Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2229

ตอนที่ 2229 วารีแรกปฐม

“ผู้อาวุโส ข้าคนแซ่อันขอบังอาจถามสักประโยคได้หรือไม่ ท่าน… บรรลุจักรพรรดิแล้วใช่หรือไม่”

อันเจิงเดินเข้าไปในโถงใหญ่ ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ยังอดเอ่ยถามปัญหาที่ซ่อนลึกอยู่ในใจมาหลายวันออกมาไม่ได้

หลินสวินพยักหน้า

อันเจิงเสมือนปลดพันธนาการก็ไม่ปาน เผยสีหน้าผ่อนคลายออกมา กล่าวว่า “เช่นน้าข้าค่อยอธิบายกับชาวเผ่าได้ง่ายหน่อย”

“อธิบายอะไร” หลินสวินอึ้งไป

อันเจิงกล่าวอย่างนบนอบ “ในแดนเจินหลงมีกฎที่ไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรข้อหนึ่ง ระดับจักรพรรดิไม่อาจหมิ่นเกียรติ หมิ่นเกียรติต้องตาย หากชาวเผ่ารู้ว่าครั้งนี้ข้าพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของท่าน ก็คงไม่ตีโพยตีพายเพราะเรื่องนี้อีก”

ส่วนผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดที่ตายไปพวกนั้น อันเจิงคร้านจะเอ่ยถึง ล่วงเกินระดับจักรพรรดิคนหนึ่งหรือ

ตายไปก็สมควร!

จะว่าไปอันเจิงถึงขั้นหัวเสียกับผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดพวกนั้นอยู่บ้าง หากไม่ใช่เพราะพวกเขายั่วโทสะระดับจักรพรรดิเช่นนี้เข้า เผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของพวกเขามีหรือจะถูกลากมาเกี่ยวข้องด้วย

แน่นอน นี่ไม่ได้บอกว่าเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นเกรงกลัวระดับจักรพรรดิ หากแต่อันเจิงรู้ชัดยิ่งว่าระดับจักรพรรดิเป็นพวกที่แข็งแกร่งขนาดไหน

ต่อให้ครั้งนี้ตนกลับขอความช่วยเหลือ ด้วยฐานะในเผ่าของตน เกรงว่าไม่เพียงเชิญคนมาช่วยไม่ได้ ตรงข้ามกลับยังเป็นเพราะตนล่วงเกินมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง จนทำให้ตนถูกตำหนิและลงโทษอีกต่างหาก!

“ได้ยินมานานแล้วว่าเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นแบ่งถูกผิดชัดเจน ว่ากันตามกฎ ท่าทีของเจ้าก็ไม่ได้ทำให้ข้าคนแซ่หลินผิดหวังจริงๆ” หลินสวินกล่าว

อันเจิงกล่าวว่า “กฎระเบียบอย่างไรก็สัมพันธ์กัน หากเปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิเหมือนอย่างท่าน ก็สามารถอยู่เหนือกฎระเบียบได้แล้ว”

นิ่งไปพักหนึ่งเขาค่อยกล่าวว่า “แต่เป็นเพราะเผ่าปี้อั้นของข้ากระทำตามกฎระเบียบ ถึงสามารถทำให้เกาะเทพรุ้งมรกตกลายเป็นสถานที่แห่งการค้าหมื่นเผ่าได้ อย่างไรเสียก็เป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ต้องว่ากันตามความยุติธรรมและเหตุมากที่สุด หาไม่ทุกอย่างก็รวนกันหมด”

หลินสวินกล่าว “รอได้พบอันเสวี่ยแล้ว ระหว่างเจ้ากับข้าก็ถือว่าค้าขายเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายแล้ว”

อันเจิงประสานมือคารวะ “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่ง”

มหาจักรพรรดิคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า ต่อให้อันเจิงจะเย่อหยิ่งและลำพองตนแค่ไหนก็โงหัวไม่ขึ้นเลยสักนิด

