ตอน ตอนที่ 2210 แม่น้ำดั่งชีวิต ท่าชำนาญเร้น จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2210 แม่น้ำดั่งชีวิต ท่าชำนาญเร้น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 2210 แม่น้ำดั่งชีวิต ท่าชำนาญเร้น
ไม่นาน ยานทั้งลำล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเนื้อย่างที่ยั่วยวนอย่างที่สุด
“ยังไม่เสร็จอีกหรือ”
ต้าหวงร้อนรนจนทนไม่ไหวแล้ว ส่ายหางไม่หยุด
ส่วนซย่าจื้อเตรียมถ้วยชามตะเกียบ รวมถึงเครื่องจิ้มและสุราชั้นดีจำนวนหนึ่งพร้อมแล้ว
ไม่นานหลินสวินก็ขยับมือ โรยผงพริกไทยวิญญาณเพลิงสวรรค์ที่ถูกมองเป็นหนึ่งใน ‘สามเจตวัตถุล้ำค่า’ บนเนื้อนกยูง ทาน้ำผึ้งจักรพรรดิชั้นเลิศ…
ทันใดนั้นกลิ่นหอมยั่วยวนนั่นยิ่งมหัศจรรย์…
ควรรู้ว่านี่เป็นนกยูงระดับจักรพรรดิขั้นสาม เนื้อผ่องแวววาวบริสุทธิ์ ภายในสั่งสมแก่นไอวิญญาณที่พลุ่งพล่านหาที่เปรียบไม่ได้
ตอนนี้ถูกหลินสวินย่างด้วยเครื่องปรุงหายากต่างๆ แค่กลิ่นหอมที่โชยออกมาก็ทำให้คนตะกละทั่วหล้าคลั่งไคล้ได้
“กินได้แล้ว”
หลินสวินเพิ่งพูด ต้าหวงก็พุ่งเข้าไปทันที ไม่สนใจความร้อนก็อ้าปากฉีกปีกชิ้นหนึ่งออกมาเคี้ยวไม่หยุด กินจนปากมันเยิ้ม
ในเนื้อที่เคี้ยวพรั่งพรูประกายศักดิ์สิทธิ์ แวววาวเป็นประกาย กินไปคำหนึ่ง ต่อมรับรสตรงปลายลิ้นราวกับระเบิดออกอย่างไรอย่างนั้น ทำเอาต้าหวงดื่มด่ำจนสั่นไปทั้งตัว ในดวงตาสุนัขเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม
อีกฝั่งซย่าจื้อเองก็ลงมือเช่นกัน มือที่ขาวผ่องทั้งคู่ประคองน่องชิ้นใหญ่ กินจนพวงแก้มขาวใสนูนขึ้นมา
ตอนที่หลินสวินลงมือเตรียมกิน นกยูงห้าสีย่างตัวใหญ่มหึมาก็เหลือเพียงครึ่งตัวแล้ว…
“หอม หอมมาก หอมสุดๆ ไปเลย!” ต้าหวงมีความสุขมาก ชมไม่ขาดปาก “ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดตอนนั้นนายท่านจึงอดไม่อยู่กินน้ำแกงเนื้อนกยูงไปสองถ้วย นี่มันสุดยอดที่สุดในโลกอย่างแน่นอน!”
ไม่เพียงแค่คำพูด การกระทำของมันก็ไม่ชักช้า เนื้อย่างแต่ละชิ้นถูกมันยัดเข้าปาก แม้แต่กระดูกก็ไม่เว้น เคี้ยวจนละเอียดแล้วดูดไขกระดูก
ซย่าจื้อไม่ได้ปริปาก แต่ใช้การกระทำแสดงการยอมรับที่นางมีต่อเนื้อย่างนี้ ในจานที่อยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยกระดูกที่กองขึ้นสูงนานแล้ว
หลินสวินเองก็กำลังลิ้มรส ดื่มเหล้าพลางกินเนื้อ แม้แต่จิตวิญญาณยังพึงพอใจ แผ่วพลิ้วจนเหมือนจะลอยขึ้นสวรรค์
เนื้อนกยูงระดับจักรพรรดิขั้นสามนี้เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบสมบัติชั้นหนึ่งในโลกแล้ว ภายในสั่งสมแก่นพลังระดับจักรพรรดิที่พลุ่งพล่านราวกับมหาสมุทร ผู้ฝึกปราณทั่วไปกินเพียงคำเดียวเกรงว่าคงระเบิดทันที เพราะไม่สามารถรับการพุ่งโจมตีของพลังระดับนี้ได้
และมีเพียงระดับจักรพรรดิอย่างพวกหลินสวิน ซย่าจื้อ ต้าหวงเท่านั้น ถึงกล้าดื่มด่ำความอร่อยอย่างเบิกบานเช่นนี้
เพียงแค่หนึ่งเค่อ เนื้อนกยูงทั้งตัวก็ถูกกินหมดแล้ว
ต้าหวงยังอยากกินอีก จุ๊ปากเหมือนยังไม่หายยาก “เจ้าหนู ย่างอีกตัวดีไหม หลายปีมานี้ข้าไม่เคยกินอย่างอร่อยและสะใจขนาดนี้เลย”
