ตอนที่ 2135 เจตจำนงแปลงเป็นเตาหลอม พลังจิตแปรเป็นหุบเหว
“เขาเปลี่ยนไปแล้ว…” ชายชุดเทาพึมพำ
เวลาสามวันสำหรับเขานานเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเห็นหลินสวินฟื้นตัวขึ้นมา ก็พบทันทีว่าอานุภาพของชายหนุ่มคนนี้ก็เปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดิน
นั่นเป็นกลิ่นอายของการอนุมานและสรรสร้าง เป็นพลังอันเฟื่องฟูอย่างหนึ่ง ขณะนี้ปรากฏขึ้นในเจตจำนงของหลินสวิน ทำให้เขาเป็นดั่งเจ้าผู้สร้าง คล้ายเพียงคิดก็จะอนุมานความลึกลับนับพัน แก่นอัศจรรย์นับหมื่นได้!
ชายชราชุดเทาไม่อาจเชื่อได้จริงๆ ชายหนุ่มที่ยังไม่เข้าสู่ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งครอบครองพลังเจตจำนงน่ากลัวปานนี้ได้อย่างไร
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาฝึกปราณมาที่ได้พบกับสัตว์ประหลาดซึ่งยากจะเข้าใจปานนี้ ทำลายการรับรู้เกี่ยวกับมกุฎกึ่งจักรพรรดิที่ผ่านมาของเขาในอดีตทั้งหมด!
ด้านหลินสวินกำลังสัมผัสการเปลี่ยนแปลงทั้งตัว
เวลาสามวันทำให้เขาหลอมพลังพิสุทธิ์ของเจตจำนงกระถางใหญ่นั้น สภาวะจิตกับเจตจำนงล้วนไปถึงขั้นที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึงที่สุดอยู่ที่ รูปจำลองจิตวิญญาณในจิตรับรู้ของเขาแปรสภาพ เปลี่ยนเป็นเจตจำนงจิตวิญญาณรูปร่างคล้ายเตาหลอมมหามรรคเตาหนึ่ง
ณ จิตวิญญาณ เจตจำนงเปลี่ยนเป็นเตาหลอม!
และในส่วนลึกของสภาวะจิตก็มีจุดชีพจรคล้ายหุบเหวแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น
ณ ทวารหัวใจ พลังจิตแปรเป็นหุบเหว!
นี่ทำให้หลินสวินตะลึงไป ตกอยู่ในภวังค์
เจตจำนงจิตวิญญาณ เป็นสิ่งที่บุคคลระดับจักรพรรดิเท่านั้นจึงจะมีได้ ทั้งยังมีเพียงผู้ที่ก้าวสู่ยอดมรรคาจักรพรรดิถึงจะสามารถควบหลอมรูปจำลองเจตจำนงในจิตวิญญาณได้!
อย่างเศษเสี้ยวเจตจำนงสามสิบหกสายที่กระจายอยู่ในแดนผนึกมรรคก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ยอดบุคคลดึกดำบรรพ์ทิ้งเอาไว้ ผ่านการกัดเซาะของกาลเวลาไร้สิ้นสุดแต่ยังคงหลงเหลือมาถึงตอนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะติดอยู่ในแดนผนึกมรรค พลังเจตจำนงเหล่านี้ยังถึงกับสามารถตื่นรู้ ‘มีชีวิต’ ได้อีกครั้ง!
และนี่ก็คือความน่ากลัวของเจตจำนงจิตวิญญาณ
พูดง่ายๆ ก็คือ เศษเสี้ยวเจตจำนงเหล่านั้นเดิมทีก็คือรูปจำลองเจตจำนงของยอดบุคคลสมัยดึกดำบรรพ์เหล่านั้น!
