Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2188

ตอนที่ 2188 อานุภาพแห่งดวงกมล ไร้ขอบเขตไร้ศัตรูฟ้าดาราปั่นป่วน มีเพียงบริเวณที่ที่หลินสวินกำลังข้ามด่านเคราะห์อยู่เท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ เขาแปลงเป็นเตาหลอมเข้ากำราบประกาศิตอสนีเคราะห์ สภาพจิตใจและเจตจำนงไร้ระลอกคลื่นแม้เพียงเสี้ยว

การปรากฏตัวของชายกำยำผู้นั้นทำให้เขาไร้หวาดหวั่นไร้สะพรึงอย่างสิ้นเชิง ไม่ทุกข์ไม่สุข

“ค่าตอบแทนที่จ่ายไปเมื่อตอนนั้น รอมาหมื่นกาล ในที่สุดอาจารย์เขาก็ออกมือแล้ว!”

ในโลกมืด จ้งชิวที่หยิ่งทระนงถึงกระดูกเวลานี้กลับฮึกเหิมขึ้นมาอย่างหาได้ยาก นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววปิติยินดี

ซีอึ้งไป เพิ่งตระหนักได้ว่าที่จ้งชิวพูดถึงคือใคร อดสะท้านไหวไม่ได้ กล่าวว่า “ทั้งหมดนี้อาจารย์ของเจ้าเดาได้แต่แรกแล้วหรือ”

จ้งชิวส่ายหน้า “นี่คือโอกาสที่ไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ หากไม่ใช่เพราะศิษย์น้องเล็กใช้มรรควิถีแห่งตนคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ ความทุ่มเทที่อาจารย์ลงแรงไปในปีนั้น… คงต้องสูญเปล่าไหลไปตามกระแสน้ำเป็นแน่”

“เป็นความทุ่มเทแบบไหนกันแน่” ซีอดถามไม่ได้

จ้งชิวไม่ได้พูด

เพราะแม้แต่เขาก็ยังไม่รู้แน่ชัด เขารู้เพียงว่า นับแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาอาจารย์ก็จากไปแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าไปที่ไหน

ซีใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “กล่าวเช่นนี้ วาสนาครั้งนี้ต้องตกเป็นของหลินสวินแน่แล้วหรือ”

จ้งชิวส่ายหน้า “ยังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้ายใครก็บอกไม่ได้”

ตูม!

แสงมรรคไร้เสื่อมสูญอึงอล ขวานยักษ์เล่มนั้นถูกซัดสะเทือนจนส่งเสียงปั่นป่วน ร่างใหญ่โตบึกบึนมือถือขวานยักษ์พลันซวนเซถอยกรูดออกมา แต่ละก้าวที่เหยียบย่างทำให้ห้วงอากาศแตกกระจุย

และพร้อมกันนั้นสายน้ำแห่งกาลเวลาซัดสาด เงาร่างกำยำที่ยืนนิ่งเหนือเกลียวคลื่นกล่าวเสียงเรียบ

“หากเป็น ‘ขวานเบิกฟ้า’ ของจริงยังมีโอกาสขัดขืน แต่ลำพังแค่เจตจำนงเสี้ยวหนึ่งที่เป็นของมัน ก็ไม่ต่างอะไรกับการปาไข่ใส่หิน”

เงาร่างกำยำสายนี้ ย่อมเป็นเจ้าแห่งคีรีดวงกมล!

ไกลออกไปชายสามหญิงหนึ่งเหล่านั้นต่างขมวดคิ้ว นัยน์ตาทอประกายวาววับ กลิ่นอายน่าสะพรึง การปรากฏตัวของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลทำให้พวกเขาต่างแปลกใจยิ่ง

และเวลานี้พวกระดับจักรพรรดิที่อยู่ไกลๆ เหล่านั้นต่างตกใจยิ่งยวด แสงมรรคที่รายล้อมขวานยักษ์ประหนึ่งไม่เสื่อมสูญนั้นน่าสะพรึงถึงขึ้นไม่อาจจินตนาการได้ ใครจะกล้าเชื่อว่านั่นเป็นเพียงพลังเจตจำนงของสมบัติชิ้นหนึ่ง

พวกเขาเป็นใคร มาจากที่ไหน อยู่ในยุคสมัยไหนกันแน่

ทุกคนกล้าเพียงฟันธงว่า พวกเขาไม่ใช่คนของทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ เพราะออกมาจากกลางวังวนแห่งกาลเวลานั่น

นี่เสมือนพิสูจน์ได้ว่า… พวกเขา… ไม่หวั่นเกรงการโจมตีของกฎระเบียบกาลเวลา!

นี่สะท้านสะเทือนเกินไป เหนือจินตนาการ เส้นทางแห่งระดับจักรพรรดิ กาลเวลาเป็นนายเหนือหัว ใครบ้างจะไม่หวั่นเกรงการโจมตีของกาลเวลา

ต่อให้เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิก็ทำได้เพียงเริ่มต้นสัมผัสและหยั่งรู้กาลเวลา ถึงได้มีพลังที่สามารถสอดส่องนัยเร้นลับ ‘ย้อนบรรพ์’ ได้

ทว่าบรรพจารย์จักรพรรดิกลับไม่อาจไม่หวาดกลัวระเบียบกาลเวลาได้!

