Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2168

สรุปบท ตอนที่ 2168 คลื่นระเบียบในหยกประดับ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2168 คลื่นระเบียบในหยกประดับ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2168 คลื่นระเบียบในหยกประดับ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

พริบตาที่ข่าวแพร่ออกไป ทั้งจวนกระบี่หมอกตะวันรอนต่างสะท้านสะเทือน

หน้าประตูบ้านตน ผู้สืบทอดสองคนที่เจิดจรัสที่สุดในจวนถูกกำราบให้คุกเข่าลงกับพื้น นี่ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าถึงที่ชัดๆ

เพียงชั่วขณะแสงรุ้งดุจสายฝน บุคคลรุ่นอาวุโสมากมายต่างพุ่งออกมา แต่ละคนล้วนมีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติที่เรียกได้ว่าเป็นมหายุทธ์

ในโลกกระบวนแปรจุติ บุคคลเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่เหมือนมกุฎ

เมื่อเห็นโอวหยางชิงที่พลังปราณถูกกำจัด เห็นหลันอิงเสวี่ยที่คุกเข่ากับพื้นด้วยใบหน้าหม่นแสง คนใหญ่คนโตของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนพวกนี้แต่ละคนบันดาลโทสะ สีหน้าอึมครึม

ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างคนผู้หนึ่งตามๆ กัน

“ผู้อาวุโส ช่วยข้าด้วย!”

หลันอิงเสวี่ยเหมือนคนใกล้จมน้ำตายคว้าฟางยื้อชีวิตไว้ได้ ส่งเสียงขอความช่วยเหลืออย่างโหยหวน

ภาพนี้ทำให้คนใหญ่คนโตพวกนั้นปวดใจไม่หยุด โมโหยิ่งกว่าเดิมทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร

“พวกเขาก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

กลับเห็นหลินสวินกล่าวเรียบๆ “หรือพูดได้ว่าในโลกนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้”

น้ำเสียงเผยความมั่นใจอย่างที่สุด

“โอหัง!”

ชายชราอารมณ์ฉุนเฉียวคนหนึ่งทนไม่ไหว พุ่งทะยานออกไป กลิ่นอายบ้าระห่ำ ระหว่างสะบัดแขนเสื้อปราณกระบี่มหึมาสายหนึ่งปรากฏ แหวกผ่านอากาศเข้ามา

นี่คือผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง หนึ่งกระบี่ฟันออกมา ลักษณ์ประหลาดสะท้านโลก

หลินสวินไม่หลบไม่หนี ยื่นมือทำท่าชักกระบี่กลางอากาศ

มรรคชักกระบี่

สามชุ่นสงัดนิรันดร์!

แต่คมกระบี่สามชุ่นกลับสาดปราณกระบี่พันฉื่อออกไป ห้วงอากาศพลันขาดสะบั้นราวกับผืนผ้า ปราณกระบี่โหญ่โตที่พุ่งเข้ามานั้นถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย

ฉัวะ!

ชายชราถูกหนึ่งกระบี่ฟันลอยไป เสื้อผ้าตรงหน้าอกฉีกขาด เกราะสมบัติแตกออก ปราณกระบี่กัดกร่อนเข้าไปในร่าง โจมตีอวัยวะตันห้ากลวงหกของเขาอย่างหนัก

ยามร่วงตกลงบนพื้น ชายชราเลือดกบปากจมูก สีหน้าซีดเผือด เต็มไปด้วยความหวาดผวา

ณ ที่นั้นเงียบสนิท

กระบี่เดียวโจมตีผู้ฝึกกระบี่ใหญ่ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส!

พวกเบื้องบนของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนถูกทำให้ตกใจ แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี เวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็แยกแยะได้ บนตัวเด็กหนุ่มที่แต่งกายเรียบง่ายนั้น อบอวลไปด้วยพลังปราณของระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์

แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ใจของพวกเขาต่างกระตุกขึ้นมา ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม ด้วยระดับหยั่งสัจจะและระดับกระบวนแปรจุติห่างกันหนึ่งระดับใหญ่เต็มๆ!

เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร

เพิ่งอายุสิบกว่าปี ทำไมถึงมีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์ ซ้ำยังข้ามระดับอย่างเย้ยฟ้า ซัดคนที่อยู่ระดับกระบวนแปรจุติให้พ่ายยับเยินได้

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ต้องรู้ว่าคนรุ่นเยาว์อย่างหลันอิงเสวี่ยและโอวหยางชิงเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ชั้นยอดในแคว้นสันติ แต่ยามนี้มีแค่พลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น

หลันอิงเสวี่ยก็ถูกทำให้ตกใจ ทั้งตัวนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ในสมองว่างเปล่า นี่จะเป็นพลังของเด็กหนุ่มชนบทที่ต้อยต่ำคนนั้นได้อย่างไร

