Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2118

ตอนที่ 2118 หลอกลวงราวภูตผี

ชายชุดเขียวหัวเราะขึ้นมาก่อน “ดูท่าสหายยุทธ์ผู้นี้หาใช่คนเลอะเลือน”

เมิ่งซิงจื่อสีหน้าไม่น่าดู ถลึงตาใส่ชายชุดเขียวปราดหนึ่งแล้วจึงเอ่ยกับหลินสวินว่า “พี่หลิน วิญญาณร้ายนั้นอย่างกับผี มันกำลังจงใจเสี้ยม…”

หลินสวินพูดตัดบท “โอกาสครั้งสุดท้าย”

ในน้ำเสียงเจือความเย็นเยียบชวนสยอง

เมิ่งซิงจื่อเหงื่อกาฬแตกพลั่กไปทั่วหน้าผาก สีหน้าร้อนรนกล่าวว่า “พี่หลิน เจ้า… เจ้าสงสัยอะไรอยู่กันแน่ เจ้าอย่าไปหลงกลเจ้ามารปีศาจนั่นเด็ดขาดนะ!”

กลับเห็นว่าชายอาภรณ์เขียวที่อยู่บนยอดเขาไกลลิบเอ่ยปากพูด “ให้ข้าพูดแล้วกัน หนึ่งเดือนก่อนคนผู้นี้กับพวกพ้องกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาที่นี่ แล้วบังเอิญพบสมบัติมรดกดึกดำบรรพ์ชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา จึงลงมือแย่งชิงด้วยกัน”

“โชคไม่ดียิ่ง ตอนนั้นข้าเองก็อยู่ด้วย ซ้ำยังพบสมบัติชิ้นนี้ก่อนหน้าพวกเขาอีก…”

เมิ่งซิงจื่อตวาดลั่นสีหน้าเขียวคล้ำ “เจ้าหุบปาก! พี่หลิน เจ้าอย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหลเด็ดขาด!”

“ลนลานอะไร ฟังเขาพูดเหลวไหลสักหน่อยจะเป็นไร”

หลินสวินยกมือตบไหล่เมิ่งซิงจื่อเบาๆ ฝ่ายหลังพลันถูกพันธนาการทันที แม้แต่พูดยังพูดไม่ออก ร้อนรนจนเหงื่อกาฬไหลหลั่ง

ชายชุดเขียวหัวเราะแล้วเอ่ยต่อ “สหายยุทธ์ก็รู้ดี ข้าวิวัฒน์มาจากวิญญาณร้าย ในสายตาพวกเจ้าก็คือพวกต่างเผ่าที่ใครต่อใครก็ฆ่าแกงได้ ทว่าอย่างไรเสียข้าก็ตื่นรู้มีปัญญา มีความรู้สึกและศักดิ์ศรีเป็นของตน”

“ในการช่วงชิงสมบัติตอนนั้น พวกพ้องของเมิ่งซิงจื่อผู้นี้ถูกข้าตีพ่ายไปทีละคน แต่ข้าไม่ได้ลงมือสังหาร เพียงแค่จะให้เมิ่งซิงจื่อสละสมบัติ แลกกับชีวิตพวกพ้องเหล่านี้ของเขาเท่านั้น

“แต่ใครจะคาดคิดเล่า หึๆ”

สีหน้าหนุ่มชุดเขียวฉายแววเยาะหยันเสี้ยวหนึ่ง “ใครจะคาดคิดว่าสหายยุทธ์เมิ่งซิงจื่อผู้นี้… กลับหอบสมบัติหนีไปคนเดียว”

เวลานี้เมิ่งซิงจื่อที่ถูกพันธนาการอยู่ตรงนั้นทั้งตกใจทั้งโกรธหาใดเปรียบ ขัดขืนไม่หยุด คล้ายอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีประโยชน์สักนิด

“หนีรึ”

หลินสวินมุ่นคิ้ว ทอดสายตามองเมิ่งซิงจื่อแล้วปลดพลังที่คุมขังออก “ความจริงเป็นเช่นนี้จริงๆ รึ”

เมิ่งซิงจื่อหอบหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “ไม่จริง ทั้งหมดล้วนไม่จริง ข้าเมิ่งซิงจื่อมีหรือจะทิ้งพี่น้องร่วมสำนักอย่างไม่แยแสเพื่อสมบัติแค่ชิ้นเดียว เห็นชัดว่าเจ้ามารชั่วนี่ใส่ร้ายป้ายสี สร้างความแตกแยก!”

“ใส่ร้ายป้ายสี? เช่นนั้นเจ้าดู คนพวกนี้คือใครกัน”

ชายชุดเขียวยิ้มพลางโบกมือคราหนึ่ง

เงาร่างคนกลุ่มหนึ่งปรากฏออกมา มีทั้งชายหญิง ล้วนสีหน้าท่าทางเซื่องซึม ลมหายใจรวยริน

เมื่อพวกเขามองเห็นเมิ่งซิงจื่อ แต่ละคนต่างเผยสีหน้าเดือดดาลเคียดแค้น คนบางส่วนถึงกับด่าสาดเสียเทเสียขึ้นมา

“เมิ่งซิงจื่อ! เจ้ากับข้ารู้จักกันมาหลายร้อยปี ข้าเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง แต่เพื่อสมบัติชิ้นเดียวเจ้ากลับทอดทิ้งพวกข้าอย่างไม่แยแส เจ้า… ช่างใจอำมหิตนัก! ”

“ข้าฟังคำสั่งของเจ้า ทุ่มสุดชีวิตไปช่วยเจ้าช่วงชิงสมบัติ แต่เจ้าล่ะ หลังจากได้สมบัติแล้วกลับหนีไปคนเดียว!”