หลินสวินกำลังหลอมพลังในเนื้อย่าง ได้ยินเช่นนี้ก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “จะกินก็ไปย่างเอง”
ล้อเล่นอะไร
เนื้อย่างระดับนี้ไม่ใช่ของง่ายนะ จะต้องควบคุมไฟของเพลิงมรรคอัศจรรย์ตลอดเวลา ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาคุณภาพเนื้อที่มีแก่นพลังระดับจักรพรรดิขั้นสามนั่นให้สมบูรณ์อย่างสุดความสามารถ ไม่ให้แก่นพลังนี้สูญเสียไป และยังต้อง…
สรุปแล้วคือไม่ต่างอะไรกับการหลอมยา สิ้นเปลืองพลังกายอย่างมาก
ซย่าจื้อกินอย่างพึงพอใจมาก นอนลงบนเบาะที่ปูด้วยขนนกยูงห้าสีตรงๆ
ต้าหวงถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง กรงเล็บสุนัขถือกระดูกชิ้นบางแคะฟัน ไขว้ขาสุนัขอย่างเกียจคร้าน เอ่ยอย่างใฝ่ฝัน “ครั้งนี้เราจะไปแดนเจินหลงไม่ใช่หรือ เจ้าว่า… เนื้อของเจินหลงรสชาติเป็นอย่างไร”
หลินสวินแข็งทื่อไปทั้งตัว เจ้าสุนัขนี่บ้าคลั่งถึงขั้นอยากกินเนื้อเจินหลงแล้ว!
“น้ำดีหงส์ตับมังกร นี่เป็นของดีที่ถูกมองว่าเป็น ‘รสชาติชั้นยอดของโลก’ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันยักษ์ใหญ่เทียมฟ้าไม่รู้เท่าไหร่อยากลองสักคำยังไม่ได้ ในเมื่อครั้งนี้พวกเรามีโอกาสไปที่แดนเจินหลงจะพลาดได้อย่างไร”
ดวงตาสุนัขทั้งคู่ของมันมองไปยังหลินสวินอย่างเร่าร้อน เต็มไปด้วยความปรารถนา
“เป็นไปไม่ได้!”
หลินสวินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ตอนนี้จิ่งเซวียนยังอยู่แดนเจินหลง อีกทั้งในร่างยังมีสายเลือดเจินหลงไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง จะไป… กินเนื้อญาติมิตรของนางได้อย่างไร
บ้าคลั่งเกินไปแล้ว!
ต้าหวงถอนหายใจอย่างเสียดายแล้วเอ่ยว่า “เช่นั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ครั้งนี้พวกเราจับนกยูงมาเยอะมากไม่ใช่หรือ ต่อไปข้าจะกินนกยูงตุ๋น นกยูงทอด นกยูงนึ่ง นกยูงผัด…”
ว่าแล้วมันก็น้ำลายไหลอีกครั้ง
หลินสวินกลอกใส่ตรงๆ
……
ในช่วงเวลาหลังจากนั้น ยานขนส่งอวกาศข้ามผ่านฟ้าดาราว่างเปล่า ทะลวงผ่านฟ้าดาราแห่งแล้วแห่งเล่า ข้ามโลกใหญ่มากมาย…
ระหว่างทางถือว่าคลื่นลมเงียบสงบ ไม่เจออุปสรรคอะไรอีก พวกหลินสวินใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบและมั่นคงมาก
ไม่ว่าจะเป็นต้าหวงหรือซย่าจื้อ ล้วนรู้สึกว่าช่วงนี้มีความสุขมาก
หลินสวินเปลี่ยนวิธีปรุงเนื้อนกยูงที่จับมาเหล่านั้นทุกวัน ผัดบ้าง ตุ๋นบ้าง นึ่งบ้าง อบสดบ้าง… ผสมผักวิญญาณและเครื่องปรุงต่างๆ ปรุงออกมาเป็นรสชาติที่แตกต่างกัน เรียกได้ว่าเป็นรสชาติชั้นหนึ่งอย่างไม่มีข้อยกเว้น
จนกระทั่งตอนหลังหลินสวินเก็บเนื้อนกยูงชั้นยอดไว้จำนวนหนึ่ง อย่างนกยูงห้าสีระดับจักรพรรดิขั้นแปดก็ถูกเขาเก็บไว้ วางแผนว่าตอนเจอจิ่งเซวียนจะให้นางกินอย่างเอร็ดอร่อยสักมื้อ
เนื้อนกยูงอื่นๆ ถูกหลินสวินนำมาทำเป็นเนื้อตากแห้งที่สามารถกินได้ตลอดเวลา
สิ่งเดียวที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือ กินเนื้อนกยูงห้าสีมาหลายวันขนาดนี้ ศักยภาพของเขาถึงกับพัฒนาขึ้นช่วงใหญ่!
