Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2296

สรุปบท ตอนที่ 2296 คนใหญ่คนโตที่มาจากอีกฟากฝั่ง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2296 คนใหญ่คนโตที่มาจากอีกฟากฝั่ง – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2296 คนใหญ่คนโตที่มาจากอีกฟากฝั่ง ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2296 คนใหญ่คนโตที่มาจากอีกฟากฝั่ง

ภูผาธาราแหลกกระจุย เมืองพังถล่ม พื้นที่หมื่นลี้มีแต่ความพังพินาศ

ในอากาศยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและควันไฟเตะจมูก ความรุ่งเรืองในอดีตกลายเป็นมอดไหม้ไปทั้งแถบ

ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิช่างเทพกำลังเก็บกวาดสภาพพังพินาศ สีหน้าเจือความเศร้าสร้อยอ้างว้าง

ศึกนี้กองทัพใหญ่เผ่าเสือขาวและเต่าดำรวมตัวกัน เหยียบย่ำเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง เท่ากับทำลายถิ่นพำนักตั้งแต่อดีตกาลของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ

คนเผ่าหงส์เซียนก็โกรธแค้นและหดหู่เช่นกัน

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ แดนหงส์เซียนมีเผ่าของพวกเขาเป็นผู้นำ ไม่เคยเกิดมหาภัยคับฟ้าอย่างวันนี้มาก่อน

สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองอาจจะเป็นศัตรูไม่ได้สมใจปรารถนา และเผ่าของพวกเขายังมีความหวังที่จะดำรงต่อไป

ด้วยมีฐานะเป็นหัวหน้าเผ่าหงส์เซียน แม้จะได้รับบาดเจ็บหนัก หวงชางเทียนก็ไม่ได้เผยความรู้สึกท้อใจ เขาสีหน้าหนักแน่น จัดการเรื่องหลังศึกอย่างใจเย็น

พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งเหล่านั้นก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน ไม่อาจมัวมาทอดถอนใจอะไร ต่างรีบรักษาอาการบาดเจ็บ

พวกซี ต้าหวงและซย่าจื้อก็กำลังพักรักษาตัวฟื้นฟูพลังกาย

พวกเขาต่างรู้ดีว่าแม้ศัตรูจะถูกพิชิต แต่นี่ก็เป็นเรื่องชั่วคราวอยู่ดี พ่ายแพ้หนักหน่วงเช่นนี้ เผ่าทั้งสองอย่างเสือขาวกับเต่าดำย่อมไม่เลิกราแต่โดยดี

และหากไม่เหนือความคาดหมาย อีกสามวันคนใหญ่คนโตตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งก็จะมาเยือน นี่จึงจะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุด!

“ข้าสืบทอดและหลอมรวมมรรควิถีทั้งหมดของบรรพชนหงส์เซียนแล้ว ถ้าผู้ยิ่งใหญ่ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งนั่นมา ย่อมเป็นข้าไปรับมือเขา”

จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงเอ่ยกับหลินสวิน แววตาสงบนิ่ง

“ข้าก็จะไม่นิ่งดูดาย”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มหาเคราะห์ที่เผ่าหงส์เซียนต้องประสบ เดิมทีก็เกิดขึ้นเพราะลั่วชิงสวิน ในฐานะบุตรชายของลั่วชิงสวิน ยามเผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้หลินสวินย่อมมองว่าเป็นหน้าที่ของตน

“เจ้าไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้ฐานะของเจ้า และจะฆ่าเจ้าโดยไม่สนใจสิ่งใดหรือ” จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงเอ่ย

หลินสวินยิ้มกล่าว “ถ้ากลัวแล้ว ภายหน้าข้าจะยังไปฟากฝั่งฟ้าดารา ประจักษ์ความสามารถของตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งได้อย่างไร”

จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงชะงักไป เอ่ยว่า “ถ้ามีวันนั้นจริงข้าก็รอคอยนัก ว่าเจ้าจะสร้างชื่อเสียงใหญ่โตได้ปานไหน”

ฟากฝั่งฟ้าดารา นั่นเป็นถึงสถานที่ที่ทำให้เหล่าบรรพจารย์จักรพรรดิเฝ้าปรารถนา

ลือกันว่ามีเพียงที่นั่นถึงสามารถครอบครองมรรคอมตะนิรันดร์!

