Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2169

หยกประดับมีแสงระเบียบเร้นลับเวียนวน

หลินสวินพลันรู้สึกได้ถึงการหมุนเวียนของหลักสวรรค์ หลักกรรมตามสนอง

ครั้งนี้เขาเข้ามาในโลกกระบวนแปรจุติ ตื่นขึ้นมาในร่างของอวิ๋นฉางคงเด็กหนุ่มบ้านนอก เดิมแค่ผดุงความยุติธรรมจึงชำระแค้น ทวงความเป็นธรรมให้เขา

ไม่เคยคิดจะกอบโกยอะไร

แต่ที่น่าอัศจรรย์คือหลังจากเขาทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น กลับสังเกตเห็นคลื่นพลังระเบียบในหยกประดับตกทอดของตระกูลอวิ๋นฉางคง

หลินสวินอดคิดไม่ได้ หากข้าทำตัวเป็น ‘ผู้ชม’ ไม่สนใจความแค้นและความอยุติธรรมที่อวิ๋นฉางคงได้รับ มีหรือจะได้หยกประดับชิ้นนี้มา

มีเหตุย่อมมีผล ทุกอย่างล้วนเป็นเช่นนี้

หลินสวินเก็บหยกประดับลงไป กลับไปบ้านเกิดของอวิ๋นฉางคง

หลายวันต่อมา

หลินสวินเตรียมเรือนพร้อมลานกว้างที่เงียบสงบหลังหนึ่งให้มารดาของอวิ๋นฉางคง ทั้งมีสาวใช้และบ่าวคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกาย

มารดาของอวิ๋นฉางคงเป็นหญิงชราร่างผอมที่อ่อนโยนคนหนึ่ง จากโครงหน้าที่ผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลานั้นสามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าตอนที่นางยังสาวต้องเป็นผู้หญิงที่รูปโฉมงดงามคนหนึ่งแน่

เมื่อหลินสวินจัดแจงทุกอย่างให้นางพร้อมแล้ว หญิงชราจึงกล่าวขึ้น “เจ้าไม่ใช่ลูกชายของข้า แต่เจ้าเตรียมที่พักให้ยายแก่อย่างข้าเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนเลว ขอบคุณเจ้ามาก”

หลินสวินอึ้งไปสักพักอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “อย่างมากหนึ่งปี อวิ๋นฉางคงจะกลับมา”

หญิงชราแววตาซับซ้อน พยักหน้าเงียบๆ

ยามหลินสวินจากไป ได้หันกลับมามองหญิงชราผมขาวที่สีหน้านิ่งสงบ นั่งอยู่ใต้ชายคาของลานบ้านเล็กน้อย ในใจอดทอดถอนใจไม่ได้ นี่เป็นมารดาที่ผ่านความปรวนแปรของโลกหล้า ทั้งมีสติปัญญากว้างไกลคนหนึ่ง

ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็พาให้คนเคารพนับถือ

เวลาต่อมาหลินสวินท่องไปในใต้หล้า มีฟ้าเป็นผ้าห่ม มีดินเป็นตั่งนั่ง กินหมอกดื่มน้ำค้าง ทัศนาความงามของทิวทัศน์ หยั่งรู้มหามรรคในธรรมชาติ

กาลเวลาเคลื่อนคล้อย ผ่านไปเกือบหนึ่งปีแล้ว

วันนี้เขากลับมาแคว้นสันติอีกครั้ง มาถึงที่พำนักซึ่งมารดาของอวิ๋นฉางคงอาศัยอยู่

มองเรือนที่เงียบสงบแห่งนั้นจากไกลๆ นึกถึงหญิงชราผมขาวแกมเทาร่างซูบผอมและอ่อนโยนคนนั้น หลินสวินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงลั่วชิงสวินมารดาของตน… ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด

เสียงที่คุ้นเคยหนึ่งดังขึ้น “ท่านแม่ ข้างนอกอากาศหนาว ท่านเข้ามาพักในบ้านเถอะ”

น้ำเสียงนุ่มนวล

หัวคิ้วหลินสวินกลับขมวดขึ้น แผ่จิตรับรู้ออกไป พริบตาก็ ‘เห็น’ ว่าในลานเรือนนั้นมีเงาร่างสูงโปร่งหนึ่งถือไม้กวาด กำลังเก็บกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นในลาน

นางแต่งกายธรรมดาปักปิ่นไม้หยาบ มวยผมสีดำเอาไว้ ทั้งตัวดูสะอาดเรียบร้อย มีเพียงใบหน้าที่สวมผ้าคลุมหน้าไว้

แต่หลินสวินกลับจำได้ทันที นี่ก็คือหลันอิงเสวี่ยที่ถูกตนทำลายใบหน้า กำจัดพลังปราณทิ้ง!