เพียงแต่ไม่นานเขาก็สื่อจิตว่า ‘พี่หลิน ก่อนจะเข้าตระกูลเสวียนของข้า มีเรื่องหนึ่งข้าต้องเตือนเจ้าสักหน่อย’
‘เจ้าก็รู้ว่าบนโลกนี้ ไม่ว่าจะขุมอำนาจใดก็ไม่เคยขาดศึกภายใน ตระกูลเสวียนของข้าก็ไม่เว้น’
‘ทีแรกพ่อข้าวางแผนเชิญเจ้ามาเป็นแขก แต่เจ้าเฒ่าที่ดื้อรั้นหัวโบราณหลายคนกลับปฏิเสธและคัดค้านอย่างมาก…’
หลินสวินอดขมวดคิ้วไม่ได้
จากที่เสวียนจิ่วอิ้นพูด ที่เฒ่าชราหลายคนในตระกูลเสวียนคัดค้านการมาเป็นแขกของเขา เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรง
ทุกคนบนโลกต่างรู้ว่าเขาคือคนที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงออกหมายจับ เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นถือเรื่องนี้อย่างมาก กังวลว่าหากข้องเกี่ยวกับหลินสวินแล้วจะทำให้ตระกูลเสวียนเดือดร้อนไปด้วย ถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงมองเป็นศัตรู
แต่กับเรื่องนี้เจ้าตระกูลเสวียนดูถูกอย่างมาก คิดว่าด้วยรากฐานพลังของตระกูงเสวียน ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวจักรพรรดิสวรรค์ดำรง ถึงขั้นประกาศกร้าวว่าตระกูลเสวียนที่ยิ่งยง กลับไม่กล้าให้คนหนุ่มคนหนึ่งมาเป็นแขก ช่างทำให้บรรพชนอับอายจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น ครั้งนี้ข้ามาไม่ถูกจังหวะนักใช่หรือไม่” หลินสวินเก็บงำความคิด ถามอย่างนิ่งสงบ
เสวียนจิ่วอิ้นแสยะยิ้ม พูดอย่างเย่อหยิ่งเต็มประดา “วางใจเถอะ พ่อข้าบอกแล้วว่า ใครกล้าขวางเจ้า จะตีขาสุนัขของเขาให้หัก!”
ขาสุนัขหรือ
ต้าหวงส่งสายตาอึมครึมไป “เจ้าหนุ่ม ระวังภัยจากปาก!”
เสวียนจิ่วอิ้นเป็นคนไม่กลัวฟ้าดิน แต่เมื่อถูกสายตาของต้าหวงจับจ้อง ในใจกลับขนลกซู่ ยิ้มแห้งไม่หยุด
เสวียนจิ่วอิ้นเตือนอีกประโยค “พี่หลิน หลังจากเข้าสู่ตระกูลเสวียน หากเจออุปสรรคอะไรจริงๆ เจ้าสามารถสำแดงพลังได้ ขอเพียงแค่ไม่ถึงตาย เจ้าทำตามที่ต้องการได้เลย”
หลินสวินขมวดคิ้วพูด “เจ้าไม่ใช่บอกว่าไม่มีคนกล้าขวางหรือ”
เสวียนจิ่วอิ้นพูดอย่างจริงจัง “ไม่มีใครกล้าห้ามเจ้าเข้าสู่ตระกูลเสวียน แต่หลังจากเข้าตระกูลเสวียนสถานการณ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว แม้พ่อข้าจะเป็นผู้นำตระกูล แต่ก็ไม่ถึงกับมือเดียวปิดฟ้า”
หยุดไปครู่หนึ่งเขาพูดต่อว่า “แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พ่อข้าบอกแล้วว่า ขอเพียงเจ้าสำแดงพลังที่สามารถทำให้คนแก่เหล่านั้นยอมรับได้ พวกเขาก็ไม่กล้าฉีกหน้าสร้างความลำบากใจให้เจ้าอีก”
หลินสวินเงียบไป
เห็นเช่นนี้เสวียนจิ่วอิ้นอดร้อนรนอยู่บ้างไม่ได้ “พี่หลิน? ข้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การจงใจสร้างความลำบากให้เจ้าอย่างแน่นอน คนแก่พวกนั้นดื้อรั้นเกินไปจริงๆ เจ้า…”
หลินสวินยิ้มพูด “เอาเถอะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ารีบนำทางเถอะ”
หากเพียงแค่เป็นแขก หลังจากหลินสวินได้ยินข้อเสนอนี้จะไม่รับปากเด็ดขาด เป็นแขกยังต้องเป็นที่ยอมรับด้วยหรือ นี่มันเหตุผลอะไรกัน
แต่ตอนนี้กลับแตกต่าง เขาอยากไปแดนเจินหลงก็ต้องใช้พลังของตระกูลเสวียน และทำได้เพียงฟังการจัดการของเสวียนจิ่วอิ้น
…………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์