“ต้นสำริดเฒ่าตื่นรู้มีปัญญาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ต้นกำเนิดของเขาคือรากไม้เทพคุนอู๋ท่อนหนึ่ง หลายปีมานี้ดูดกลืนเศษเสี้ยววิญญาณระดับจักรพรรดิและพลังเจตจำนงไปนับไม่ถ้วน เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งหาใดเปรียบนานแล้ว ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแต่แรก”
เสียงเยียบเย็นหนึ่งเอ่ยปาก “จักรพรรดิอสูรมารกิเลนก็ไม่ธรรมดา ร่างเดิมวิวัฒน์มาจากเศษเสี้ยววิญญาณของกิเลนเพลิงสัตว์เทพดึกดำบรรพ์ หลายปีมานี้สหายร่วมวิถีที่ตายในมือเขา… มีจำนวนไม่น้อย”
เสียงลอยอยู่กลางฟ้าดินที่มืดมนกดดันนี้ ราวกับคำขู่ที่ไม่อำพรางแม้แต่น้อย ไม่กลัวว่าจะถูกหลินสวินได้ยินอย่างสิ้นเชิง
แววตาหลินสวินเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
แต่กลับไม่ได้หวาดหวั่นหรือเกรงกลัว หากแต่เกินคาดหมาย
เขาคิดไม่ถึงว่าต้นไม้เก่าแก่ที่แตกกิ่งก้านเสียดฟ้า ก้านใบประหนึ่งหล่อจากสำริดต้นนั้น ถึงกับวิวัฒน์มาจากรากของไม้เทพคุนอู๋!
ยามนี้ในมือเขามีบ่อเกิดต้นฝูซางและไม้เทพที่คล้ายเจี้ยนมู่อยู่แล้ว ขาดแค่ไม้เทพสองชนิดอย่างคุนอู๋และชางอู๋เท่านั้น
หากรวบรวมไม้เทพฟ้าประทานที่เกิดในบ่อเกิดแรกกำเนิดสี่อย่างนี้จนครบ ใช้วัตถุเทพอย่างดินปราณแรกกำเนิด ดินอัศจรรย์ห้าสี ทรายวิญญาณดาราขุ่นใส วารีแรกปฐมมาหล่อเลี้ยง ก็จะสร้างต้นกล้าของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดออกมาได้!
ถึงตอนนั้นค่อยนำต้นกล้านี้ไปหล่อเลี้ยงไว้ในร่าง ย่อมมีประโยชน์ที่ไม่อาจประเมินได้ต่อพลังปราณระดับจักรพรรดิ ผู้ใดได้ครอบครองต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด ผู้นั้นก็เท่ากับหยั่งรู้กฎเกณฑ์แรกกำเนิด ถือครองรากฐานของพลังมรรคแรกกำเนิด!
หลายปีมานี้หลินสวินทยอยรวบรวม ก็ได้มาแค่บ่อเกิดจิตวิญญาณของต้นฝูซาง เจตวัตถุที่คล้ายเจี้ยนมู่ท่อนหนึ่ง ดินอัศจรรย์ห้าสีหนึ่งกำมือ และดินปราณแรกกำเนิดส่วนหนึ่งเท่านั้น
แค่คิดก็รู้แล้วว่าอยากรวบรวมไม้เทพและเจตวัตถุพวกนี้ให้ครบเป็นเรื่องที่ยากลำบากระดับใด ล้วนไม่อาจร้องขอโดยแท้
ตูม!
