Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2198

สรุปบท ตอนที่ 2198 บานประตูปรากฏอีกครั้ง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2198 บานประตูปรากฏอีกครั้ง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2198 บานประตูปรากฏอีกครั้ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2198 บานประตูปรากฏอีกครั้ง

แม้ว่าฟ้าดินจะคืนความสงัด แต่กลางอากาศยังอบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือดและความพินาศ

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสี่พวกนั้นรวมตัวกัน ต่างฝ่ายต่างสบตา ล้วนเห็นความตื่นตระหนกบนสีหน้าของอีกฝ่าย

การต่อสู้ชุลมุนที่เรียกได้ว่านองเลือด ทำไมถึงดึงดูดไอสังหารของพลังระเบียบแดนปรินิพพานมาได้

นี่ดูแปลกประหลาดและผิดปกติเกินไป!

“รออีกหน่อยเถอะ บางทีอาจมีคนรอดกลับมาได้…”

มีคนกล่าวอย่างไม่แน่ใจ

บรรยากาศกดดันหาใดเปรียบทันที

ในใจของสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้กลับม้วนซัดโหมกระหน่ำไม่อาจนิ่งสงบ นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ยังคงมีความรู้สึกตระหนกเหมือนฝันร้าย

เป็นถึงระดับจักรพรรดิ พวกเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา เปี่ยมประสบการณ์นานัปการ เห็นความเป็นตายไม่แน่นอนจนชินตานานแล้ว การเข่นฆ่าและความโกลาหลทั่วไปไม่อาจทำให้พวกเขาใส่ใจได้แต่แรก

แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับเหมือนการโจมตีอย่างรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ซัดความมั่นใจและศักดิ์ศรีที่พวกเขาเคยถือเป็นความภาคภูมิจนละเอียด ล้มล้างความเข้าใจและการรับรู้ของพวกเขา!

ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิคนหนึ่ง กลับครองพลังต่อสู้ที่เย้ยฟ้าและวิปริตเช่นนั้น

ต่อให้ค้นดูในประวัติศาสตร์และตำราเก่าแก่ ก็ไม่เคยมีบันทึกว่าบุคคลใดสามารถเทียบกับหลินสวินได้อย่างสิ้นเชิง

นี่เรียกได้ว่าเป็นคนแรกทั่วหล้า ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต!

ด้วยก่อนหน้านี้ไม่เคยมี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยคาดคิด ว่าด้วยพลังระดับจักรพรรดิของพวกเขาหลายร้อยคน ถึงกับกำราบอีกฝ่ายซึ่งตัวคนเดียวไม่ได้

ระดับจักรพรรดิขั้นสามไม่ไหว ระดับจักรพรรดิขั้นสี่ไม่สามารถ ระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นหกก็ยังทำไม่ได้!

ถึงขั้นล้อมโจมตีก็ไม่สามารถเช่นกัน!

อย่าว่าแต่ระดับจักรพรรดิอย่างพวกเขา ต่อให้เปลี่ยนเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์แห่งยุคคนอื่น เปลี่ยนเป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิมาที่นี่ เกรงว่าคงยากจะเชื่อ

“ก่อนหน้านี้เดิมทีข้าคิดว่าพวกเราคนเยอะกำลังมาก ทั้งล้วนเป็นระดับจักรพรรดิที่หยัดยืนเหนือโลกหล้า ยามลงมือจัดการเจ้าหนุ่มคนหนึ่งพร้อมกันก็ยังละอายอยู่บ้าง รู้สึกขายหน้า ถึงอย่างไรก็มีชีวิตมามากกว่า ทั้งยังใช้วิธีคนมากรังแกคนน้อยไปกับเจ้าหนุ่มคนหนึ่ง นี่… ถ้าแพร่งพรายออกไปคงไม่น่าฟัง…”

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งพลันกล่าวอย่างขมขื่น “แต่ใครจะคิดว่าต่อให้เป็นคนมากรังแกคนน้อย… ก็ไม่ไหว…”

คำพูดพวกนี้ทำให้หลายคนสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ในใจรู้สึกถึงความพ่ายแพ้อย่างบอกไม่ถูก

การต่อสู้ในวันนี้ขอแค่แพร่งพรายออกไป ว่าเฒ่าชราอย่างพวกเขาใช้พวกมากรังแกคนน้อย แต่กลับถูกสังหารจนหนีหัวซุกหัวซุน ย่อมตกเป็นตัวตลกที่น่าขันที่สุดในใต้หล้าแน่!

มีคนหน้าตาอัดอั้น ร้องบ่นใหญ่โต “หากไม่ใช่ว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้มีจักรพรรดิสวรรค์ดำรงเป็นใหญ่ ข้าย่อมไม่ยอมเป็นศัตรูกับหลินสวินแห่งคีรีดวงกมลแน่!”

