สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2136 เขตต้องห้ามอสนี – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 2136 เขตต้องห้ามอสนี ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2136 เขตต้องห้ามอสนี
นรกอำพรางชั้นเก้า
สายฟ้าอาละวาดกำลังแผลงฤทธิ์ ประหนึ่งงูเงินหนาเท่าถังน้ำสายแล้วสายเล่ากำลังเริงระบำร้องคำราม ทั่วฟ้าดินเต็มไปด้วยสายฟ้า กลิ่นอายทำลายล้างที่แข็งแกร่งประหนึ่งจับต้องได้อบอวลไปในห้วงอากาศทุกกระเบียด
พอมองดูอย่างละเอียด ฟ้าดินแห่งนี้ต่างถูกสายฟ้าฟาดปกคลุม ยิ่งลึกเข้าไปอานุภาพของสายฟ้าก็ยิ่งแกร่งกล้า
กระทั่งถึงส่วนลึกของใจกลางนั้น สายฟ้าจำนวนหนึ่งถึงกับแปลงเป็นรูปดาบกระบี่ค้อนขวาน น่าตกตะลึงหาใดเทียบ
สวบ!
เงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เสื้อผ้าไหวกระพือ แสงมรรคทั้งร่างพุ่งปะทุ ปราณกระบี่เปล่งประกายสาดออกมายากขยับตัว ฉีกกระชากสายฟ้าที่ขวางหน้าอยู่ให้กระจุยจนหมดสิ้น
การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้เร็ว แต่กลับมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงหาใดเทียบอยู่ในที ประหนึ่งจักรพรรดิจอมกระบี่เคลื่อนไหวเนิบช้า ทุกที่ที่ผ่านสรรพสิ่งถอยหนี!
คนผู้นี้ก็คือหลินสวิน
ช่วงเวลาสามเดือนที่ต่อสู้ในแดนผนึกมรรค การแปรสภาพของสภาวะจิตและเจตจำนงของหลินสวินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้พลังต่อสู้ของเขาได้รับการยกระดับขึ้นไปด้วย
ควรรู้ว่าเดิมทีจิตวิญญาณก็คือต้นกำเนิดของการหลอมจิตอย่างหนึ่ง ตอนนี้จิตวิญญาณหลินสวินควบรวมรูปจำลองเจตจำนงออกมาได้ ยามโรมรันต่อสู้ อานุภาพที่ปะทุออกมาถึงกับทำให้ระดับจักรพรรดิทั่วไปไหวหวั่น พาให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านและหวาดกลัว!
นอกจากนี้การอุบัติขึ้นของรูปจำลองเจตจำนง ทำให้การควบคุมมหามรรคและการใช้วิชายุทธ์ในยามต่อสู้ของหลินสวินเปลี่ยนแปลงไปชนิดพลิกฟ้าดิน
พูดได้ว่าแม้ตอนนี้หลินสวินยังอยู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิเหมือนเดิม แต่พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มพูนขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก!
การสู้กับระดับจักรพรรดิขั้นสามก็ไม่ใช่เรื่องให้พูดถึงกันแล้ว
เช่นถ้าได้ประมือกับจักรพรรดิผีค้างคาวเงินอีกครั้ง เพียงอาศัยพลังต่อสู้ของตัวเขาเอง ต่อให้ฆ่าอีกฝ่ายไม่ตาย ก็สามารถต้านอีกฝ่ายไว้ได้!
พลังต่อสู้เย้ยฟ้าปานนี้ไม่อาจใช้คำว่าน่าตะตกลึงมาบรรยายได้แล้ว ถ้าแพร่ออกไปจะต้องอึ้งค้างกันจนอ้าปากค้าง
แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ยังขาดอีกเล็กน้อยก่อนจะถึงขั้นสมบูรณ์อย่างแท้จริงที่ใจเขาต้องการ
เพราะนี่ไม่ได้เป็นขีดจำกัดของเขา อย่างตอนนี้พลังปราณ สภาวะจิต และเจตจำนงของเขาต่างเรียกได้ว่าเป็นระดับขีดสุดอย่างแท้จริงของระดับนี้ ไม่อาจเพิ่มสูงขึ้นได้อีกแล้ว
แต่พลังมหามรรค พลังยุทธ์ของเขากลับไม่ได้สมบูรณ์ถึงขีดสุดอย่างแท้จริง
อย่างเช่นด้านวิชายุทธ์ มรดกวิชาที่เขาครอบครองมีมากถึงที่สุด แม้จะหลอมนัยเร้นลับในนั้นเข้าไปในคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคของตน เรียกได้ว่าหนึ่งเตาหลอมแปรหมื่นวิชา
แต่ยังห่างกับความเข้าใจถ่องแท้อยู่ระดับหนึ่ง
พลังมหามรรคที่เขาครอบครองก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน
แต่หลินสวินสังหรณ์อย่างแรงกล้าอย่างหนึ่ง ว่าตนอยู่ไม่ไกลจากการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิแล้วจริงๆ ถึงกับจะก้าวถึงขั้นนี้เมื่อไรก็ได้!