ต้นสำริดเก่าแก่พุ่งสังหารเข้ามาแต่ไกล กิ่งก้านนับหมื่นพันคล้ายสายโซ่เทพที่คลั่งระบำ เจือประกายกฎเกณฑ์สีแดงสดบาดตา เข้าปกคลุมเหมือนบดบังฟ้าคลุมตะวัน
ฟ้าดินล้วนอลหม่าน ห้วงอากาศถูกบดขยี้
อีกด้านหนึ่งสัตว์ปีศาจราวกับกิเลนพลันพุ่งเข้าใส่ เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศเข้ามา เร็วจนน่าเหลือเชื่อ ยามกรงเล็บมหึมาข้างหนึ่งตะปบออกมา ก็ก่อให้เกิดแสงเทพของกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิล้นฟ้า
วิญญาณร้ายทั้งสองมีอานุภาพระดับจักรพรรดิ ทันทีที่ลงมือก็เผยการโจมตีดุจอสนีบาต รวดเร็วรุนแรงและดุดัน เพียงพอจะทำให้เทพผีสั่นสะท้าน
ขณะเดียวกันหลินสวินก็เคลื่อนไหวแล้ว เงาร่างดุจเหวลึกที่เคลื่อนขวางฟ้าดิน ควบคุมดาบไร้วิชาห้ำหันกับวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิทั้งสอง
ผมยาวของเขาพลิ้วไหว นัยน์ตาดำวาบประกายอสนี มรรควิถีทั้งตัวเผยออกมาเต็มกำลัง อานุภาพสะเทือนเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน
ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วน สะท้อนลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงนานัปการ
สัตว์ร้ายที่ลอบจับตามองทุกอย่างนี้ต่างนิ่งอึ้งตะลึงงัน ต้นสำริดเฒ่าและจักรพรรดิอสูรมารกิเลนลงมือพร้อมกัน แต่แค่พอสูสีกับเจ้าหนุ่มระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดินั่น!?
นี่เกือบจะทำให้พวกเขาอึ้งงัน ยากจะจินตนาการว่าบนโลกนี้ทำไมถึงมีคนที่ก้าวข้ามปราการสวรรค์ระดับจักรพรรดิได้ นี่มันตัวประหลาดชัดๆ
หวนนึกถึงสมัยดึกดำบรรพ์ คนผู้นั้นที่หยิ่งทะนงและอวดดีหาใดเปรียบ ก็อาศัยแค่สมบัติลับบางอย่างทะลวงฝ่าฟ้าดินแห่งนี้แล้วรอดไปได้
แต่เจ้าหนุ่มตรงหน้านี้ไม่เหมือนกันอย่างเห็นได้ชัด!
ตูม!
ฟ้าถล่มดินทลาย ห้วงอากาศปั่นป่วน
หลินสวินสังหารอย่างเต็มที่ กวาดขวางฟาดฟันตามอำเภอใจ เงาร่างดุจเหวลึกม้วนกลืนทั่วทิศ มีสัญญาณว่าจะกำราบต้นสำริดเฒ่าและจักรพรรดิอสูรมารกิเลนได้รางๆ!
โดยเฉพาะตอนที่ดาบไร้วิชากวัดแกว่ง เฉือนตัดกิ่งก้านที่ร่ายระบำเหมือนแส้เทพหลากสายของต้นสำริดเฒ่านั้น ยิ่งดุดันหาใดเปรียบ ทรงพลังเกินต้านทาน
นี่ทำให้ต้นสำริดเฒ่าบันดาลโทสะ ส่งเสียงตะโกนอย่างต่อเนื่อง อานุภาพร้ายกาจน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม
จักรพรรดิอสูรมารกิเลนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร แม้ความเร็วของเขาจะว่องไว รวดเร็วรุนแรงดุจอสนี แต่ทุกครั้งที่ปะทะกับหลินสวินจะถูกซัดจนเลือดลมตีกลับ ไม่อาจเข้าประชิด
นี่ทำให้เขาทั้งประหลาดใจทั้งยากจะเชื่อ
หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ห้อตะบึงอยู่กลางที่นั้นราวกับเทพมารซัดกวาด ทรงพลังไร้เทียมทาน ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง อานุภาพล้วนกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ปึง!
