด กระโปรงเขียว ผมดำพลิ้วไสว ทั่วร่างแผ่ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์งามล้ำประหนึ่งมารประหลาด

เป็นชิงอิงนั่นเอง!

ปีนั้นยามหลินสวินเพิ่งมาถึงโลกใหญ่หงเหมิง ก็เคยพบอีกฝ่ายในโลกใต้ดินแห่งหนึ่งที่เรือนเร้นหมอกดูแลอยู่

ต่อมาชิงอิงมอบคันฉ่องทองแดงนำทางชิ้นนั้นให้หลินสวิน และบอกกับหลินสวิน ว่าต่อไปหากได้พบกันในแดนอำพราง จะบอกเรื่องที่เป็นประโยชน์ไร้โทษเรื่องหนึ่งกับเขา

ตอนนั้นหลินสวินไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจด้วยซ้ำ รู้เพียงว่าเป็นเรื่องผิดปกติ

ทว่าตลอดทางที่มุ่งหน้ามาแดนอำพรางจนถึงตอนนี้ หลินสวินเพิ่งพบว่าฐานะของชิงอิงไม่ธรรมดายิ่ง และเรือนเร้นหมอกที่อยู่เบื้องหลังนางยิ่งลึกลับไร้สิ้นสุด

หลินสวินผินหน้าไป กลับเห็นชายผีสุราและหมาขนทองที่มุ่งหน้ามาพร้อมตน ไม่รู้หายไปไม่เห็นร่องรอยตั้งแต่เมื่อไหร่

“คุณชายหลินไม่ต้องกังวล เชิญตามข้ามา”

เสียงของชิงอิงนุ่มนวล ถือร่มสีเลือด หมุนตัวเดินไปเบื้องหน้า ผมยาวดุจหมึกพลิ้วไหว แม้จะอยู่ใกล้ระยะประชิด ก็ยังทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน

ทว่าทุกท่วงท่าอิริยาบถของนาง กลับให้กลิ่นอายแปลกพิกลที่ประหนึ่งสะท้านจิตสะเทือนวิญญาณแก่ผู้คน

หลินสวินคิดเล็กน้อยก่อนตามไป

โลกลับแห่งนี้กว้างขวางหาใดเปรียบ เงียบสงัดยิ่ง ตลดทางไม่เห็นใคร ความรู้สึกที่มอบให้หลินสวิน ก็เหมือนฟ้าดินแถบนี้เหลือแค่เขากับชิงอิงที่นำทางอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น

จนกระทั่งมาถึงในโถงแห่งหนึ่งที่อยู่กลางยอดเขา หลังจากเชิญหลินสวินนั่งแล้ว ชิงอิงถึงพับเก็บร่มสีเลือดที่แดงฉานประหนึ่งชาดในมือคันนั้น

นางสวมกระโปรงสีเขียว ผิวพรรณขาวเนียนนัยน์ตาสุกสกาว ชุ่มฉ่ำประหนึ่งหยกมันแพะ ผมดำนุ่มลื่นแผ่สยาย เผยใบหน้ารูปไข่อันงามล้ำหาใดเปรียบ

แพขนตายาวของนางแน่นขนัด นัยน์ตาดุจน้ำพุใส โตและลึกล้ำ โครงหน้าประณีตบรรจง ทั่วร่างล้วนเผยความงามวิลาศแปลกประหลาดชั้นยอดออกมา

ดุจดั่งมารปีศาจแห่งยุคที่ล่มเมือง งดงามจนพาให้ผู้คนใจสะท้าน

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินเห็นใบหน้าที่แท้จริงของชิงอิง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง ความงามเช่นนี้เห็นได้ชัดว่ามีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ

“คุณชายรู้หรือไม่ ชิงอิงรอท่านมานานมากแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์