มารดาของอวิ๋นฉางคงนั่งอยู่ใต้ชายคา กล่าวด้วยแววตาอ่อนโยน “อิงเสวี่ย รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่าดียิ่ง เรื่องก่อนหน้านี้ก็ลืมไปเถอะ รอฉางคงกลับมา แม่จะคุยกับเขาดีๆ”

หลันอิงเสวี่ยส่ายหัว “ท่านแม่ ผิดก็คือผิด ข้าไม่ร้องขอการให้อภัย แค่อยากใช้ชีวิตที่เหลือปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่าน ไถ่บาปให้ดีๆ เช่นนี้… ในใจข้าจึงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง…”

นางพูดพลางน้ำตาร่วงริน

หนึ่งปีก่อนหลังจากถูกทำลายปราณ ใบหน้าถูกทำลาย อาจารย์ของนางไม่ยอมเจอหน้านางอีก ศิษย์น้องพวกนั้นของนางล้วนรังเกียจและหยามหน้านางอย่างมาก

ต่อให้นางจากมา ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนล้วนถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ ถากถางเย้ยหยัน…

หลายครั้งที่นางคิดฆ่าตัวตาย

“เฮ้อ นางหนูเจ้าอย่าร้องสิ ร้องจนยายแก่อย่างข้าจะหลั่งน้ำตาด้วยแล้ว” มารดาของอวิ๋นฉางคงรีบปลอบประโลม

“ท่านแม่ ท่านพักก่อนเถอะ ข้าจะไปตลาดซื้อซี่โครงมาตุ๋นน้ำแกงให้ท่าน” หลันอิงเสวี่ยปาดน้ำตา หันหลังจากไปอย่างกระตือรือร้น

หลินสวินเห็นภาพต่างๆ นี้อยู่ในสายตา แววตาล้ำลึก ไม่มีคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อย

ไม่ว่าหลันอิงเสวี่ยจะไถ่บาปหรือกลับเนื้อกลับตัวได้จริงๆ ก็ล้วนเป็นคนไร้ประโยชน์ เรียกคลื่นลมไม่ได้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เขาก็จะจากไปแล้ว

ถึงตอนนั้นความรู้สึกนึกคิดของอวิ๋นฉางคงก็จะตื่นขึ้น พร้อมมีร่างกายและพลังที่ฝึกปราณมาแล้ว ต่อให้หลันอิงเสวี่ยคิดทำการชั่วร้าย ก็เกรงว่าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอวิ๋นฉางคง

หืม?

ขณะกำลังใคร่ครวญ หลินสวินพลันสังเกตเห็นว่าหลังจากหลันอิงเสวี่ยสะพายตะกร้าผักเดินออกจากเรือนไป ก็เดินห่างออกไปด้วยสีหน้ารีบร้อน

หลินสวินตามไปเงียบๆ

ริมธารสายเล็กที่ห่างไกลเต็มไปด้วยร่มเงาต้นไม้

หลังจากหลันอิงเสวี่ยมาถึง เงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่งในนั้น ร่างสูงใหญ่หล่อเหลา สีหน้าซีดเผือด เป็นโอวหยางชิงที่ถูกทำลายพลังปราณนั่นเอง

“ยายแก่นั่นบอกแล้วว่ารออวิ๋นฉางคงกลับมาก็จะช่วยขอร้องแทนข้า” หลันอิงเสวี่ยกล่าวเบิกบาน

โอวหยางชิงแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าคิดจะอาศัยพลังปราณอันล้ำลึกของอวิ๋นฉางคงหรือ หากได้รับการให้อภัยจากเขาก็ไต่ขึ้นที่สูงได้อย่างนั้นสิ?”

“โอวหยางชิง นี่เจ้าพูดอะไร” หลันอิงเสวี่ยถลึงตามองเขาคราหนึ่ง “วางใจเถอะ ขอแค่หลอกอวิ๋นฉางคงนั่นให้เชื่อข้าใหม่อีกครั้งได้ ด้วยวิธีของข้าต้องถามเขาได้แน่ว่าก้าวสู่หนทางแห่งการฝึกปราณได้อย่างไร”

“หากถามไม่ได้ล่ะ” โอวหยางชิงกล่าว

ในดวงตาของหลันอิงเสวี่ยฉายแววอาฆาต “เช่นนั้นก็ได้แต่ใช้วิธีสกปรกแล้ว!”

“นำชีวิตของมารดาเขามาข่มขู่หรือ” โอวหยางชิงกล่าว

หลันอิงเสวี่ยหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที “มีแค่ศิษย์พี่โอวหยางที่รู้จักข้าดีที่สุด”

โอวหยางชิงก็หัวเราะขึ้นมา มือข้างหนึ่งตบลงบนบั้นท้ายที่อวบอิ่มโค้งงอนนั่นของหลันอิงเสวี่ย กล่าวด้วยแววตาเร่าร้อน “คนไร้ประโยชน์ที่สี่ปีก่อนยังไม่เข้าใจเรื่องฝึกปราณ กลับมีมรรควิถีที่น่ากลัวเช่นนั้นในชั่วขณะเดียว เรื่องนี้ต้องมีความลับอยู่แน่ หากเจ้ามองทะลุความลับนี้ได้ ไม่แน่ว่า… พวกเราสองคนอาจได้กลับไปเหยียบหนทางแห่งการฝึกปราณใหม่อีกครั้ง”

ลมหายใจของหลันอิงเสวี่ยก็เปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้นมา

ก้าวสู่เส้นทางฝึกปราณอีกครั้ง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์