ชายหญิงพวกนั้นแต่ละคนต่างเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางเหมือนอยากจะแล่เนื้อกินเมิ่งซิงจื่อทั้งเป็นใจจะขาด

ครั้นมองเมิ่งซิงจื่ออีกครา ใบหน้าก็ซีดเผือดไปนานแล้ว สั่นเทิ้มไปทั้งตัว สีหน้าสับสนงงงวย แผดเสียงดังลั่น “พวกเจ้า… พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน ไม่สิ พวกเจ้าต้องถูกมารชั่วนั่นควบคุมไว้แล้วเป็นแน่ ในตอนที่ชิงสมบัติ ข้าเห็นชัดๆ ว่าพวกเจ้าประสบเคราะห์แล้ว…”

เขาหันมองหลินสวินพลางเอ่ยวิงวอน “พี่หลิน เจ้าอย่าถูกมารชั่วนั่นหลอกเด็ดขาด ก่อนหน้านี้จริงอยู่ว่าข้าพูดปด หลังชิงสมบัติชิ้นนั้นออกจากชั้นสี่นี้ เดิมทีก็ไม่คิดจะกลับมาอีกเลย เพราะข้ารู้ว่าพวกพ้องเหล่านั้นตายไปแล้ว!”

“เหตุที่ต้องหลอกก็แค่อยากเอาสมบัติชิ้นนั้นกลับมาจากมือเจ้าอีกครั้งเท่านั้น”

“แต่ข้ากล้าสาบานต่อสวรรค์ ตอนที่ช่วงชิงสมบัติข้าไม่ได้ทอดทิ้งสหาย คิดแต่จะหอบสมบัติหนีไปเพียงลำพังโดยเด็ดขาด! ไม่มีเด็ดขาด!”

เขาเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำตาย พยายามแก้ต่างให้ตนเองสุดกำลัง

ไกลออกไปชายชุดเขียวถอนหายใจยาวคราหนึ่ง เอ่ยขึ้น “เรื่องมาถึงขนาดนี้ หลักฐานทั้งหมดก็เด่นหราอยู่ตรงหน้า เจ้ายังดื้อดึงไม่เลิก ช่างน่าเศร้าเสียจริง”

เขามองหลินสวินพลางเอ่ยขึ้น “สหายยุทธ์ผู้นี้ ทีนี้เจ้าเชื่อหรือยัง”

“พี่หลิน…!” ร่างของเมิ่งซิงจื่ออ่อนยวบทรุดลงกับพื้น คำรามดังลั่น อาการราวกับมีร้อยปากก็ไม่อาจแก้ต่าง ร้อนรนหาใดเปรียบ

“ข้าไม่เชื่อ”

ในที่สุดหลินสวินก็เปิดปากพูด นัยน์ตาดำราวกับสายฟ้า มองไปยังชายชุดเขียวบนยอดเขาไกลๆ เพียงสามคำสั้นๆ กลับทำเอาฝ่ายหลังอึ้งไป

“ไม่เชื่อ?” ชายชุดเขียวขมวดคิ้วกล่าว “หรือสิ่งเหล่านี้ยังไม่พอจะพิสูจน์อีกหรือ”

หลินสวินกล่าวเรียบเรื่อย “ข้าขอถามเจ้า ถ้าสมบัติถูกชิงไปแล้ว เจ้ายังจะไว้ชีวิตพวกพ้องเหล่านั้นของเมิ่งซิงจื่อเพื่ออะไรกันอีกเล่า อย่าบอกข้านะว่าเจ้าคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องมีเรื่องอย่างวันนี้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเตรียม… พยานพวกนี้ไว้”

“ใช่ๆๆ! เป็นเช่นนี้แหละ!” เมิ่งซิงจื่อราวดึงสติกลับมาได้ ส่งเสียงดังด้วยความตื่นเต้น

ชายชุดเขียวถอนหายใจเบาๆ “สหายยุทธ์ ข้าบอกไปแล้วว่าข้ามีสติปัญญาแล้ว แถมยังมีความรู้สึกนึกคิดและศักดิ์ศรีเป็นของตนเองด้วย ในตอนที่ช่วงชิงสมบัติ เดิมทีก็ไม่ได้ลงมือรุนแรง ต่อให้สมบัติถูกชิงไป แต่ข้ามีหรือจะเอาความเดือดดาลที่สุมอยู่เต็มอกไประบายใส่คนพวกนี้ได้”

“เจ้าเพ้อเจ้อ!” เมิ่งซิงจื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขู่คำราม “มารชั่วที่แปลงมาจากวิญญาณร้ายอย่างเจ้ายังจะมีจิตใจเมตตาอยู่อีกหรือ น่าขันสิ้นดี!”

“เหตุใดวิญญาณร้ายต้องทำตัวชั่วช้าเท่านั้นด้วยเล่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์