Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2183

สรุปบท ตอนที่ 2183 ด่านเคราะห์ที่ไม่เคยมีในอดีตที่ผ่านมา: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2183 ด่านเคราะห์ที่ไม่เคยมีในอดีตที่ผ่านมา จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2183 ด่านเคราะห์ที่ไม่เคยมีในอดีตที่ผ่านมา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

โลกมืด

จ้งชิวพาซีมาปรากฏตัวด้วยกันที่ยอดเขาสันโดษลูกหนึ่ง

เจ็ดปีแล้ว พวกเขาสองคนรออยู่ที่นี่มาตลอด บ้างพูดคุยกันชั่วคราว บ้างมองไปไกลๆ อย่างเงียบๆ

สำหรับคนอย่างพวกเขาแล้ว เวลาเจ็ดปีก็ผ่านไปเพียงชั่วดีดนิ้ว แปรเปลี่ยนเป็นไม่สำคัญไปนานแล้ว

เหนือเวิ้งฟ้ากลิ่นอายแดนปรินิพพานยังคงอบอวล เพียงแต่ทางเข้าสู่ภายในหายลับไปนานแล้ว

ด้วยพลังของจ้งชิวยังไม่อาจอนุมานทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในแดนปรินิพพานนั้นได้

“ข้าสงสัยมาตลอดว่าเหตุใดเจ้าจึงแน่ใจปานนี้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจะไม่มีทางกลับมา” ซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

จ้งชิวครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบตามจริงว่า “แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถาน พลังระเบียบต้องห้ามที่มาจากอีกฟากฝั่งไม่อาจรุกรานเข้ามาได้”

จ้งชิวหยุดไปแล้วพูดอย่างดูแคลนว่า “ถ้าไม่อาจใช้และควบคุมพลังระเบียบต้องห้ามได้ จักรพรรดิสวรรค์ดำรงนั่นจะนับเป็นตัวอะไร ถ้าเข้าไปในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขาความสามารถเท่านั้น ไม่ตายก็ต้องก่อเรื่องจนขายหน้า”

วาจาหยาบโลนไปหน่อย แต่ก็ทำให้ซีเข้าใจได้ทันที

“ถ้าเขากลับมาแล้วล่ะ” ซีเอ่ยถาม

จ้งชิวพูดเสียงเรียบ “พลังของแดนปรินิพพานเป็นสิ่งที่แปลงมาจากระเบียบแรกกำเนิดฟ้าดารา สามารถสกัดการรบกวนของพลังระเบียบต้องห้ามได้ ต่อให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงกลับมาก็ไม่กล้าโผล่หัว ทำได้แค่อดกลั้น รอมาเยือนในวันที่แดนปรินิพพานหายลับไป”

ตั้งแต่เริ่มจนจบจ้งชิวดูมั่นใจหาใดเทียบ

นี่ทำให้ซีเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “แต่ถ้าเขาโผล่หัวมาล่ะ”

จ้งชิวยื่นหมัดออกมาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เชื่อหรือไม่ว่าหมัดเดียวของข้าระเบิดหัวหมาของเขาได้”

ซีอดขันไม่ได้ เจ้าคนโอหังคนนี้ยังหยิ่งยโสตั้งแต่ต้นจนจบ

เปรี้ยง!

ทันใดนั้นเหนือเวิ้งฟ้าก็มีเสียงสายฟ้าดังขึ้น ฟังดูห่างไกลหาใดเทียบ ผู้แข็งแกร่งส่วนมากที่อยู่ในโลกมืดถึงกับไม่อาจสังเกตได้

แต่จ้งชิวกลับได้ยิน ในดวงตาเขามีประกายสว่างจ้าผุดออกมาทันที

เจ็ดปีนี้ สิ่งที่เขารอคอยก็คือเสียงสายฟ้านี้!

“เริ่มแล้วหรือ” ซีพูด

“อืม เริ่มแล้ว” ขณะนี้จ้งชิวกลับเหมือนรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งอย่างหาได้ยากยิ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าปกครองโลกมืดมาไม่รู้กี่ปี ที่รออยู่ก็คือเสียง ‘ดอกไม้บาน’ เสียงนี้”

ดอกไม้บาน ย่อมหมายถึงหนึ่งบัวที่เบ่งบานดอกนั้น

ซีเอ่ยถาม “บรรลุมกุฎจักรพรรดิที่แดนปรินิพพาน จะก้าวสู่ ‘ยอดหนทางสู่อมตะ’ ที่ว่าได้จริงหรือ”

จ้งชิวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ยังจำที่ข้าเคยพูดไว้ได้ไหม ว่าตอนนั้นอาจารย์ข้าจ่ายค่าตอบแทนใหญ่ยิ่งนักเพื่ออนุมานความเร้นลับของแดนปรินิพพานนี้”

“บัดนี้แดนปรินิพพานนี้มาเยือนแล้วจริงๆ สิ่งนี้พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่าข้อสันนิษฐานของอาจารย์ข้าในตอนนั้นถูกต้อง”

“ดังนั้น ยอดหนทางสู่อมตะนี้จะต้องมีอยู่แน่!”