ไม่ทันไรประทับไร้ชีพก็ดังกัมปนาท จักรพรรดิอสูรมารกิเลนถูกกระแทกกระเด็น ขนผิวเปื้อนเลือด กล้ามเนื้อและกระดูกยุบทลาย
เห็นได้ชัดว่าต่อให้เขาตีขนาบพร้อมต้นสำริดเฒ่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้แต่แรก
แต่เมื่อหลินสวินคิดจะรุกไล่ต่อเนื่อง สังหารจักรพรรดิอสูรมารกิเลนนี้ทิ้ง ทันใดนั้นก็มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น…
นกยักษ์กระดูกขาวปีกขาดวิ่น ร่างลุกโชนด้วยเพลิงวิญญาณโชติช่วงตัวหนึ่งโฉบออกมา พุ่งโจมตีมาทางหลินสวิน กรงเล็บคมกริบราวกับยอดอาวุธศาสตราจิตดูเฉียบคมหาใดเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
นี่เป็นวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิอีกตนหนึ่ง!
หลินสวินไม่เปลี่ยนสีหน้า ราบเรียบดังเดิม มีเพียงเพลิงไฟในดวงตาที่ลุกโชน โบกสะบัดดาบไร้วิชาสู้กับมันอย่างดุเดือด
เพียงพริบตาเขาคนเดียวก็ห้ำหั่นกับวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิสามตน อานุภาพที่ผงาดผยองไร้คู่ต่อกรนั้น ถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนาเช่นกัน
แต่ก็ทำได้แค่นั้น ต่อให้ถูกล้อมโจมตี หลินสวินยังคงสู้อย่างฮึกเหิม ยามขยับตัวได้ปลดปล่อยอานุภาพไร้ใดเปรียบที่เหนือธรรมดาออกมา
นี่ทำให้ผู้คนใจสะท้าน ยิ่งทำให้สัตว์ร้ายที่ลอบจับตามองเหตุการณ์ต่างๆ นี้ตื่นตระหนก หากไม่ใช่ว่ามั่นใจในพลังปราณของหลินสวิน พวกเขาคงเกือบสงสัยว่านี่เป็นระดับจักรพรรดิที่จงใจปิดบังพลังปราณไว้คนหนึ่ง
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
สัตว์ร้ายพวกนี้แม้จะติดอยู่ในฟ้าดินแห่งนี้มาตลอด แต่ควบรวมสติปัญญาออกมาได้นานแล้ว ในความทรงจำตามสัญชาตญาณยังเหลือความเข้าใจอยู่มาก
นี่ทำให้พวกเขารู้ดีว่าการก้าวข้ามปราการสวรรค์ระดับจักรพรรดิ ข้ามระดับใหญ่ไปสู้กับระดับจักรพรรดิ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อระดับใด
ที่น่ากลัวที่สุดคืออีกฝ่ายยังสู้แบบหนึ่งต่อสามด้วย!
ตูม!
ทันใดนั้นเมฆดำแถบหนึ่งพุ่งมาแต่ไกล กลายเป็นหญิงสาวที่ร่างเป็นคนศีรษะเป็นงู ท่าทางอ่อนช้อย สะบัดหางงูมหึมา
นางถือขวานยักษ์กระดูกขาวพุ่งพิฆาตเข้ามา พละกำลังยิ่งใหญ่ ทำให้ฟ้าดินแถบนั้นตกอยู่ในความปั่นป่วน
นี่เป็นการบุกโจมตีของวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิตนที่สี่แล้ว หมายจะจัดการหลินสวินด้วยกัน สังหารเขาให้ตายคาที่!
ในเวลานี้เองที่เงาร่างของหลินสวินไหววูบ
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ไม้เขียว เพลิงแดง ดินเหลือง วารีดำ ทองขาว กายมรรคทั้งห้าพุ่งออกมาพร้อมกัน ต่างครอบครองศาสตราจักรพรรดิที่ไม่เหมือนกัน พุ่งไปหาคู่ต่อสู้แต่ละตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์