ดังเช่นตอนนี้ ขณะที่เดินอยู่ในโลกชั้นเก้าที่มีสายฟ้าถักทอแห่งนี้ สภาวะจิตของหลินสวินก็รับรู้เค้าลางแปลกประหลาดที่มีความกระเหี้ยนกระหือรืออยู่
‘ระเบียบอสนีของที่นี่ทำให้พลังปราณของข้าอยากเคลื่อนไหวเต็มแก่ ไม่แน่ขอเพียงใจข้าคิดถึง ก็จะเรียกเอามหาเคราะห์บรรลุจักรพรรดิออกมา เลื่อนขั้นเป็นระดับจักรพรรดิได้กระมัง’
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองหลินสวิน แต่ไม่นานนักก็ถูกเขาสลัดทิ้ง
การบรรลุจักรพรรดิ สำหรับเขาแล้วก็เป็นสิ่งที่ช่วงชิงได้ตั้งแต่ยามพลังปราณถึงขั้นสมบูรณ์
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
สิ่งที่เขาต้องการคือบรรลุมกุฎจักรพรรดิ เข้าสู่เส้นทางแห่งมกุฎมหาจักรพรรดิซึ่ง ‘อดีตปัจจุบันไม่เคยมี มรรคข้าเป็นหนึ่ง’!
ด้วยเหตุนี้หลินสวินจึงกดข่มพลังปราณของตนมาโดยตลอด หันไปเคี่ยวกรำมหามรรค ฝึกยุทธ์ หล่อหลอมสภาวะจิตกับพลังเจตจำนง
ในระหว่างที่เดินอยู่ในโลกอสนีนี้ ยิ่งลึกเข้าไปก็ยิ่งกดดัน ต่อให้พลังต่อสู้ในยามนี้ของหลินสวินเปลี่ยนไปอย่างพรวดพราด แต่ก็เริ่มรู้สึกกินแรงอยู่บ้าง
ก็ในตอนนี้เอง
หลินสวินฉุกคิดกะทันหัน รู้สึกได้กลายๆ ว่าต่อให้ตนข่มระดับลงเพียงไหน แต่อย่างน้อยครึ่งปี อย่างมากปีครึ่ง มหาเคราะห์ไร้เทียมทานตอนตนบรรลุระดับมกุฎจักรพรรดิก็ต้องมาเยือน!
นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจควบคุมได้ ไม่อาจเข้าใจ แต่ใจพอจะหยั่งรู้ได้รางๆ ลึกลับยิ่งนัก
นี่ก็คือการหยั่งรู้ความลับสวรรค์ของผู้ฝึกปราณ
เมื่อพลังปราณถึงระดับจักรพรรดิ กระทั่งสามารถอาศัยการตอบสนองกับความลับสวรรค์เช่นนี้มาอนุมานเคราะห์โชคในอนาคตของตนได้ ลึกลับหาใดเทียบ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
พลังอสนีอันน่าครั่นคร้ามสายแล้วสายเล่าโปรยลงมาจากฟ้า สว่างจ้าแสบตา ใหญ่หนาดั่งมังกร
ปราณกระบี่ทั้งตัวหลินสวินไหลเวียน ผ่าแยกพลังอสนีเหล่านั้น พลังอสนีที่เหลือเป็นริ้วๆ ถูกเขาดึงมาเคี่ยวกรำร่างกาย ประกายแสบตาเป็นวงๆ กระจายออก ผิวหนังที่ถูกโจมตีเกิดความรู้สึกสั่นไหวเจ็บปวดชาหนึบ
ในแดนผนึกมรรคก่อนหน้านี้ เขาอาศัยพลังเจตจำนงเหล่านั้นมาหลอมสภาวะจิตและเจตจำนง ส่วนตอนนี้เป็นการใช้พลังอสนีมาหลอมพลังกาย
แม้ทำเช่นนี้จะเสี่ยงและเจ็บปวด แต่กลับมีผลดีต่อการหลอมกายเนื้อของเขาอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ
น่าเสียดาย หลินสวินทดลองหลายครั้งจึงพบว่าไตรมรรคของตนอย่างหลอมกาย หลอมปราณและหลอมจิตบรรลุระดับสูงสุดสมบูรณ์ไปนานแล้ว
ต่อให้พุ่งเป้าไปที่การหลอมพลังกายแค่ไหน นอกจากเจ็บปวดอยู่บ้างแล้ว ก็ไม่เพิ่มพลังปราณแม้แต่นิดเดียว
ทว่าสิ่งที่เขาฝึกมี ‘คัมภีร์มหาอสนีดับสูญ’ ในฟ้าดินอสนีแห่งนี้ กลับเป็นการได้หยั่งรู้นัยเร้นลับอสนีที่อยู่ในคัมภีร์นี้ได้เร็วยิ่งขึ้น
หนึ่งวันผ่านไป
หืม?