“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรารอมาเนิ่นนานไม่รู้เท่าไร ที่รอมาไม่ได้สูญเปล่า”

พูดถึงตอนสุดท้าย สีหน้ากับวาจาของเขายังเปลี่ยนเป็นหนักแน่นหาใดเทียบ

ซีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าหลินสวินก็คือดอกบัวที่บานเด่นดอกนั้น หรือควรบอกว่า เจ้าไม่กังวลว่าดอกบัวนี้ยังไม่ทันบานเต็มที่ก็จะประสบเหตุไม่คาดฝันหรือ”

“เจ้าเคยพูดไว้ว่าพวกน่ากลัวที่ฟากฝั่งฟ้าดาราบางส่วนไม่ยอมให้ยอดหนทางสู่อมตะสายนี้อุบัติขึ้น”

นางไม่ได้ไม่ถือหางหลินสวิน แต่ไม่รู้ว่าคราวนี้หลินสวินจะประสบกับเคราะห์ใหญ่ขั้นไหน

ดวงตาจ้งชิวเย็นชา มองดูเหนือเวิ้งฟ้าไกลๆ เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ารู้แค่ว่า ผู้ใดต้องการแทรกแซงหรือทำลาย ผู้นั้นจะต้องจ่ายค่าตอบแทน!”

“รอดูเถอะ มหาเคราะห์คราวนี้เริ่มขึ้นแล้ว ฉากเด็ดจริงๆ… อีกไม่นานก็จะแสดงแล้ว!”

……

หลินสวินรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าทุกครั้งที่ฝ่าฟันความยากลำบากของด่านเคราะห์อสนีที่ประหนึ่งการเวียนว่ายตายเกิด ตนเองก็เหมือนแปรสภาพไปครั้งหนึ่ง

การแปรสภาพแต่ละครั้งทำให้ตนเข้าใกล้เส้นทางสู่การกลายเป็นจักรพรรดิทีละก้าว!

เปรี้ยง!

เงียบสงัดไปช่วงสั้นๆ สายฟ้าของด่านเคราะห์รอบที่สี่ก็โรยตัวลงมา

ก็เห็นว่าในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์นั้นมีแสงอสนีงดงามหลากสีสัน ทั้งสีแดง สีเขียว สีเหลือง สีดำ สีขาว…

ท่ามกลางความคลุมเครือ ส่วนลึกของเมฆาเคราะห์วิวัฒน์เป็นภูผาธารางดงาม ยอดเขาตั้งตระหง่าน มหานทีไหลหลั่ง ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ทิวทัศน์ดั่งภาพวาด

เพียงแต่ภูผาธาราอันเกรียงไกรดุจภาพวาดนั้นล้วนแปลงมาจากด่านเคราะห์อสนีทั้งสิ้น ในต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นล้วนมีกลิ่นอายทำลายล้างแผ่กระจายอบอวล

เพียงมองดูไกลๆ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังและพังทลาย มหาเคราะห์ชั้นนี้เหนือกว่าจินตนาการของระดับจักรพรรดิเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง

ทำให้ทุกคนยังไม่กล้าเชื่อว่านี่จะเป็นมหาเคราะห์บรรลุจักรพรรดิครั้งหนึ่ง

ครืน!

ภูผาธาราอสนีแถบนั้นมาเยือน เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นฟ้าดาราแห่งนี้สั่นสะเทือนบิดเบี้ยวรุนแรง ซย่าจื้อนิ่วหน้า หลบไปไกลๆ โดยไม่ลังเล

นางสัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งยวด

และตอนนี้ เงาร่างหลินสวินก็ถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางภูผาธาราอสนีแห่งนั้นในชั่วพริบตา

ผืนปฐพีกว้างใหญ่ไพศาล ภูผาธาราเป็นลูกคลื่น พลังอสนีเคราะห์มีอยู่ทุกแห่งหน

ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้านั้น ปราณกระบี่ด่านเคราะห์อันแหลมคมไร้เทียมทานพวยพุ่ง น้ำแห่งมหานทีม้วนตลบ ที่หอบม้วนขึ้นมามีแต่อสนีเคราะห์ที่ซัดสาดรุนแรง ภูผานั้นสูงตระหง่านไม่ไหวติง แต่กลับมีสายฟ้าที่แปลงจากหินผาก้อนแล้วก้อนเล่าโปรยปราย หินผาสายฟ้าแต่ละก้อนมีอานุภาพสังหารเทพผี

“ต่อให้เป็นสี่เคราะห์เก้าจักรพรรดิ ก็ไม่มีทางน่ากลัวเหมือนกับก่อนหน้านั้น นี่เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นเคราะห์บรรลุมกุฎจักรพรรดิ!”

และยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าสีหน้าไม่สู้ดี ในใจสั่นระรัว เจ้าหมอนี่ ที่แท้ก็ต้องการบรรลุมกุฎจักรพรรดิ!

“บรรลุมกุฎจักรพรรดิหรือ ละเมอเพ้อพกสิ้นดี ตั้งแต่ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิในกาลก่อนมาจนตอนนี้ แสนปีที่ผ่านมาไม่มีใครบรรลุมรรคานี้สักคน!”

มีคนเอ่ยอย่างคมคาย

“เจ้าหมอนี่ต้องล้มเหลวแน่!”

…ท่ามกลางเสียงสนทนามากมาย ด่านเคราะห์อสนีรอบที่ห้าของหลินสวินก็ปะทุขึ้นแล้ว แกร่งกล้ากว่าด่านเคราะห์อสนีรอบก่อนหน้านี้มาก

ในที่สุดหลินสวินก็ร่างกายแตกระแหง เลือดเนื้อแหลกเละ จิตวิญญาณยังถูกซัดจนมืดมนไร้แสง แต่ยังฝืนต้านทานต่อไป

ยังไม่ตาย!

สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นอย่างกับกินแมลงวันตายเข้าไป ทั้งสั่นสะท้านทั้งยากจะยอมรับได้ อัดอั้นจนแทบกระอักเลือด

นี่เป็นไปได้อย่างไร

ด่านเคราะห์โจมตีเช่นนี้ก็ยังฆ่าเขาไม่ได้หรือ

หลินสวินไม่สนใจทุกอย่างนี้สักนิด จิตวิญญาณของเขาจดจ่อกับการข้ามด่านเคราะห์โดยสมบูรณ์ ไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่นิดเดียว

เขาสังเกตได้แล้วว่า มหาเคราะห์ไร้เทียมทานที่เรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนในโลกนี้… เป็นไปได้สูงมากว่าจะไม่ปิดฉากเพียงเท่านี้

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ต่อไปจะเกิดภัยคุกคามถึงชีวิตที่ไม่อาจคาดเดาได้

ดังคาด หลินสวินเดาถูกแล้ว

ในเวลาต่อมา ด่านเคราะห์อสนีตกลงมาจากส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ ด่านเคราะห์อสนีรอบที่หกมาเยือน!

สายฟ้านับไม่ถ้วนตัดสลับ สุดท้ายควบรวมเป็นระฆังมรรคเคราะห์อสนีลอยอยู่บนฟ้าดารา ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนแต่ละครั้งสามารถซัดร่างกายหลินสวินให้กระจุย เส้นเอ็นกระดูกระเบิดออก เลือดเนื้อถูกทำลายยับเยิน

ในที่สุดรูปจำลองเจตจำนงของเขาแปลงเป็นรูปลักษณ์เตาหลอม รักษาความแจ่มกระจ่างไว้อย่างมั่นคง ถึงได้ปะทะและทำลายพลังระฆังมรรคเคราะห์อสนีนั้นจนหมดสิ้น

อันตรายและความน่ากลัวในนั้น คนนอกไม่อาจสัมผัสได้

หลังผ่านเคราะห์นี้ หลินสวินสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าการแปรสภาพคราวนี้ นอกจากร่างกายและพลังปราณยิ่งเข้าใกล้ระดับจักรพรรดิแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่น่าตะลึงที่สุดก็คือจิตวิญญาณ

‘รูปจำลองเจตจำนง’ ที่ควบคุมดูแลอยู่ในห้วงนิมิตเหมือนกับเตาหลอมที่มีอยู่จริง หลังจากผ่านการหลอมตีเป็นร้อยครั้ง ผนังเตาหลอมปรากฏลายมรรคลี้ลับอยู่รางๆ ราวกับเป็นของจริงที่จับต้องได้ ลึกลับอย่างบอกไม่ถูก

ทว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้สิ้นสุดลง

ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ ด่านเคราะห์อสนีรอบที่เจ็ดกำลังควบรวมและหมักบ่มอย่างบ้าคลั่ง

จวบจนตอนนี้ ระดับจักรพรรดิทั้งหมดที่อยู่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคต่างตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ต่อให้หมายจะให้หลินสวินถูกผ่าตาย แต่เมื่อเห็นมหาเคราะห์เช่นนี้ก็ยังทำให้พวกเขาสั่นสะท้านและกระเทือนใจดังเก่า

ไม่ว่าใครต่างชี้ชัดได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าต้องเป็นมหาเคราะห์ที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์