“เฮ้อ ตอนนี้พูดอะไรไปล้วนเปล่าประโยชน์แล้ว”

มีคนถอนใจยาว

“หึ! ทำไม หลินเต้ายวนคนเดียวก็ทำให้พวกเจ้าขวัญหนีดีฝ่อแล้วรึ”

ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งของสำนักโบราณจรัสเทพแค่นเสียงเย็นชา

ทันใดนั้นก็มีคนโต้แย้ง “หากเจ้าไม่กลัวแล้วทำไมต้องหนีด้วย ในเมื่อหนีแล้วก็พูดจาแดกดันให้น้อยหน่อย ไม่ขายหน้าแย่หรือ”

ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิของสำนักโบราณจรัสเทพโกรธจนสีหน้าถมึงทึง แต่กลับไม่มีคำใดจะพูด ช่วยไม่ได้ ความจริงที่วิ่งหนีมานั้นไม่อาจปฏิเสธ

“แสนปีมานี้ เป็นคนแรกที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิ ตั้งแต่อดีตมาก็เป็นคนแรกที่ชิงพลังยอดอมตะ หากหลินเต้ายวนคนนี้รอดไปได้ ความสำเร็จในภายหน้าเกรงว่าคงกดทับผู้สืบทอดคีรีดวงกมลทั้งหมด กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งคีรีดวงกมล…”

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงต่ำลึก “จักรพรรดิยุทธ์คนเดียวสามารถบุกทะลวงสวรรค์ ฆ่าจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนได้ หากมีหลินเต้ายวนที่แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิยุทธ์เพิ่มมาอีก… บนทางเดินโบราณฟ้าดาราในภายหน้า จะมีเจ้าหมอนี่เป็นใหญ่หรือไม่”

คำพูดนี้ทำให้คนอื่นอัดอั้นและหนักใจขึ้นมา

การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาแต่ละคนรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินนานแล้ว ไม่มีใครคลางแคลงว่าความสำเร็จของหลินสวินในภายหน้าจะสู้จักรพรรดิยุทธ์ไม่ได้

สิ่งที่พวกเขารู้สึกกดดันและหนักใจอย่างแท้จริงคือ ภายหน้ายามหลินสวินอยู่บนมหามรรค จะประสบความสำเร็จที่น่าสะพรึงสะท้านโลกระดับใด!

และเมื่อถึงตอนนั้น ทั่วฟ้าดารานี้เกรงว่าคงต้องอยู่ใต้เงามืดของเขาคนเดียว!

“วางใจเถอะ ต่อให้ครั้งนี้เขารอดไปได้ จักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็ต้องเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาไปแน่! หรือทุกท่านคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจะจัดการเจ้าหนุ่มที่เพิ่งก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิคนหนึ่งไม่ได้”

ภิกษุวัยกลางคนจีวรดำคนหนึ่งของแดนกษิติครรภ์กล่าวเสียงเรียบ

ในใจสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยผ่อนคลายลงบ้าง คิดดูแล้วก็ใช่ หลินเต้ายวนนั่นเป็นถึงเป้าหมายที่ถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงออกคำสั่งประกาศจับ หากจักรพรรดิสวรรค์ดำรงรู้ว่าเจ้าหมอนี่ชิงรากฐานพลังยอดอมตะไปแล้ว มีหรือจะไม่แยแส

และมีคนเยาะหยันกล่าวทัดทาน “น่าขัน ในการประชันหมากครั้งใหญ่ครั้งก่อน ทั้งใต้หล้าไม่มีใครคิดว่าผีเร่ร่อนแห่งคีรีดวงกมลจะรอดไปได้ แต่ผลลัพธ์ล่ะ แม้แต่จอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนก็ถูกสังหารไปแล้ว!”

“ยังมีครั้งนี้อีก พวกเราระดับจักรพรรดิร่วมมือกันมากเช่นนั้น ช่วงแรกที่ต่อสู้ใครคิดว่าจะฆ่าหลินเต้ายวนคนเดียวนั่นไม่ได้บ้าง”

“ผลลัพธ์เล่า ที่ตายก็ตาย ที่หนีก็หนี!”

“ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครยังกล้าเชื่ออีกว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจะจัดการหลินเต้ายวนนั่นได้จริงๆ ไม่ห่วงว่าจะถูกตบหน้า ถูกแพ่นกบาลจนหัวแตกเลือดอาบอีกหรือ”

คำพูดนี้เหมือนระบายความเดือดดาลในใจ เสียงกึกก้องสะท้านปฐพี

สีหน้าของทุกคนล้วนปรวนแปรไม่หยุด

พวกเขามาจากขุมอำนาจต่างๆ ทั่วฟ้าดารา แบ่งออกเป็นกลุ่มของใครของมัน ระหว่างขุมอำนาจบางส่วนล้วนมีความสัมพันธ์เป็นศัตรู

ในเวลาเช่นนี้ไม่มีการฉีกหน้าอาละวาดกันโดยตรงก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแล้ว เกิดความขัดแย้งกันย่อมเป็นเรื่องปกติ

“ทำไมถึงตอนนี้แล้วยังไม่มีใครกลับมาอีก”