ก็ในตอนที่หลินสวินรู้สึกกดดันถึงขั้นต้องใช้พลังทั้งหมดต้านทาน ก็เห็นว่าฟ้าดินไม่ไกลนักมีสีแดงเพลิงแสบตาไปทั้งแถบ
ฟ้าดินดุจสีชาด อสนีดุจเปลวเพลิง ประหนึ่งกระแสอสนีตกลงมาจากฟากฟ้า มีสีแดงเพลิงอันงดงามตระการตาปกคลุมบริเวณนั้นไว้ทั้งหมด
ต้นสำริดเฒ่าสีหน้าเหยเกไปครู่หนึ่ง ปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ครู่สั้นๆ จึงกัดฟันพูดว่า “สหายยุทธ์ เจ้าพูดจริงหรือ ถ้าข้าพาเจ้าเข้าไป จะให้ทางรอดกับข้าได้จริงๆ หรือ”
หลินสวินเอ่ยอย่างไม่ลังเลว่า “แน่นอน”
ต้นสำริดเฒ่าไม่ลังเลอีก สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเดินหน้าไป
ลำต้นมันหนาใหญ่ กิ่งก้านเริงระบำบดบังพลังอสนีที่ถาโถมลงมานั้นราวกับร่มคันใหญ่ หลินสวินเดินอยู่ใต้ ‘ฉัตร’ ประหนึ่งเดินอยู่บนพื้นราบ ทั้งร่างผ่อนคลายไปครู่หนึ่ง
ตลอดทางเขาสังเกตได้อย่างเฉียบแหลมว่าต้นสำริดเฒ่ากำลังดูดซับพลังอสนีกลางฟ้าดินนั้นอย่างบ้าคลั่ง มันที่เดิมทีบาดเจ็บเจียนตาย ลมหายใจอ่อนระโหยก็เปล่งพลังชีวิตกระปรี้กระเปร่าอีกครั้งหนึ่ง…
ทว่า หลินสวินไม่ได้สนใจ
ต่อให้ต้นสำริดเฒ่าฟื้นคืนสภาพสูงสุดก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้เขาได้
ไม่นานนัก ทั้งสองก็เดินเข้าไปใกล้แดนผนึกที่ปกคลุมด้วยสายฟ้านั้น
โครม!
กระบี่มรรคสีแดงเพลิงที่แปลงมาจากสายฟ้าเล่มหนึ่งฟันออกมา อบอวลไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง ฟันให้ต้นสำริดเฒ่าสั่นไปทั้งตัว ถอยหลังซรวนเซ
ที่นี่ทำให้เขายังกดดันหาใดเทียบอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็ลงมือทันที เตาหลอมที่รวมกฎเกณฑ์มหามรรคเตาหนึ่งปรากฏขึ้นพุ่งผ่านอากาศออกไป
ปึง!
ชั่วพริบตา ก็บดขยี้กระบี่เพลิงอสนีเล่มนั้นให้กลายเป็นฝนแสงรังสีอสนีเต็มฟ้า
ต้นสำริดเฒ่าถือโอกาสถลาเข้าไป กิ่งก้านยืดขยายแผ่กว้างม้วนตลบสายอสนีเต็มฟ้าจนหมดสิ้น มันเหมือนกับกลืนกินของบำรุงชิ้นใหญ่ สบายจนแทบครางออกมา
“สหายยุทธ์ สิ่งนี้ก็คือวารีอสนีคุนอู๋ มีคุณประโยชน์ชุบชีวิตได้ มีประโยชน์กับการรักษาบาดแผลอย่างเหลือเชื่อ”
ขณะที่ต้นสำริดเฒ่าพูด ก็มีใบไม้ร่อนลงมาเป็นแถบ บนใบไม้มีของเหลวอสนีคล้ายหยดน้ำเม็ดหนึ่ง สีแดงชาดดุจเพลิง เปล่งประกายพร่างพราว แผ่กลิ่นอายชีวิตอันเข้มข้นหาใดเทียบ
วารีแปรอสนี!
มิหนำซ้ำ ยังเป็นสิ่งที่ต้นกำเนิดเพลิงอสนีคุนอู๋แปลงขึ้น ภายในนั้นถักทอกลิ่นอายกฎระเบียบน่าตกตะลึง!
หลินสวินเอาขวดหยดออกมาขวดหนึ่ง เก็บเอาวารีอสนีหยดนี้ไป แล้วจึงพูดว่า “แค่หยดเดียวหรือ เจ้าใจกว้างจังนะ”
ต้นสำริดเฒ่าขวยเขิน รีบพูดว่า “สหายยุทธ์วางใจ ขอเพียงสังหารพลังอสนีที่สามารถแปลงร่างที่นี่เหล่านั้นได้ ก็จะรวมรวมวารีอสนีคุนอู๋ได้อย่างไม่ขาดสาย!”
หลินสวินร้องอ๋อ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ทั้งสองเดินหน้าไม่นาน ทวนศึกที่แปลงมาจากเพลิงอสนีคุนอู๋ฝ่าทะลวงอากาศออกมา อสนีถักทอ สายฟ้ากระเซ็นกระสาย ไอพิฆาตน่ากลัวทำลายโลกฉายวาบ
ต้นสำริดเฒ่าคำรามลั่น ชิงถลาเข้าไปก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์