ขณะเดียวกันเขาก็ลอบดีใจกับตัวเองที่หลายวันนี้ไม่ได้หาเรื่องอีกฝ่าย หาไม่… เช่นนั้นผลที่ตามมาย่อมรุนแรงยิ่ง

เจ็ดวันต่อมา

เรือสมบัติมาถึงเกาะเทพรุ้งมรกตอย่างราบรื่น

บอกว่าเป็นเกาะแห่งหนึ่ง แต่ความเป็นจริงก็เหมือนแผ่นดินที่ทอดยาวหลายหมื่นลี้ บนนั้นปกคลุมด้วยต้นไม้เก่าแก่สีเขียวมรกตนานาชนิด มีแสงมงคลสายแล้วสายเล่ากลายเป็นรุ้งเทพโอบล้อมห้วงอากาศเหนือเกาะ ดูวิจิตรงดงาม

เบื้องหน้าเกาะมีเรือสมบัติมากมายเข้าๆ ออกๆ เงาร่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าสวนกันบนเกาะ เห็นได้ชัดว่าครึกครื้นหาใดเปรียบ

หลังจากเรือสมบัติของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นมาถึง อันเจิงก็เป็นฝ่ายหยัดกายลุกขึ้นก่อน พาหลินสวินเดินไปบนเกาะด้วยกัน

เดินไปพลางแนะนำสถานการณ์คร่าวๆ ของเกาะเทพรุ้งมรกตให้หลินสวินฟังไปพลาง

บนเกาะเทพรุ้งมรกต ทุกวันจะมีสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าที่มาจากเหนือใต้ออกตกมุ่งหน้ามา บ้างก็มาเพื่อซื้อสมบัติ บ้างก็เพื่อขายสมบัติ

และเกาะเทพรุ้งมรกตก็ดุจดั่งตลาดรวมที่ใหญ่มหึมาหาใดเปรียบแห่งหนึ่ง รวมของเฉพาะถิ่นจากหมื่นเผ่าใต้หล้า ไม่ว่าจะเป็นของจำพวกเจตวัตถุ ลูกกลอนโอสถ วัตถุดิบวิญญาณ ของล้ำค่า สมบัติประหลาด หรือตำรายุทธ์ฝึกปราณ ตำราลับมรดกมากมายหลายอย่าง เรียกได้ว่าที่ควรมีล้วนมีหมด

กล่าวได้ว่าไม่ว่าผู้ซื้อคนใดก็ตามมุ่งหน้ามาบนเกาะเทพรุ้งมรกต ส่วนใหญ่ล้วนหอบของกลับไปกันเต็มไม้เต็มมือ ไม่ว่าผู้ขายคนใดก็ตามที่มุ่งหน้ามา ก็จะได้รับผลกำไรเป็นกอบเป็นกำเช่นเดียวกัน

ที่นี่เป็นแหล่งรวมสินค้าวิเศษจากสิบทิศ ของล้ำค่าศักดิ์สิทธิ์ทั่วหล้า!

ขอเพียงมีเหรียญเจินหลงมากพอ ไม่มีอะไรที่ซื้อไม่ได้ ถ้าหากมี นั่นหมายความว่าเหรียญเจินหลงในมือยังไม่มากพอ…

ตลอดทางหลินสวินก็เห็นว่าท้องถนนบนเกาะนี้ดุจตาข่าย บ้านเรือนดั่งป่าไม้ ทุกแห่งหนล้วนมีแต่แผงขายของต่างๆ นานา บนแผงขายของเต็มไปด้วยสมบัติหลากชนิดที่แปลกประหลาดหายาก เสียงร้องเรียก เสียงเร่ขายดังขึ้นเจี๊ยวจ๊าว สิ่งมีชีวิตจากสี่ทิศแปดทางเดินสวนกันอยู่ในนั้น ภาพระดับนั้นล้วนสามารถใช้คำว่าเดินเบียดไหล่ หลั่งไหลปานสายฝนมาบรรยายได้แล้ว

