ทวนศึกเล่มหนึ่งทะลวงฟ้าดารา อหังการและไร้เทียมทานปานนั้น ทำให้ระดับจักรพรรดิต่างใจสั่นสะท้านสะพรึงกลัว
ทำเอาทุกคนไม่กล้าคาดเดา ว่าเจ้าของทวนศึกนี้จะมีมรรควิถีสูงส่งปานไหน
และตอนนี้เป็นเวลาสำคัญที่หลินสวินกำลังข้ามด่านเคราะห์ ผ่านการทำลายล้างและเกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาในตอนนี้แรงกำลังตกต่ำลงถึงขัดาสุดแล้ว
มรรควิถีทั้งตัวใกล้จะพังทลายและดับสิ้นครั้งแล้วครั้งเล่ามานานแล้ว
แต่หลินสวินยิ่งรู้ดีว่าประกาศิตอสนีเคราะห์ก็กำลังจะถูกกำราบ ใกล้จะถูกตัวเองหลอมแล้วเช่นกัน!
แต่ในสถานการณ์สำคัญหาใดเทียบนี้ ทวนศึกเล่มนั้นก็ทะลวงห้วงอากาศมา รวดเร็วจนทำให้หลินสวินยังไม่ทันตอบสนอง
ทำได้เพียงมองดูตาปริบๆ!
แต่ในใจกลับมีความโกรธแค้นและไม่ยินยอมอย่างบอกไม่ถูก
หลายปีนี้เขาทุ่มเทจิตใจและความอุตสาหะไม่รู้เท่าไรเพื่อบรรลุมกุฎจักรพรรดิ เพื่อสิ่งนี้ ถึงกับผ่านความทรมานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาหลายครั้ง
เขาผ่านการโจมตีของด่านเคราะห์อสนีรอบแล้วรอบเล่ามาอย่างยากลำบากจนมาถึงรอบสุดท้ายนี้ แต่เคราะห์สังหารที่มาเยือนกะทันหันกลับจะทำลายทุกอย่างนี้ลง!
ใครจะยินยอมได้
ใครจะไม่โกรธได้
‘ถ้าข้าหลินสวินไม่ตาย จะต้องเอาคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่า!’ เขาคำรามในใจ ขอบตาแดงก่ำ ทั้งตัวปรากฏความบ้าคลั่งอย่างหนึ่ง
ไม่มีความหวัง ย่อมพูดว่าสิ้นหวังไม่ได้
แต่เมื่อสู้สุดตัวถึงขั้นเอาชีวิตเข้าแลก กำลังจะคว้าความหวังนี้ไว้ได้อย่างยากลำบาก กลับถูกเหตุไม่คาดฝันหนึ่งขัดขวาง นี่เป็นเรื่องโหดร้ายที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!
ไกลออกไปน้ำตาเลือดสองสายหลั่งรินบนใบหน้าซย่าจื้อ ร่างกายจิตใจมีเค้าลางพังทลาย
หลายปีมานี้นางต่อสู้เพียงลำพัง ผ่านความเป็นความตายเพียงผู้เดียว ทั้งหมดนี้เพื่อปกป้องคนที่ถูกนางมองว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองที่อยู่ไกลออกไปนั้น!
ต่อให้เป็นคราวนี้เบื้องหน้ากำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ นางก็ยินดีเอาชีวิตไปแลกกับความปลอดภัยไร้กังวลของหลินสวิน
แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสำคัญที่สุดนี้ ตนกลับทำได้เพียงมองดู มองดูทวนศึกเล่มนั้นพุ่งไปหาหลินสวิน…
‘นางหนู ถ้าทำลายพันธนาการบริสุทธิ์ เจ้าก็จะมีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ วางใจเถอะ เขาไม่ตายหรอก’
จู่ๆ เสียงถอนหายใจบางเบาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในสภาวะจิตของซย่าจื้อ ที่ตามมาติดๆ คือพลังที่กำลังจะพังทลายนั้นของนางถูกพลังลึกลับกดข่มไว้
ซย่าจื้อเงยหน้าขึ้นโดยพลัน ก็พบว่าทวนศึกที่โจมตีไปหาหลินสวินนั้นหยุดชะงักอยู่ตรงนั้นทันที ไม่อาจเข้าใกล้ได้สักนิด
ราวกับถูกมือใหญ่ไร้รูปมือหนึ่งจับไว้!
ภาพนี้ทำให้หลินสวินยังรู้สึกประหลาดใจ ในขณะเดียวกันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในสภาวะจิตเขา
‘จดจ่อกับการทลายด่านเคราะห์’
เพียงไม่กี่คำกลับเหมือนมีเวทมนต์มหัศจรรย์ กวาดความคิดฟุ้งซ่านในใจหลินสวินให้หายไป แปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งหาใดเทียบ
“เอ๊ะ!”
