หลินสวิน!
คนที่เคยเห็นหลินสวินบนโลกนี้จริงๆ มีไม่มาก แต่ชื่อของเขากลับเรียกได้ว่ารู้จักกันทั่วหล้า
ก็ในตอนนี้เอง เมื่อได้รู้ว่าชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวแล้วจับเฟิงหลัวจื่อไว้ ก็คือผู้สืบทอดคีรีดวงกมลในข่าวลือคนนั้น หลายคนยังเผยสีหน้าตกตะลึง
ส่วนคนที่คุ้นเคยกับหลินสวินอย่างหมีอู๋หยา หลิงหงจวง จินเทียนเสวียนเยวี่ย เสวียนจิ่วอิ้น หลิงเคอจื่อ ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
เพราะพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะมาจริงๆ!
บรรยากาศเงียบสงัดกดดัน ขณะนี้สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่หลินสวินเพียงคนเดียว
ทั้งเป็นปรปักษ์ หวาดกลัว แค้นเคือง…
ทั้งสั่นสะท้าน ตกตะลึง สงสัย…
ด้านเฟิงหลัวจื่อในตอนนี้หน้าบวมเป่งเป็นสีเลือดหมู ดวงตาเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นเขาคงส่งเสียงขู่ เอาชื่อสำนักโบราณจรัสเทพมาข่มอีกฝ่าย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวินก็ใช้ไม่ได้ผลอยู่แล้ว
หลายปีมานี้ไม่ว่าจะเป็นที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราหรือโลกมืด ยังไม่เคยมีคนที่หลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลไม่กล้าฆ่า!
อย่างมหาจักรพรรดิปาฉี ระดับจักรพรรดิขั้นแปดสำนักโบราณจรัสเทพ ยังประสบเคราะห์ด้วยน้ำมือหลินสวิน!
นี่จะไม่ให้เฟิงหลัวจื่อกลัวได้อย่างไร
เขาถึงกับสังหรณ์ว่าคราวนี้ตนต้องจบเห่แล้ว…
ปึง!
ครู่ต่อมาตัวเฟิงหลัวจื่อก็ถูกขว้างออกไป ตกลงไปกับพื้นอย่างจังเหมือนหมาตัวหนึ่ง ภาพตรงหน้าพร่ามัว
แต่ความลิงโลดหาใดเทียบกลับผุดขึ้นในใจเฟิงหลัวจื่อ เทพมารหลินคนนี้… ดันไม่ฆ่าเขาเสียนี่!
เหล่าผู้กล้าเห็นเช่นนี้ก็ต่างประหลาดใจไปครู่หนึ่ง ในข่าวลือหลินสวินเป็นพวกร้ายกาจที่สังหารเด็ดขาด ไม่ปรานีอ่อนข้อให้ เหตุใดถึงปล่อยคู่ต่อสู้ไปอย่างง่ายดายปานนี้
แต่กลับเห็นว่าหลินสวินนิ่วหน้า สายตามองตำหนักเทพที่อยู่ไกลออกไปนั้น ดวงตาฉายแววจดจ่อ
ก่อนหน้านี้เขาคิดจะลงมือฆ่าจริงๆ แต่ในชั่วพริบตาที่ใช้พลังกลับถูกยอดพลังระเบียบมหามรรคคุกคาม ทำเอาเขาขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
นี่ทำให้เขารับรู้ได้ว่า ขอเพียงเขากล้าลงมือ ครู่ต่อมาก็จะมีภัยมาถึงตัว!
แต่เสวียนจิ่วอิ้นไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เดินขึ้นมากอดหลินสวินอย่างกระตือรือร้น
“พี่หลิน ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมา คราวนี้พวกเราพี่น้องมีโอกาสสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกแล้ว!” เขาสีหน้าปรีดา
หลิงเคอจื่อที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มอย่างเบิกบาน เอ่ยว่า “พี่เสวียนพูดถูก คราวนี้ข้าก็ไม่ต้องหวาดกลัวอีกแล้ว”
“ไม่ได้เรื่อง” หลินสวินยิ้มพลางเคาะหน้าผากหลิงเคอจื่อไปคราหนึ่ง
“คุณชาย” ไกลออกไปมีเงาร่างงดงามสูงโปร่งร่างหนึ่งเดินมา ชุดขาวโพลนดุจหิมะ ผิวเซียนกระดูกเทพ งามกระจ่างเหนือธรรมดา ประหนึ่งนางเซียนที่เดินออกมาจากภาพเขียน
เป็นจินเทียนเสวียนเยวี่ย
เนตรดาราอันงดงามทั้งสองของนางปรากฏแววประหลาดใจและตื่นเต้นอย่างเก็บกลั้นได้ยาก
“แม่นางเสวียนเยวี่ย รีบมาเร็ว” เสวียนจิ่วอิ้นยิ้มพูด
หลินสวินก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “จากกันตอนเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันอีกครั้งแล้ว”
เพื่อนเก่าจากกันนานได้พบกันใหม่ ย่อมเป็นเรื่องน่าดีใจยิ่ง
เพียงแต่ก็ในตอนนี้เอง เสียงระคายหูเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในที่นั้น
“จินเทียนเสวียนเยวี่ย ถ้าเจ้าไปกับหลินสวินนั่น เกรงว่าตระกูลจินเทียนของพวกเจ้าจะติดร่างแหไปด้วย! เจ้าไม่คำนึงถึงตัวเองก็ควรนึกถึงตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเจ้าไหม อย่าลืมสิ หลินสวินคนนี้เป็นคนที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงบัญชาว่าต้องฆ่า!”