“ข้ามาครานี้แค่เพื่อทวงคืนความเป็นธรรม ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า แน่นอนว่าหากไม่กลัวตาย พวกเจ้าสามารถลงมือได้เต็มกำลัง”

ในตอนที่หลินสวินเอ่ยปาก สีหน้าไม่สะทกสะท้าน แค่ตัวคนเดียวชัดๆ แต่กลับมีอานุภาพเหมือนหนึ่งคนเฝ้าด่าน หมื่นทหารมิอาจย่างกราย

ยามสิ้นเสียง ณ ที่นั้นเงียบสงัด

คนใหญ่คนโตพวกนั้นสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ส่วนผู้สืบทอดรุ่นเยาว์เหล่านั้นก็ตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนานแล้ว ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก

“หากให้เจ้ากระทำการชั่วร้ายถึงหน้าประตูจวนกระบี่หมอกตะวันรอนของข้า ถ้าแพร่งพรายออกไปจวนกระบี่หมอกตะวันรอนของข้าจะยืนหยัดในแคว้นสันติได้อย่างไร”

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนน่าเกรงขามคนหนึ่งกล่าวเสียงขรึม

ชิ้ง!

ตรงหว่างคิ้วของเขามีกระบี่บินเขียวเลื่อมพรายสายหนึ่งปรากฏออกมา หมอกเมฆอบอวล แสงวิญญาณส่องประกาย

“ข้าน้อยเยวี่ยเหิงเฟิง เจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอน หากเจ้าขวางหนึ่งกระบี่ของข้าได้ เรื่องนี้จวนกระบี่หมอกตะวันรอนของข้าจะยอมจำนน สองคนนี้ยกให้เจ้าจัดการ!”

ชายวัยกลางคนน่าเกรงขามเอ่ยปาก

คนอื่นต่างหน้าเปลี่ยนสี เจ้าจวนจะตัดสินแพ้ชนะด้วยกระบี่เดียวรึ!

“ฉลาด”

หลินสวินเหลือบมองเยวี่ยเหิงเฟิงเล็กน้อย รูปร่างหน้าตาเขาเพิ่งจะอายุสิบกว่าปี แต่คำพูดกลับเหมือนกำลังวิจารณ์คนรุ่นหลัง ทำเอาทุกคนพลันเดือดดาล ท่าทางนี้ไม่อวดดีเกินไปหน่อยหรือ!

ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอนของพวกเขา เป็นผู้ฝึกกระบี่ใหญ่ที่จัดอยู่ในอันดับสี่ของแคว้นสันติ

เยวี่ยเหิงเฟิงกลับเหมือนไม่มีโทสะ เขาสูดหายใจลึก ทั้งตัวพลันพรั่งไปด้วยเจตกระบี่ทรงพลังราวกับพลุ่งพล่าน พุ่งทะลวงท้องนภา

ห้วงอากาศใกล้เคียงส่งเสียงกระหึ่ม ผู้สืบทอดที่พลังค่อนข้างอ่อนแอพวกนั้นยิ่งจิตใจสะท้านไหว ตกใจจนเกือบทรุดยวบลงกับพื้น

เหตุการณ์นี้ทำให้หลันอิงเสวี่ยมีความหวังขึ้นเสี้ยวหนึ่ง เยวี่ยเหิงเฟิงเป็นอาจารย์ของนาง ทั้งเป็นผู้ฝึกกระบี่ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสัมบูรณ์คนหนึ่ง!

กระบี่นี้ของเขา ในใต้หล้านี้คนที่สามารถรับมือมีจำนวนแค่นับนิ้วได้!

“ทะยาน!”

กระบี่บินตรงหน้าเยวี่ยเหิงเฟิงพุ่งขึ้นมา ตัวกระบี่มีคลื่นปราณกระบี่ที่น่าหวาดกลัวไหลวน น่าเกรงขามดั่งเทพมังกร สะเทือนลมเมฆทั่วทิศ

กระบี่นี้ทำให้ทุกคนในจวนกระบี่หมอกตะวันรอนต่างรู้สึกสั่นสะท้านและตกตะลึง เพิ่งพบว่าความเชี่ยวชาญในมรรคกระบี่ของเจ้าจวน ลึกล้ำยากหยั่งถึงยิ่งกว่าเดิมแล้ว

หากไม่ใช่ว่าตนมาที่นี่ หลันอิงเสวี่ยคนนี้เกรงว่าคงได้เป็นผู้กล้าหญิงในสายตาของคนทั่วไป เสพสุขกับความอิจฉาและห้อมล้อมจากคนนับไม่ถ้วนไปแล้วกระมัง

ส่วนอวิ๋นฉางคงล่ะ เด็กหนุ่มบ้านนอกที่ลุ่มหลงมัวเมาคนหนึ่ง ยังคิดว่าหญิงสาวที่ชอบพอมาตั้งแต่เด็กคนนั้นจะตามเขากลับบ้านไปแต่งงาน สุดท้ายกลับถูกทำร้ายโดยหญิงสาวที่ปรารถนาคนนี้…

