Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2166

ตอนที่ 2166 สะเทือนอารมณ์มากใช่ไหม

ถ้ำหยั่งสัจจะลานตา

สายน้ำแห่งกาลเวลาพลิกตลบ ฟองคลื่นโหมกระหน่ำ

ผ่านการต่อสู้เก้าครั้ง หลินสวินเอาชนะคู่ต่อสู้คนสุดท้ายได้แล้ว โดดเด่นเหนือกาลเวลาในระดับหยั่งสัจจะ ฝีมือเหนือล้ำกว่าทุกคน!

“ศิษย์พี่สิบสาม ออมมือแล้ว”

หลินสวินยิ้ม

คนที่เคยอยู่ในอันดับหนึ่งในพลังต่อสู้ระดับหยั่งสัจจะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คือหลี่เสวียนเวยผู้สืบทอดคนที่สิบสามแห่งคีรีดวงกมลนั่นเอง ตำนานคนหนึ่งที่แจ้งมรรคจากบัวเขียวแรกกำเนิด บุกเบิก ‘วิชาบัวเขียวหยั่งโลก’

ว่าไปแล้วในใจหลินสวินก็ไม่วายทอดถอนใจ

ในโลกกำลังภายใน เขาเจอศิษย์พี่สิบเอ็ดผู่เจิน อันดับหนึ่งในพลังต่อสู้ระดับกำลังภายใน

ในโลกจิตผสานวิญญาณ เขาเจอศิษย์พี่ห้าชื่อจวิน อันดับหนึ่งในพลังต่อสู้ระดับจิตผสานวิญญาณ

ในโลกมหาสมุทรวิญญาณ เขาเจอศิษย์พี่สามรั่วซู่ อันดับหนึ่งในพลังต่อสู้ระดับมหาสมุทรวิญญาณ

และในตอนนี้เขาได้เจอหลี่เสวียนเวย

นี่ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่ทอดถอนใจ ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลในปีนั้นเป็นพวกวิปริตจริงๆ แต่ละคนล้วนทรงพลังประหนึ่งตำนานทุกคน

ทว่า…

ตำนานที่เคยเจิดจรัสเปล่งประกายในสายน้ำแห่งกาลเวลาเหล่านี้ ปัจจุบันล้วนถูกเขาหลินเต้ายวนก้าวข้ามไปทีละคน!

ฮูม…

พลังระเบียบม้วนซัด ปรากฏเป็นเงาร่างสายหนึ่ง

ภาพต่างๆ ที่คุ้นเคยเปิดฉากอีกครั้ง

หลินสวินไม่ลังเล เข้าไปในประตูวัฏจักรที่มุ่งสู่ ‘โลกกระบวนแปรจุติ’ อย่างคล่องแคล่วคุ้นเคย

แคว้นสันติ จวนกระบี่หมอกตะวันรอน

ตะวันเคลื่อนคล้อยใกล้ลับแผ่นฟ้า อวิ๋นฉางคงกำลังเฝ้ารออย่างร้อนรน ดวงตาจับจ้องประตูใหญ่ของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง

เขารออยู่ที่นี่มาสามชั่วยามแล้ว

ทันใดนั้นเกี้ยวสมบัติหลังหนึ่งขับเคลื่อนมาแต่ไกล จอดอยู่หน้าประตูจวนกระบี่หมอกตะวันรอน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งเดินลงมาจากเกี้ยวสมบัติ

ฝ่ายชายสูงใหญ่หล่อเหลา สะพายกระบี่ยาวไว้ตรงเอว โดดเด่นเหนือผู้อื่น

ฝ่ายหญิงท่าทางสูงส่ง รูปโฉมงามเลิศ ชุดกระโปรงเขียวพลิ้วไหว สง่างามเจิดจรัส

บริเวณนั้นมีเสียงอุทานดังขึ้นระลอกหนึ่ง ด้วยรู้ว่าหนึ่งชายหนึ่งหญิงคู่นั้น เป็นคู่กิ่งทองใบหยกที่เลื่องชื่อที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของจวนกระบี่หมอกตะวันรอน

ฝ่ายชายชื่อโอวหยางชิง นายน้อยตระกูลโอวหยาง หนึ่งในห้าจ้าวกระบี่รุ่นเยาว์ และยังเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งคนปัจจุบันของจวนกระบี่หมอกตะวันรอน

ฝ่ายหญิงชื่อหลันอิงเสวี่ย สามปีก่อนกราบเข้าเป็นศิษย์ในจวนกระบี่หมอกตะวันรอนด้วยคะแนนอันดับหนึ่งของการทดสอบระดับอำเภอ สามปีนี้นางใช้ฝีมือล้ำเลิศที่ไม่อาจทัดเทียม ทำให้เจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอนรับเป็นศิษย์เบื้องท้าย!

