โอวหยางชิงสั่นไปทั้งตัว
เขาสูดหายใจลึก ขมวดคิ้วจ้องมองอวิ๋นฉางคง “เจ้า… เป็นใครกันแน่”
อวิ๋นฉางคงเอ่ยราบเรียบ “ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเจ้ากับคนที่ชื่อว่าหลันอิงเสวี่ยนั่น ล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทนให้เรื่องนี้”
ชิ้ง!
โอวหยางชิงชักกระบี่ยาวที่เอวออกมา ธารดาราที่บาดตาสายหนึ่งพุ่งขึ้นไป สาดส่องป่าลึกผืนนี้
“จ่ายค่าตอบแทน? อย่างเจ้าก็คู่ควรด้วยหรือ” เขาฟันกระบี่หนึ่งออกมาโดยไม่ลังเล เจตกระบี่ราวกระแสน้ำ ผสานด้วยนัยเร้นลับของมหามรรค พร่างพรายละลานตา
แต่กระบี่นี้กลับถูกอวิ๋นฉางคงแย่งไปอย่างสบายๆ เหมือนหัตถ์สวรรค์จับไส้เดือนตัวหนึ่ง ดูผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
“มีความสามารถแค่นี้ก็กล้ามองสรรพชีวิตราวมดปลวกรึ” อวิ๋นฉางคงเหลือบมองเขาเล็กน้อยแล้วออกแรงที่มือ
เปรี๊ยะ!
กระบี่วิญญาณที่เลื่องชื่อหาใดเปรียบเล่มนี้ปริแตกทุกกระเบียด
โอวหยางชิงใจหล่นวูบราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง เขาตระหนักได้อย่างสมบูรณ์ว่าครั้งนี้น่าจะเตะใส่แผ่นเหล็กแล้ว!
“ไปเดินเล่นกับข้าหน่อย”
อวิ๋นฉางคงพูดพลางยื่นมือไปกดบ่าของโอวหยางชิง ฝ่ายหลังไม่ทันได้หลีกหลบ เพียงรู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้าน พลังรอบตัวถูกพันธนาการอย่างสมบูรณ์
จากนั้นเขาก็ถูกหิ้วปีก เดินไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้
โอวหยางชิงทั้งตกใจทั้งโกรธแค้น กล่าวว่า “เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นนายน้อยตระกูลโอวหยาง บิดาของข้าก็คือโอวหยางเจิ้นหย่วน มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่จัดอยู่ในอันดับเก้าของแคว้นสันติ…”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการข่มขู่อย่างหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่อวิ๋นฉางคงแล้ว
คนที่ตื่นรู้ขึ้นมาในร่างของอวิ๋นฉางคง แน่นอนว่าเป็นหลินสวิน
“ต่อให้พ่อของเจ้าเป็นราชันสวรรค์ ตอนนี้ก็ช่วยเจ้าไม่ได้” หลินสวินเอ่ยราบเรียบ ชีวิตนี้เขาก้าวเดินมาทั่วฟ้าดารา เจอภัยคุกคามมาไม่รู้เท่าไหร่
การข่มขู่เช่นนี้ของโอวหยางชิง ไม่อาจใช้คำว่าข่มขวัญมาบรรยายได้แม้แต่น้อย
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่” โอวหยางชิงหน้าคล้ำเขียว ตื่นตระหนกกระสับกระส่าย
“วางใจเถอะ ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ “เจ้าดูถูกปุถุชนคนธรรมดาไม่ใช่หรือ ข้าก็อยากลองดูว่าเจ้าที่ถูกทำลายพลังปราณทั้งตัวจะได้รับการปฏิบัติอย่างไร”
โอวหยางชิงเพียงรู้สึกว่าในสมองมีเสียงดังตูมราวกับถูกฟ้าผ่า หวาดกลัวอย่างสมบูรณ์แล้ว
ถูกทำลายพลังปราณหรือ
เขาไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่า ถึงตอนนั้นจวนกระบี่หมอกตะวันรอนต้องทอดทิ้งตนอย่างไร้เยื่อใยแน่ ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่เคยมีปมกับตนพวกนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะฉวยโอกาสโจมตีและหยามหน้าตน
ต่อให้เอาตัวรอดได้ เมื่อกลับไปที่ตระกูลก็จะถูกตระกูลทอดทิ้ง
อย่าว่าแต่ตำแหน่งนายน้อยเลย แค่คิดจะรักษาศักดิ์ศรีไว้ล้วนยากนัก!
ด้วยเติบโตในตระกูลใหญ่ เขารู้ดีว่าการต่อสู้ภายในตระกูลเหี้ยมโหดเพียงใด ขอแค่ฉวยโอกาสได้ คนในตระกูลที่เคยเคารพนับถือตนในอดีตพวกนั้นจะเปลี่ยนเป็นเทพดุอสูรร้ายที่อำมหิตที่สุด หมายจะเหยียบตนให้จมดิน!