หากมารดาที่เตรียมงานแต่งให้เขาอยู่ที่บ้านเกิดรู้ว่าบุตรชายของตนไม่กลับมาอีกแล้ว จะเสียใจเพียงใด

เรื่องทางโลกเหี้ยมโหด ไม่ยุติธรรมอย่างสิ้นเชิง

แต่เรื่องนี้ในเมื่อถูกเขาหลินสวินมาเจอเข้า เช่นนั้นก็ต้องจัดการให้ดีๆ

“ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก”

หลินสวินเอ่ยราบเรียบ “แต่ข้าจะช่วงชิงทุกอย่างไปจากเจ้า หน้าตา มรรควิถี ตำแหน่ง ชื่อเสียงที่เจ้าเคยถือเป็นความภาคภูมิใจ… ตั้งแต่วันนี้ไปล้วนไม่ใช่ของเจ้าแล้ว”

“ถึงตอนนั้นข้าอยากดูนักว่าใต้หล้านี้ใครจะมองเจ้าเป็นผู้กล้าหญิงอีก ยามเผชิญหน้ากับหญิงที่กลายเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างเจ้า คนที่ประจบประแจงเจ้าในอดีตพวกนั้นจะมีท่าทีอย่างไร”

แต่ละคำแต่ละประโยคราวกับใบมีดคมกริบ เสียบแทงเข้าไปในใจของหลันอิงเสวี่ยอย่างหนักหน่วง นางหน้าเปลี่ยนสีอย่างสมบูรณ์ รู้สึกหวาดผวาหาใดเปรียบ

สามปีมานี้นางเดินไปที่ไหนล้วนถูกห้อมล้อมเหมือนดาวล้อมเดือน รูปโฉมของนางยิ่งทำให้หญิงสาวนับไม่ถ้วนลอบปวดใจ ทั้งนางยังเป็นผู้สืบทอดของเจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอน ฐานะโดดเด่นเหนือใครในแคว้นสันติ

แต่หากไม่มีทุกอย่างนี้แล้ว…

นั่นคงยากจะรับได้ยิ่งกว่าฆ่านางให้ตาย!

“ไม่ ไม่เอา ข้าผิดไปแล้ว อวิ๋นคง ขอร้องเจ้าล่ะ ขอร้องเจ้าเห็นแก่ที่พวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ละเว้นข้าเถอะ”

หลันอิงเสวี่ยผมเผ้ายุ่งเหยิง หวีดร้องวิงวอน “เจ้าอยากพาข้ากลับบ้านไปแต่งงานไม่ใช่หรือ ข้าจะไปกับเจ้า ยังมีท่านแม่ของเจ้าด้วย ภายหน้าก็คือท่านแม่ของข้า ข้าจะทำดีกับนางเป็นร้อยเท่าพันเท่า ขอร้องเจ้าล่ะ ขอร้องเจ้าอย่าไร้เยื่อใยเช่นนั้นเลย…”

นางในเวลานี้หวาดกลัวจริงๆ แล้ว

ผู้แข็งแกร่งของจวนกระบี่หมอกตะวันรอนที่อยู่ใกล้พวกนั้น เห็นหลันอิงเสวี่ยที่ประหนึ่งเทพธิดาในใจตนเวลานี้กลับทำท่าลุกลี้ลุกลนอ้อนวอนเช่นนี้ ความชื่นชมและเคารพเลื่อมใสในใจที่มีต่อนาง ราวกับพังทลายสนั่นหวั่นไหวไปในพริบตา

ในแววตาของหลินสวินไม่มีความเวทนาแม้แต่น้อย

วันนี้ หลันอิงเสวี่ยผู้สืบทอดของเจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอน บุคคลที่เจิดจรัสเหมือนไข่มุกงามในหมู่คนรุ่นเยาว์ พลังปราณถูกกำจัด หน้าตาถูกทำลาย

วันนี้ พลังปราณของโอวหยางชิงนายน้อยตระกูลโอวหยางถูกกำจัดไปเช่นกัน กลายเป็นคนไร้ประโยชน์

วันนี้ เจ้าจวนกระบี่หมอกตะวันรอนถูกโจมตีจนบาดเจ็บในกระบี่เดียว

วันนี้ เมื่อข่าวแพร่ออกไป แคว้นสันติปั่นป่วน เป็นที่จับตามองจากทั่วหล้า ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนพากันสั่นสะท้าน

ส่วนจวนกระบี่หมอกตะวันรอนก็เสียหน้า เกียรติภูมิพังทลายอย่างรวดเร็ว

วันนี้ ชื่อของอวิ๋นฉางคงโด่งดังก้องท้องนภา

ทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน ยามจากจวนกระบี่หมอกตะวันรอนไป เขานำหยกประดับตกทอดของตระกูลอวิ๋นชิ้นนั้นไปด้วย

สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดคือ พริบตาที่เห็นหยกประดับชิ้นนี้ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังระเบียบที่คุ้นเคย!

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์