ในสายตาของผู้คน บุคคลอย่างโอวหยางชิงและหลันอิงเสวี่ยนั้นโดดเด่นเหนือใครจริงๆ เจิดจรัสลานตา พาให้คนยำเกรงและอิจฉา

แต่ท่ามกลางเสียงร้องอุทานนี้มีเสียงตื่นเต้นหนึ่งดังขึ้น “อิงเสวี่ย! อิงเสวี่ย!”

ทุกคนมองไปตามเสียง ก็เห็นอวิ๋นฉางคงที่ยืนอยู่ไกลลิบอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย แต่งกายเรียบง่าย ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เกิดมายากจน

“ขอทานจากไหนกัน ชื่อของศิษย์พี่หลันใช่นามที่เจ้าตะโกนเรียกได้หรือ” มีคนตวาด

บริเวณนั้นพลันมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ใครต่างก็มองออกว่าอวิ๋นฉางคงเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง บนตัวไม่มีคลื่นไอวิญญาณแม้แต่น้อย ในสายตาของผู้ฝึกปราณ คนพรรค์นี้ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก

คนพรรค์นี้ถึงกับกล้าเรียกชื่อของหลันอิงเสวี่ยโดยตรง เห็นได้ชัดว่าเสียมารยาทจริงๆ

“เจ้าต่างหากที่เป็นขอทาน!”

อวิ๋นฉางคงเลือดขึ้นหน้า “ข้าโตมาพร้อมกับอิงเสวี่ย รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก สามปีก่อนก็…”

พูดไม่ทันจบก็ถูกตัดบท “เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องใด”

พลันเห็นหลันอิงเสวี่ยเดินเข้ามา ใบหน้างามแผ่ประกายศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งภายใต้อาทิตย์อัสดง ทำให้อวิ๋นฉางคงอึ้งงัน

ไม่เจอกันสามปี หลันอิงเสวี่ยเปลี่ยนไปมากนัก…

จิตใจของอวิ๋นฉางคงปั่นป่วน พลั้งปากพูดออกมาว่า “อิงเสวี่ย เจ้าเคยบอกว่าขอเพียงข้าหาหยกประดับตกทอดนั้นเจอก็ให้มาพบเจ้าได้…”

“เจ้าหาเจอแล้วหรือ”

ในดวงตาของหลันอิงเสวี่ยฉายแววอัศจรรย์ “เจ้าตามข้ามา”

นางพาอวิ๋นฉางคงออกจากจวนกระบี่หมอกตะวันรอน มาถึงส่วนลึกของป่าแถบหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ

“หยกประดับล่ะ เอามาให้ข้าดูหน่อย” หลันอิงเสวี่ยยื่นมือหยกขาวเรียวยาวดุจหิมะออกมา

“ได้” อวิ๋นฉางคงหยิบกล่องไม้เก่าคร่ำหนึ่งออกมาจากอกโดยไม่ลังเล เปิดอย่างแผ่วเบาแล้วส่งให้ “อิงเสวี่ย ดูสิ นี่ก็คือหยกประดับตกทอดประจำตระกูลอวิ๋นของข้า”

แววตาเขาเร่าร้อน มองยอดหญิงงามตรงหน้าด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยมแล้วเอ่ยเสียงเบา “แม่ของข้าบอกว่าครั้งนี้ให้ข้ามารับเจ้ากลับไป นางเริ่มส่งเทียบเชิญเพื่อจัดงานแต่งให้พวกเราแล้ว ขาดแค่เจ้ากลับไปเท่านั้น”

เขาพูดพลางนึกถึงเรื่องเมื่อตอนเด็กอย่างอดไม่ได้ เขากับหลันอิงเสวี่ยโตมาด้วยกัน ตอนนั้นหลันอิงเสวี่ยชอบอยู่ข้างกายตนที่สุด

ปึก!