และตอนนี้ในขณะที่อยู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิขั้นสมบูรณ์ ยังไม่บรรลุระดับจักรพรรดิอย่างแท้จริง ภายในห้วงนิมิตของหลินสวินก็ควบรวมรูปจำลองเจตจำนงออกมาได้แล้ว
มิหนำซ้ำยังเป็นรูปเตาหลอมที่สำแดงการรองรับหมื่นมรรคทั่วหล้า กำราบนิรันดร์กาลเตาหนึ่งด้วย!
นี่เป็นเรื่องที่หลินสวินไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่ามีระดับกึ่งจักรพรรดิคนไหนทำได้ถึงขั้นนี้
นี่เรียกได้ว่าในอดีตไม่เคยมี ใต้หล้าเพียงหนึ่งเดียวอย่างไร้ข้อกังขา!
ในขณะเดียวกันที่ทวารหัวใจ พลังจิตแปรเปลี่ยนเป็นลักษณ์หุบเหว ทำให้หลินสวินประหลาดใจเช่นกัน
ทวารหัวใจก็คือรากฐานของจิตมรรค เป็นต้นกำเนิดของมัน ลึกลับเป็นปริศนาถึงที่สุด
ไม่เหมือนกับรูปจำลองเจตจำนง หลินสวินยังไม่เคยได้ยินว่าบนโลกนี้ยังมีทวารหัวใจของผู้ฝึกปราณคนไหนจะควบรวมเป็นปรากฏการณ์ประหลาดได้!
‘เป็นเพราะหยั่งรู้แก่นอัศจรรย์สรรสร้างจากความว่างเปล่าหรือ…’ หลินสวินเดาอะไรบางอย่างได้กลายๆ แต่กลับไม่กล้าแน่ใจ
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สลัดความคิดฟุ้งซ่าน ‘ไม่ว่าอย่างไร การฝึกคราวนี้ก็ทำให้สภาวะจิตและเจตจำนงของข้าทะลวงถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน หากอยากจะแปรสภาพอีก เกรงว่ามีแต่บรรลุระดับจักรพรรดิถึงทำได้…’
ขณะที่ครุ่นคิดไปพลาง หลินสวินก็หันหน้ามองไกลออกไป
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยเข้านรกอำพรางชั้นเก้าได้หรือไม่” หลินสวินยิ้มถาม
ชายชุดเทารีบร้อนโบกมือ “ไม่ต้องเรียกข้าว่าผู้อาวุโส เจ้ากับข้าเรียกกันเป็นรุ่นเดียวกันก็พอ ข้ามีฉายามรรคว่าหลิงอู่ ผู้คนบนโลกเรียกข้าว่าจักรพรรดิสงครามหลิงอู่”
เขาหยุดไปแล้วเอ่ยต่อว่า “สหายน้อยไม่ต้องรีบร้อนจากไป ชั้นเก้านั้นยังมีความเร้นลับ ถ้าเจ้าไม่ถือสาข้าจะแนะนำให้เจ้าสักรอบก็ได้”
แน่นอนว่าหลินสวินไม่ถือ ยิ้มพลางตอบรับ
จักรพรรดิสงครามหลิงอู่เชิญหลินสวินนั่งกับพื้น ส่งกาเหล้าใบหนึ่งให้เขาแล้วเอ่ยทอดถอนใจว่า “สหายน้อย ความสามารถที่เจ้าแสดงออกมาในวันนี้เปิดหูเปิดตาข้านัก ต่อให้นึกถึงในตอนนี้ใจยังสงบได้ยากนะ”
หลินสวินรับรู้ได้อย่างฉับไวว่ายามจักรพรรดิสงครามหลิงอู่ปฏิบัติตัวกับตน ท่าทีเปลี่ยนไปชนิดพลิกฟ้าดิน ไม่มีความน่าเกรงขามของบุคคลระดับจักรพรรดิอย่างตอนแรก เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้น ในวาจาไม่ปิดบังความชื่นชมที่สักนิด
“สหายยุทธ์ชมเกินไปแล้ว”
เขารับกาเหล้ามา ยิ้มพลางดื่มกับจักรพรรดิสงครามหลิงอู่ ไม่ให้เรียกผู้อาวุโส เช่นนั้นก็เรียกกันว่าสหายยุทธ์ ถึงอย่างไรผู้อาวุโสก็เหมือนสหายยุทธ์ที่มีประสบการณ์มาก่อน
ไม่นานนักหลินสวินก็ได้รู้ว่า หลายพันปีก่อนในนรกอำพรางชั้นเก้าเกิดความเปลี่ยนแปลงน่าตกตะลึง เขตต้องห้ามอสนีอันแปลกประหลาดหาใดเทียบแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น
และในตอนที่เขตต้องห้ามอสนีปรากฏ วิญญาณร้ายที่กระจายตัวในชั้นเก้าล้วนตายคาที่ทั้งหมดในคืนเดียว!