“ใต้หล้าวุ่นวาย ล้วนเพื่อผลประโยชน์ ใต้หล้าอลหม่าน ล้วนเพื่อผลกำไร สถานที่นี้ครึกครื้นจอแจเช่นนี้ สิ่งที่หายากคือยังคงเป็นระเบียบสงบสุข ไม่เลวเลยจริงๆ”

หลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้

อันเจิงพลันหัวเราะขึ้นมา กล่าวอย่างภูมิใจ “ผู้อาวุโส นี่ก็คือหนทางการวางตนของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของข้า บรรพชนต้นเผ่าข้าทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้ เผ่าปี้อั้นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ กล่าวได้ว่า กฎเกณฑ์สองคำนี้ ก็คือมาตรฐานที่เผ่าของข้ายึดถือ”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “แต่เหตุใดกฎเกณฑ์เช่นนี้กลับไม่เหมาะเอามาใช้กับเผ่ามนุษย์”

อันเจิงอึ้งงัน ค่อนข้างจับท่าทีของหลินสวินไม่ได้อยู่บ้าง ไตร่ตรองครู่หนึ่งถึงกล่าวว่า “เหตุที่เผ่ามนุษย์ต้อยต่ำ ก็เพราะอ่อนแอเกินไป ผู้อ่อนแอ… ย่อมได้แต่ทำตามกฎ”

หลินสวินไม่ได้ถือสาเขา กล่าวเพียงว่า “จากที่ข้าดู ช้าเร็วต้องมีสักวันที่ทั้งหมดนี้จะเกิดการพลิกผัน”

อันเจิงร้องอืมคราหนึ่ง เห็นชัดว่าในใจเขาไม่เห็นด้วยสักนิด

หลินสวินเองก็คร้านจะเอ่ยต่ออีก

นึกอยากเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ว่าพูดสองสามประโยคแล้วจะแก้ไขได้อย่างแน่นอน

สุดฝั่งตะวันตกของเกาะเป็นเขาเขียวมรกตที่ทอดยาวสูงต่ำ ไอแรกกำเนิดคละคลุ้ง แสงมงคลพวยพุ่ง เป็นแดนมงคลที่หาได้ยากแห่งหนึ่ง

ภูเขานี้มีชื่อว่าประกายรุ้ง

บนเขาประกายรุ้งสร้างเรือนมรรคและถ้ำสถิตมากมาย ที่นี่เป็นอาณาเขตซึ่งอยู่ในการครอบครองของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น

“ที่พักของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของข้า ตั้งอยู่ใน ‘แดนลับเปลือกวิญญาณ’ ที่ห่างจากเกาะเทพรุ้งมรกตออกไปเก้าล้านลี้ และบนเกาะเทพรุ้งมรกตแห่งนี้ก็มีผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิสี่คนของเผ่าข้า รวมถึงเจ้าเกาะเวียนตำแหน่งคนหนึ่งเป็นผู้ดูแลมานานปี”

มาถึงตรงหน้าเขาประกายรุ้งแห่งนั้น อันเจิงก็กล่าวว่า “เจ้าเกาะเวียนตำแหน่งแต่ละสมัยล้วนต้องเฝ้าอยู่ที่นี่หนึ่งร้อยปี หนึ่งคือเคี่ยวกรำฝึกปราณบนโลก สองคือรับหน้าที่เจ้าเกาะ จะได้รับทรัพยากรฝึกปราณล้นหลาม เจ้าเกาะสมัยนี้ก็คืออันเสวี่ย”

ระหว่างที่กล่าวเขามาถึงหน้าประตูภูเขา ล้วงป้ายประจำตัวออกมาและพาหลินสวินเข้าไปในเขาประกายรุ้งอย่างราบรื่น สุดท้ายก็มาถึงเรือนพักเก่าแก่แห่งหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์