นี่ก็เหมือนเทพนิยายในตำนานเทพชัดๆ!

แต่ตอนนี้พวกเขาทุกคนล้วนเป็นพยานเห็นปาฏิหาริย์เช่นนี้พร้อมกัน

“ปาไข่ใส่หินหรือ ไม่สิ เจ้าไม่ใช่ว่าก็เป็นกายมรรคเจตจำนงสายหนึ่งเหมือนกันหรือ เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าในมิติเวลาต้อยต่ำเช่นนี้ กลับมีคนเช่นเจ้าอยู่ด้วย”

ชายสง่างามองอาจ ผู้นำที่ถือทวนศึกเอ่ยปาก น้ำเสียงกระหึ่มดุจดั่งพันทัพหมื่นอาชาห้อตะบึง ก้องสะท้อนทั่วฟ้าดาราแถบนี้

แสงมรรคที่ประหนึ่งไม่เสื่อมสูญแห่ห้อม ส่องแสงจนเขาเหมือนกับเทพสูงสุด

มิติเวลาต้อยต่ำ!

ในใจสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิเหล่านั้นสั่นสะท้าน ไม่อาจสงบนิ่ง ทั่วหล้าฟ้าดาราไพศาลปานใด กลับถูกคนมองว่าต้อยต่ำ!

“กบก้นบ่อมองฟ้า”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเอ่ยปากเสียงเรียบ “สถานที่ที่พวกเจ้ามุ่งหน้ามาไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ในอดีตสืบมา จะมีสักกี่คนที่เหยียบย่างยอดหนทางสู่อมตะ”

พวกเขาปะทะคารม ดูคล้ายยังไม่ได้ลงมือ แต่อันที่จริงด้วยระดับพวกเขา ทุกท่วงท่าอิริยาบถ ทุกถ้อยคำทุกประโยค ล้วนเปี่ยมด้วยอานุภาพน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นจิตวิญญาณคงถูกซัดสะเทือน ถูกถ้อยคำเหล่านั้นกำราบให้ยอมศิโรราบนานแล้ว!

“เฮอะ! ให้ข้าลองดูศักยภาพของเจ้าหน่อย”

ชายชุดดำซูบผอมคนหนึ่งก้าวออกมา กระบี่มรรคในมือโฉบทะยานฉับพลัน พลิกปราณกระบี่อมตะระฟ้าขึ้น สว่างเรืองรองไร้สิ้นสุด

กระบี่นี้ยังไม่ทันฟันออกมา พวกระดับจักรพรรดิที่อยู่ไกลๆ เหล่านั้นก็ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว กายจิตเสมือนถูกกระบี่เทพคมกริบกรีดเฉือน รู้สึกถึงความน่าสะพรึงยิ่งยวด

พวกเขาถอยหลังอย่างไม่ลังเลสักนิด คล้ายสุนัขจรจัดกลุ่มหนึ่งที่ถูกข่มขวัญมากเกินไป ถอยหนีไปหยุดเหนือกำแพงเมืองหมื่นมรรค

ตูม!

ปราณกระบี่ที่เพียงพอจะกรีดทึ้งเวิ้งฟ้าฟันลงไป ดุจดั่งสามารถข้ามกาลเวลา สรรพชีวิตล้วนเสมือนไหลย้อนกลับภายใต้กระบี่นี้ น่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด!

ฟ้าดาราแถบนี้คล้ายเจียนจะแตกสลาย ผีโหยไห้เทพคร่ำครวญ สายน้ำแห่งกาลเวลาเดือดพล่าน

“ลองหยั่งเชิงก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน”

ก็เห็นบนสายน้ำแห่งกาลเวลา เงาร่างกำยำของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลสายนั้นเปล่งแสงฉับพลัน เจิดจรัสยิ่งกว่าจันทร์ดาราทั่วฟ้ารวมตัวกันไม่รู้เท่าไร อานุภาพไร้เทียมทานพุ่งทะยานออกมา เพียงพอจะกำราบอดีตถึงปัจจุบัน

ปราณกระบี่สายนั้นถึงกับถูกอานุภาพระดับนั้นกดข่ม นิ่งชะงักกลางอากาศ ขัดขืนอย่างรุนแรงแต่กลับไม่สามารถฟันลงมาได้อีก

ชายร่างซูบผอมในชุดดำนัยน์ตาหดรัด กระตุ้นพลังทั้งหมดโดยไม่ลังเล ปราณกระบี่ที่ประหนึ่งเรืองรองเป็นอมตะนั้นเพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง

และเวลานี้ แขนเสื้อของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลโบกสะบัด

กลางสายน้ำแห่งกาลเวลา เกลียวคลื่นระลอกหนึ่งปรากฏ ควบรวมกันเป็นยันต์อักษรคลุมเครือแปลกพิสดาร มองเห็นได้รางๆ ว่านั่นคืออักษรคำว่า ‘ต่อสู้’

อึดใจนั้น อักษรต่อสู้ขวางกลางห้วงอากาศ ซัดโจมตีปราณกระบี่เรืองรองสายนั้นแหลกกระจุย

ปึง!