นางพูดพลางหยิบแตงวิญญาณลูกใหญ่ที่เขียวมรกตดุจหยกออกมา นิ้วมือราวกับดาบ หั่นแตงเป็นเสี้ยวสวยงามมากมายในพริบตา เริ่มลิ้มรสอีกครั้ง

รสชาติของแตงนี้หวานฉ่ำสดชื่น เนื้อแตงชอุ่มอิ่มน้ำ รสสัมผัสยอดเยี่ยมเป็นเลิศ ทำให้ซย่าจื้อติดใจเป็นพิเศษ

‘แม่นางคนนี้กินแตงได้ตลอดเวลาจริงๆ…’

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงค่อนแคะในใจคราหนึ่ง ปากกลับยิ้มแย้มกล่าว “ให้ข้าชิมด้วยสิ แตงนี้รสชาติพิเศษจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นเลิศในใต้หล้า ไม่มีที่ติ!”

ขณะเดียวกันทุกคนในโลกวัฏจักรนั้น ขอเพียงเป็นผู้ฝึกปราณที่ตื่นรู้แล้ว ย่อมถูกพลังระเบียบประหลาดม้วนพัดออกจากโลกที่อาศัยอยู่

พวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย เสวียนจิ่วอิ้น หลิงเคอจื่อต่างทยอยถูกพาออกมาเช่นนี้

ส่วนผู้ฝึกปราณที่ถึงตอนนี้แล้วจิตรับรู้ยังไม่ตื่นขึ้น กลับถูกเลือกให้สูญเสียความทรงจำอยู่ในโลกวัฏจักรนั้น

ส่วนภายหน้าจะหลงทางอยู่ในนั้นชั่วกาลหรือมีโอกาสก้าวออกจากวัฏจักร ก็ต้องดูที่โชคของแต่ละคนแล้ว

“สิ้นสุดแค่นี้หรือ นี่เพิ่งผ่านไปเจ็ดปีเอง”

พวกเสวียนจิ่วอิ้นกลับมาแดนปรินิพพาน ยังเป็นสถานที่เดิมเหมือนยามมาถึง ห่างออกไปมีตำหนักเก่าแก่ตั้งตระหง่าน

เมื่อผู้ฝึกปราณที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิอย่างพวกเขากลับมา ก็ได้ข่าวว่าหนทางสู่นิพพานสิ้นสุดแล้ว เพียงชั่วขณะก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ รับมือไม่ทัน

เสวียนจิ่วอิ้นกวาดสายตามองไปโดยรอบ เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ต้องเกิดเหตุไม่คาดฝันบางอย่างแน่! หลินสวินล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว”

“คุณชายคงออกจากโลกวัฏจักรไปนานแล้ว ไม่เหมือนพวกเรา ใช้เวลาตั้งเจ็ดปีก็ไม่อาจก้าวออกจากวัฏจักร สุดท้ายกลับถูกบังคับพาออกมา…”

นัยน์ตากระจ่างของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเผยแววซับซ้อน บนใบหน้างามเต็มไปด้วยความผิดหวัง คำว่าคลาดกันล้วนเป็นเช่นนี้

“วัฏจักรครั้งนี้อัศจรรย์มาก ภายในนั้นข้าได้ฝึกมรรคาก่อนหน้านี้ใหม่อีกครั้ง พบจุดบกพร่อง ปรับปรุงตัวเอง ทำให้ข้าได้รับประโยชน์อย่างมาก เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานก็จะรับจุดเปลี่ยนใหญ่ในการแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิได้”

หลิงเคอจื่อแสดงสีหน้าพอใจ ไม่รู้สึกเสียดายอะไร เขาเป็นผู้บำเพ็ญธรรม มุ่งเน้นเรื่อง ‘การปล่อยไปตามวาสนา’

พูดถึงเรื่องพวกนี้ เสวียนจิ่วอิ้นกับจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็พยักหน้าพร้อมกัน การเคี่ยวกรำในวัฏจักรครั้งนี้ สำหรับพวกเขาก็เหมือนนิพพานครั้งแล้วครั้งเล่า ได้รับประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง

ในโลกภายนอก นี่ต้องเป็นศุภโชคชั้นยอดที่ไม่อาจร้องขอแน่!

ไม่ใช่แค่พวกเขา ครั้งนี้ผู้ฝึกปราณมากมายที่เข้าไปในวัฏจักรเหมือนพวกเขาต่างก็ได้รับประโยชน์

นี่ก็คือแดนปรินิพพาน ยอดหนทางสู่อมตะมีแค่หนึ่งเส้นทาง แต่ขอแค่ทุกคนเข้าไปเคี่ยวกรำก็สามารถได้รับโอกาส ‘นิพพาน’ บนมรรคา!

สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาเสียดายคือ เพิ่งผ่านไปเจ็ดปีก็สิ้นสุดแล้ว ออกจะน่าเสียดายเกินไปหน่อย…

…………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์