คนที่พูดก็คือหญิงสาวในชุดเหลืองจากเรือนมรรคจักรวาลคนหนึ่ง รูปลักษณ์สะสวย งามเด่นเหนือมวลผกา แต่สีหน้าเผยแววหยิ่งยโสโอหัง
หลินสวินนิ่วหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร แค่มองจินเทียนเสวียนเยวี่ยแล้วเอ่ยว่า “คำพูดของคนต่ำช้าผู้นี้แม้จะไม่น่าฟังอยู่บ้างแต่ก็พูดถูก เสวียนเยวี่ย ถ้าเคลื่อนไหวร่วมกับข้า เป็นไปได้สูงมากที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคนในตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเจ้า…”
หญิงสาวชุดเหลืองคนนั้นถูกด่าว่า ‘คนต่ำช้า’ ก็สีหน้าอึมครึมลงไป แต่สุดท้ายยังทำได้แค่อดทนไว้ พอได้เผชิญหน้ากับหลินสวิน นางไม่กล้าบุ่มบ่ามแม้แต่นิดเดียว
หลายปีมานี้ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลถูกหลินสวินฆ่าไปไม่รู้เท่าไร ขนาดหวงฝู่เซ่าหนงยังถูกเขาฆ่า นี่จะให้หญิงสาวชุดเหลืองกล้างัดข้อกับหลินสวินได้อย่างไร
กลับพบว่าจินเทียนเสวียนเยวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เผยรอยยิ้มบางๆ “ก่อนมาแดนปรินิพพานข้าถูกขับออกจากตระกูลแล้ว ภายหน้า… ข้าไม่ได้แซ่จินเทียนอีกแล้ว”
หลินสวินมองดูจินเทียนเสวียนเยวี่ยอย่างลึกล้ำคราหนึ่ง พยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก
“แม่นางเสวียนเยวี่ย ถ้ากังวลว่าจะถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงหมายหัว สู้ไปตระกูลเสวียนของพวกเราดีกว่า รับรองว่าจะไม่ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บสักนิดเดียว”
ขณะที่เสวียนจิ่วอิ้นยิ้มกริ่มพลางพูด จู่ๆ ก็ตบหน้าผากนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ สื่อจิตกับหลินสวิน ‘พ่อข้าบอกว่ารอแดนปรินิพพานปิดฉากแล้วให้เจ้าไปบ้านข้า’
‘มีเรื่องอะไร’ หลินสวินอึ้งไป
‘ถึงตอนนั้นเจ้าไปก็ได้รู้แล้วไม่ใช่หรือ’ ความจริงแล้วตัวเสวียนจิ่วอิ้นเองก็ไม่รู้
หลินสวินรับปาก
ระหว่างที่สนทนา จู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าผู้ฝึกปราณที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างหลบออกจากจุดที่เขาอยู่ตามจิตใต้สำนึก
ราวกับหนีงูเงี้ยวเขี้ยวขอ อย่างกับหลบเทพโรคระบาด
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็สัมผัสได้ว่า ณ ที่นั้นมีสายตาปฏิปักษ์มากมายจับจ้องตน ทั้งพวกเรือนมรรคอย่างดึกดำบรรพ์ ยุทธจักร จักรวาล และยังมีชาวเผ่าที่มาจากสิบเผ่านักรบใหญ่ ขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์
หลินสวินไม่ได้ประหลาดใจ
พูดอย่างไม่เกรงใจ ถ้าไม่ใช่ที่นี่ลึกลับและเป็นปริศนามากเกินไป มีพลังระเบียบมหามรรคที่สามารถคุกคามเขาได้อยู่ เขาต้องออกตัว ‘หาเรื่อง’ ไปนานแล้วอย่างแน่นอน
ศัตรูคู่แค้นพวกนั้นหมายจะฆ่าเขา เขาจะไม่อยากกำจัดศัตรูพวกนี้ได้อย่างไร
ถึงอย่างไรคนพวกนั้นก็เป็น ‘คนคุ้นหน้าเก่า’ ทั้งนั้น ในที่นี้ก็ไม่ได้มีระดับจักรพรรดิควบคุมดูแล ด้วยพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ย่อมเดินกร่างได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์