บริเวณอกของชายร่างผอมชุดดำนั่นถูกแหวกออกตรงๆ ถูกซัดลอยคว้างออกไป กลิ่นอายอมตะทั่วร่างล้วนพลิกตลบรุนแรง ส่อแววล่มสลายอยู่รำไร

“สมควรตาย! หากกายมรรคของข้าอยู่ที่นี่ มีหรือจะถูกพลังเช่นนี้โจมตีจนบาดเจ็บได้!” ชายซูบผอมชุดดำส่งเสียงออกมา เจือแววเดือดดาล

บนตัวเขาไม่เห็นบาดแผล แต่อาการบาดเจ็บยังคงอยู่

“เจ้าหมอนั่นจวนจะข้ามด่านเคราะห์สำเร็จแล้ว จะชักช้าอีกไม่ได้แล้ว”

ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนั้นเอ่ยปาก นางสวมชุดขาวยิ่งกว่าหิมะ อานุภาพดุดัน เสมือนกระบี่เทพไร้ศัตรูออกจากฝัก บีบคั้นจิตวิญญาณ

ในดวงตานางมีประกายแสงหลากสีปะทุออกมา ดุจสรรพชีวิตทั่วจักรวาลล้วนดั่งเซียนทะยาน ละอองแสงไพศาลท่วมท้นเวิ้งฟ้า

ทวนใหญ่สีทองที่รายล้อมด้วยกลิ่นอายอมตะถูกนางครอบครอง เพิ่มไอสังหารที่ราวกับไร้เทียบเทียมชั้นหนึ่ง

นางตระหนักได้ว่าภายใต้เคราะห์สวรรค์ไกลออกไป พลังของหลินสวินมีเค้าลางว่าจะกำราบหลอมประกาศิตอสนีเคราะห์นั่นได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว!

“ลงมือพร้อมกันเถอะ”

ชายร่างบึกบึนมือถือขวานยักษ์เอ่ยเสียงขรึมดั่งฟ้าคำราม ไอสังหารพุ่งทะยานเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน มีอานุภาพสะท้านโลก

“ควรเป็นเช่นนี้นานแล้ว” ชายชุดดำที่มือถือกระบี่มรรคเอ่ยเสียงเย็นชา

พวกเขาต่างทอดสายตามองผู้นำ ชายที่สง่างามองอาจเหนือธรรมดา กลิ่นอายอมตะคละคลุ้งทั่วร่างคนนั้นก็หันมองไปยังเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเช่นกัน

“ครั้งนี้ไม่เพียงพวกเราสี่คนลงมือ ต่อให้เจ้ายังดื้อดึงอยู่ที่นี่ก็ไร้ซึ่งความหมายโดยสิ้นเชิง”

น้ำเสียงของเขาเฉยเมย “หากหนีไปตอนนี้ยังพอปกป้องกายมรรคเจตจำนงนี้ไว้ได้ หาไม่ ไม่เพียงแต่เจ้า ฟ้าดาราแถบนี้ โลกแห่งนี้ ก็จะถูกทำลายย่อยยับทั้งหมด”

ประโยคเดียวทำเอาระดับจักรพรรดิทั้งหมดที่ซ่อนตัวในกำแพงเมืองหมื่นมรรคต่างหน้าเปลี่ยนสี ใช้การทำลายทั่วหล้าฟ้าดารามาข่มขู่หรือ!?

ความหมายที่แฝงในคำพูดนี้น่าตกใจเกินไปแล้วชัดๆ

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเสมือนไม่แยแส น้ำเสียงแผ่วจางล่องลอย ราบเรียบเหมือนที่ผ่านมา

“ทวนหมื่นมายา ขวานเบิกฟ้า กระบี่สังหารเทพ ทวนศึกดับโลก… เบื้องหลังสมบัติสี่อย่างนี้ แต่ละชิ้นเป็นตัวแทนของเผ่าหนึ่งตระกูลหนึ่ง ยามนี้เมื่อข้ามองออกแล้ว ต้องมีสักวันที่ข้าจะไปเยี่ยมเยือน”

ชายสามหญิงหนึ่งเหล่านั้นต่างหรี่ตาลง นี่คือการข่มขู่!

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือ อีกฝ่ายถึงกับมองทะลุที่มาของพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่รู้สักนิดว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่

“ที่พวกเจ้าพูดนั้นไม่ผิด ไม่มีเวลามาชักช้าอีกต่อไปแล้ว”

ก็เห็นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเดินออกมาจากกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา เงาร่างกำยำราวกับอยู่นอกเก้าชั้นฟ้า อานุภาพทั่วร่างก็บังเกิดการเปลี่ยนแปลงตามมาด้วย ทุกท่วงท่าอิริยาบถเสมือนผงาดกร้าวเหนือกาลเวลานับแต่อดีตตราบเท่าปัจจุบัน อยากถามทั่วหล้า ใครกล้าเป็นศัตรู!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์