ถึงตอนนั้นความหยิ่งทะนง ความสำเร็จ เกียรติยศ ชื่อเสียง สถานะอะไร… ต้องถูกซัดไปตามลมฝนจนหมดแน่!
สำหรับคนไร้ประโยชน์ที่ตกสู่เหวลึกจากที่สูงอย่างเขา สิ่งที่รอเขาอยู่แน่นอนว่าเป็นการหยามหน้า ลบหลู่ เยาะหยัน และการโจมตีไร้สิ้นสุด
สภาพเช่นนั้นเกรงว่าคงสู้ไม่ได้แม้แต่ปุถุชนคนธรรมดา!
“ไม่ เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้…” โอวหยางชิงตะโกนลั่น หวาดกลัวถึงที่สุด ราวกับคนใกล้จมน้ำตาย
ก่อนหน้านี้เขาเย่อหยิ่งอวดดี มองอวิ๋นฉางคงเป็นมดปลวก สามารถเข่นฆ่าได้ตามใจ คำพูดและการกระทำเต็มไปด้วยความอำมหิตและเย็นชาราวสูงส่งเหนือผู้อื่น
แต่ตอนนี้กลับลุกลี้ลุกลนเหมือนหมาจรจัด!
หลินสวินไม่สนใจ ออกแรงที่ฝ่ามือ ครู่ต่อมาปากของโอวหยางชิงก็ถูกผนึก ไม่อาจส่งเสียงได้อีก มีเพียงดวงตาเบิกโพลงเต็มไปด้วยความหมดหนทาง ตื่นตระหนกและวิงวอน
แต่หลินสวินกลับทำเหมือนมองไม่เห็น
…
จวนกระบี่หมอกตะวันรอน
รัตติกาลใกล้มาเยือน แสงอัสดงดุจอัคคีแผ่สีเทาหม่นชั้นหนึ่ง อาบไล้สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่แน่นขนัดของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนไว้ภายใน
หน้าบานประตูสูงตระหง่านของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนนั้น หลันอิงเสวี่ยที่สวมชุดคลุมน้ำเงิน ร่างทรงสง่าขมวดคิ้ว บนหน้าขาวกระจ่างที่ประณีตโดดเด่นเจือความหงุดหงิดเสี้ยวหนึ่ง
ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ทำไมศิษย์พี่โอวหยางยังไม่กลับมาอีก
“ศิษย์พี่หลัน”
“ศิษย์พี่หลันกำลังรอใครอยู่หรือ”
“ศิษย์พี่หลัน ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”
ศิษย์บางคนของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนเดินผ่านมา เมื่อเห็นหลันอิงเสวี่ยในดวงตาต่างเจือแววตกตะลึง เลื่อมใส และเร่าร้อนอย่างอดไม่ได้
ศิษย์หญิงบางคนกลับลอบปวดใจ รู้สึกสับสนขึ้นมา หลันอิงเสวี่ยคือความภาคภูมิใจของจวนกระบี่หมอกตะวันรอน เป็นศิษย์เบื้องท้ายคนเดียวของเจ้าจวน พรสวรรค์โดดเด่น ต่อให้พวกนางคิดอิจฉาก็อิจฉาไม่ลง
ดวงหน้างามของหลันอิงเสวี่ยนิ่งสงบ ผงกศีรษะอย่างสงวนท่าที
ความจริงแล้วในใจนางเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกจับจ้อง ได้รับความเลื่อมใสและถูกอิจฉาเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง นี่คือรสชาติที่นางไม่เคยสัมผัสเมื่อสามปีก่อน
เพื่อรักษาประกายที่หมื่นสายตาจับจ้องนี้ไว้ สามปีนี้นางทำทุกทางเพื่อฝึกปราณ ทุ่มเทเต็มกำลังอย่างสุดความสามารถ
ไม่มีใครรู้ว่าฐานะที่นางชิงมาได้ทุกวันนี้ เบื้องหลังต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไปเท่าไหร่
ยิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งไม่อาจทนเห็นตนกลับไปใช้ชีวิตเหมือนสามปีก่อนได้อีก ชีวิตที่ยากจน ธรรมดา และสามัญเช่นนั้น…
เปรียบเทียบกับชีวิตที่นางได้ครอบครองตอนนี้แล้ว นั่นก็เหมือนปลักตมเหม็นเน่า!
ส่วนอวิ๋นฉางคง…
ก็เป็นคางคกเรื้อนในโคลนเหม็นเน่านั้น ยังคิดจะดึงตนกลับไปแต่งเป็นภรรยาอีก… ไม่อ่อนต่อโลกเกินไปหน่อยหรือ!
‘อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจเลย แต่คนธรรมดาอย่างเจ้า เดิมทีก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ข้าต้องการคืออะไร…’
หลันอิงเสวี่ยพึมพำในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์