กล่าวโดยทั่วไป มีเพียงบุคคลระดับจักรพรรดิถึงมีรากฐานพลังเข้าไปในชั้นเก้า เพราะวิญญาณร้ายที่กระจายตัวอยู่ในนั้นต่างมีพลังต่อสู้กับสติปัญญาที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิ
แต่ก็เป็นวิญญาณร้ายกลุ่มนี้ที่จู่ๆ กลับตายคาทีจนหมด ความเปลี่ยนแปลงประหลาดที่น่าตกตะลึงนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของเรือนเร้นหมอกและหอวิหคทองแดง
ในตอนนั้นจักรพรรดิสงครามหลิงอู่กับระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ เข้าไปในนั้นด้วยกันเพื่อสืบหาความจริง
แต่เมื่อเข้าใกล้เขตต้องห้ามอสนีอันพิสดารแห่งนั้น ต่างถูกอานุภาพน่ากลัวขวางอยู่ข้างนอก ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้แต่นิดเดียว
หลังผ่านการสังเกตอย่างยาวนาน พวกจักรพรรดิสงครามหลิงอู่จึงพบว่า เป็นไปได้สูงมากที่ในส่วนลึกของเขตต้องห้ามอสนีนั้นจะมีร่างวิญญาณที่มียอดปัญญาตนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น!
มิหนำซ้ำยังไม่เหมือนกับวิญญาณร้ายที่ตื่นรู้มีสติปัญญาเหล่านั้น ร่างวิญญาณตนนี้ไม่ได้คิดจะทำร้ายผู้ฝึกปราณ จำศีลอยู่ในส่วนลึกของเขตต้องห้ามอสนีมาตลอด ดูลึกลับและเก็บเนื้อเก็บตัวหาใดเทียบ
พูดถึงตรงนี้จักรพรรดิสงครามหลิงอู่ก็เผยสีหน้าประหลาดใจ “ต่อมายามพวกเรากำลังสำรวจอยู่ ก็มีคนเห็นว่าในส่วนลึกของเขตต้องห้ามอสนีนั้นปรากฏเงาต้นไม้เล็กต้นหนึ่งอยู่รางๆ ยังไม่ถึงสามฉื่อด้วยซ้ำ ทั้งต้นสีแดงสดเหมือนเลือด เปลือกไม้มีประกายหนาวเหน็บรางเลือนเหมือนโลหะ กิ่งก้านโล้นคล้ายดาบคล้ายกระบี่…”
“น่าเสียดาย ต้นไม้เล็กนั้นโผล่แวบเดียวก็หายไป ไม่พบเห็นอีก แต่พวกเราต่างมั่นใจว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่ต้นไม้เล็กนั้นจะเป็นร่างวิญญาณที่มียอดปัญญาตนนั้น!”
ฟังถึงตรงนี้ความคิดบ้าบิ่นอย่างหนึ่งผุดขึ้นในใจหลินสวิน…
ต้นไม้เล็กสีแดงโลหิตนั่น คงไม่ใช่ต้นไม้เทพคุนอู๋กระมัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์