ส่วนลึกของฟ้าดารามีเสียงคล้ายตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้น
จากนั้นทวนศึกเล่มนั้นส่งเสียงหึ่งรุนแรง แสงมรรคน่ากลัวหลั่งไหลออกมา พอมองเห็นอักษรมรรคดั้งเดิมที่เก่าแก่หาใดเทียบปรากฏขึ้นบนทวนศึกอยู่รางๆ…
กลิ่นอายที่กระจายออกมาจากทวนศึก ทำให้เหล่าระดับจักรพรรดิที่อยู่ไกลออกไปต่างรู้สึกสิ้นหวังน่าสะพรึงกลัว น่ากลัวกว่ากลิ่นอายบรรพจารย์จักรพรรดิเสียอีก!
แต่ไม่ว่าทวนศึกนี้จะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจขยับเข้าไปได้สักนิด
ในขณะเดียวกัน
ตึง!
ฟ้าดาราแห่งนี้สั่นสะเทือนถูกฉีกขาด เกิดเป็นรอยแยกมหึมารอยหนึ่ง พลังกาลเวลาในรอยแยกถาโถม จาหนั้นธารมหามรรคสายหนึ่งไหลหลั่งซัดสาดออกมา พลังแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ชักนำให้กฎเกณฑ์มหามรรคปั่นป่วน ระเบียบไม่เสถียร
“ฉีกกระชากห้วงอากาศ!” ขณะนี้ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างตกใจกันหมด
พลังเช่นนั้นน่ากลัวไปแล้ว ทำให้ระเบียบฟ้าดินไม่เสถียร รบกวนกฎเกณฑ์ฟ้าดาราแห่งนี้ เปลี่ยนเป็นสายธารกาลเวลาสายหนึ่ง ราวกับทะลวงประตูเวลาออกมา!
ฟ้าดินสั่นระรัว
สายธารกาลเวลาซัดสาด ระลอกคลื่นคับฟ้า พลังแห่งกาลเวลาอันไร้สิ้นสุดไหลหลั่ง ค่อยๆ ฉายภาพยิ่งใหญ่ภาพหนึ่งออกมา
เสี้ยวจันทร์สามดารา เหยียบย่างกาลเวลามาเยือน
มีเงาร่างกำยำยืนตระหง่านบนคลื่นกาลเวลาราวกับหมื่นกาลไม่ดับสลาย ไม่มีวันมลายชั่วกาล กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาทำให้ฟ้าดาราแห่งนี้ถูกข่มโดยสิ้นเชิง
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป ทำให้ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นตัวสั่นงันงกไปหมด สายธารกาลเวลาสายหนึ่งทะลวงอากาศมาเยือน เงาร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่บนนั้น จันทร์เสี้ยวและสามดาราฉายเด่น!
นี่ต้องเป็นบุคคลเช่นไรถึงสามารถใช้พลังกาลเวลาปรากฏตัวข้ามมิติมาได้
แทบจะในขณะเดียวกัน ส่วนลึกของฟ้าดาราไกลลิบมีเสียงระลอกหนึ่งดังขึ้น
“ไม่ว่าใครก็ไม่อาจขัดขวาง!”
“ทีนี่ไม่อนุญาตให้ยอดอมตะอุบัติขึ้น ขอเพียงมาขัดขวาง ล้วนเป็นศัตรูของพวกข้า”
“ถอยไป!”
เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ได้เป็นเสียงคนเพียงคนเดียว บ้างน่าเกรงขาม บ้างเย็นชา บ้างเรียบเฉย แต่เมื่อเสียงดังขึ้นกลับสะท้านไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน ดังสนั่นราวกับเสียงสัทครรลองมหามรรค
เสียงยังไม่ทันเงียบลง ขวานยักษ์เล่มหนึ่ง กระบี่มรรคเล่มหนึ่ง ทวนใหญ่เล่มหนึ่งกวาดทำลายฟ้าดาราให้สิ้นซากลงอย่างรวดเร็ว
สมบัติแต่ละอย่างต่างเปี่ยมด้วยกลิ่นอายอมตะ อบอวลด้วยไอแรกกำเนิด แสงเทพไหลเวียน ประหนึ่งอาวุธเทพที่แท้จริง หมายจะสังหารเงาร่างที่อยู่บนสายธารกาลเวลานั้น
เร็วเกินไปแล้ว!
ทุกคนยังค้นพบอย่างน่าพรั่นพรึง ว่าเผชิญหน้าการโจมตีเช่นนี้ พลังบนตัวทั้งหมดของตนจะถูกกดข่ม ไม่อาจขยับได้สักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์