หลันอิงเสวี่ยปิดกล่องไม้แล้วเก็บลงไป จากนั้นก็เชยตาขึ้นมองอวิ๋นฉางคงที่สีหน้าวาดหวังและเปี่ยมไมตรีพลางกล่าว “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะหาหยกประดับชิ้นนี้เจอ”

อวิ๋นฉางคงยิ้มแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิ “เรื่องที่เจ้าสั่งแน่นอนว่าข้าต้องทำให้ได้ อิงเสวี่ย พวกเรารีบไปกันเถอะ แม่ของข้าเฝ้ารอให้เจ้ากลับไปตลอด”

“ขออภัย ข้าไม่มีทางไปกับเจ้า”

สีหน้าของหลันอิงเสวี่ยแฝงความเฉยชาที่ดูห่างเหิน “ตอนนี้ไม่มีทาง ภายหน้าก็ไม่มีทาง เจ้ารีบกลับไปเถอะ”

อวิ๋นฉางคงพลันหน้าซีดเผือดไร้เลือดฝาดราวกับถูกฟ้าผ่า “อิงเสวี่ย เพราะอะไร ทำไมเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าไม่มีทางทำกับข้าเช่นนี้แน่ เพราะอะไร”

อวิ๋นฉางคงพลันหน้าถอดสี “เจ้า… ยังจะฆ่าคนปิดปากอีกหรือ”

โอวหยางชิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “หากเจ้ารอดชีวิต ถ้าแพร่งพรายเรื่องในวันนี้ออกไปสุดท้ายก็จะส่งผลต่อชื่อเสียงของศิษย์น้องอิงเสวี่ยอย่างอดไม่ได้ ผู้กล้าหญิงอย่างนางจะมีรอยด่างติดตัวได้อย่างไร”

เขาพูดพลางสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

อวิ๋นฉางคงถูกซัดลอยออกไปทั้งตัว เลือดออกเจ็ดทวาร นอนขวางพื้นแต่ปากยังพูดติดๆ ขัดๆ “ต่อให้ข้า… ตายเป็นผี… ก็… ก็ไม่มีทาง… ปล่อยพวกเจ้าแน่…”

เสียงค่อยๆ หายไปแล้ว ไม่มีลมหายใจอีก

“ผี? ผู้ฝึกปราณอย่างพวกข้าไม่เคยกลัวเทพผี”

โอวหยางชิงยิ้มพลางส่ายหัว หันหลังจากไป

แต่เพิ่งเดินถึงครึ่งทางในใจเขาพลันขนลุก อดหันกลับไปไม่ได้

ก็เห็นว่าในป่าที่มืดมิดนั้น อวิ๋นฉางคงที่เดิมตายไปแล้วไม่รู้ลุกขึ้นมานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่

ยังไม่ตายอีกหรือ

โอวหยางชิงอึ้งไป เขารู้ดีว่าการโจมตีเมื่อครู่นั้น เพียงพอที่จะซัดเส้นปราณหัวใจของอีกฝ่ายให้ทลายโดยง่าย แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

“ช่างเป็นคนโง่ที่ช้ำใจเพราะความรักจริงๆ…”

เสียงทอดถอนใจหนึ่งดังขึ้น สะท้อนอยู่ในส่วนลึกของป่านั้น

จากนั้นโอวหยางชิงก็เห็นอวิ๋นฉางคงเดินมาแต่ไกล

เด็กหนุ่มวัยสิบหกสิบเจ็ดปี แต่งกายเรียบง่าย ฝุ่นละอองและใบไม้ที่ร่วงหล่นติดเต็มตัว สาบเสื้อตรงหน้าอกเปื้อนเลือด สีหน้าก็ซีดเผือดไร้เลือดฝาด

แต่เมื่อเขาก้าวเข้ามา บนตัวกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน ทุกย่างก้าวทำให้กลิ่นอายบนตัวปะทุขึ้นอีกช่วงใหญ่

จากคนธรรมดาสู่ระดับกำลังภายใน ตามมาด้วยจิตผสานวิญญาณและมหาสมุทรวิญญาณ…

เมื่อมาถึงจุดที่อยู่ห่างจากโอวหยางชิงสิบจั้ง เด็กหนุ่มที่เดิมเหมือนปุถุชนนั้นก็กลายเป็นผู้ฝึกปราณขอบเขตมกุฎระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์คนหนึ่งแล้ว

นัยน์ตานั้นล้ำลึกดั่งหุบเหว คล้ายเลือกคนมากลืนกินได้!

โอวหยางชิงอึ้งงัน สั่นไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่อยู่ ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ เขาเพิ่งเคยเจอเรื่องที่แปลกประหลาดและน่ากลัวเช่นนี้เป็นครั้งแรก

นี่ก็เหมือนกับเห็นผี!

ไม่สิ น่ากลัวยิ่งกว่าเห็นผีอีก!

“เจ้า… ทำไม… ทำไมถึงเป็นเช่นนี้” โอวหยางชิงถามออกไปโดยไม่รู้ตัว อารมณ์ปั่นป่วนไม่อาจควบคุมตัวเองได้

“ผิดคาดมากใช่หรือไม่ สะเทือนอารมณ์มากใช่ไหม” อวิ๋นฉางคงเอ่ยถามด้วยแววตาล้ำลึก

………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์