หลังไตร่ตรองครู่ใหญ่หลินสวินยังถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ผู้อาวุโส ข้าคนแซ่หลินจะบังอาจถามได้หรือไม่ว่าบรรพชนหงส์เซียน… จะมีโอกาสตื่นจากนิพพานหรือไม่”

ในความคิดของเขา เพลิงหงส์ระเบียบของบรรพชนหงส์เซียนมอบตนให้แล้ว ส่วนมรรควิถีทั้งตัวก็ถ่ายทอดให้จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง ถ้าไม่พบปัญหาใด บรรพชนหงส์เซียนจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร

กลับพบว่าจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงส่ายหัว บอกเรื่องที่บรรพชนหงส์เซียนตัดสินใจจะนิพพานใหม่ออกมา ทั้งยังบอกหลินสวินว่ามรรคที่บรรพชนหงส์เซียนไขว่คว้าเป็นมหามรรคที่อยู่เหนือกว่าคนร่วมรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

หลินสวินใจสั่นสะท้าน ตัดมรรควิถีในกาลก่อน มองเพลิงหงส์ระเบียบเป็นสิ่งผูกมัด เลือกนิพพานใหม่อย่างหนักแน่น นี่จะต้องมีความกล้าหาญปานไหนถึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ได้

“เจ้าไม่ต้องคิดมาก ถือโอกาสที่ผู้ยิ่งใหญ่ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งยังไม่มา รีบปรับสภาพเถอะ”

จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงพูดแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

หลินสวินยืนลำพังอยู่ตรงนั้น มองดูภาพซากปรักหักพังถ้วนทั่วอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ชักสายตากลับมา นั่งขัดสมาธิสงบใจฝึกปราณ

ภายในร่างเขายังมีพลังแกนเทพแรกกำเนิดอยู่อีกครึ่งหนึ่ง ใช้ฟื้นฟูพลังได้เร็วนัก

เพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นหลินสวินก็ตื่นจากการนั่งสมาธิ พลังทั้งร่างคืนสู่สภาพสูงสุด

เขามาหาหวงชางเทียนกับเลี่ยนจิ่วเซียว เอ่ยว่าต้องการเจตวัตถุจำนวนหนึ่งมาใช้วางกระบวนค่ายกล ทั้งสองต่างรับปากอย่างยินดี

แม้เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงจะพังพินาศไป แต่รากฐานพลังของเผ่าหงส์เซียนกับเผ่าจักรพรรดิช่างเทพยังอยู่ โดยเฉพาะสมบัติที่สั่งสมมาไม่รู้นานเท่าไรนั้นไม่ได้ถูกปล้นไปด้วย

ไม่นานนักเจตวัตถุที่หลินสวินต้องการก็เตรียมพร้อม

“เสี่ยวอู่ ฝากเจ้าด้วย” หลินสวินตัดสินใจว่าจะวางกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญหน้าร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง และผู้ที่เชี่ยวชาญกระบวนค่ายกลนี้เป็นที่สุดก็คือเสี่ยวอู่

“ปราณพิภพกับต้นกำเนิดวิญญาณในภูผาธาราหลายหมื่นลี้นี้ถูกทำลายไปแล้ว แม้จะวางกระบวนค่ายกลสำเร็จ อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงคงไว้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เจ้าแน่ใจนะว่าจะผลาญเจตวัตถุมากมายขนาดนี้”

“เลิกพูดไร้สาระ รีบไปทำ”

หลินสวินเขกหัวเจ้าตัวจ้อย ฝ่ายหลังแยกเขี้ยวใส่ โกรธเคืองไม่หยุด แต่สุดท้ายก็ยังเคลื่อนไหวอย่างว่าง่าย

สองวันผ่านไป

มรรคสิ้นฟ้าอาสัญวางสำเร็จลุล่วง พวกหลินสวินทั้งหมดเข้าไปในร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งที่กระบวนค่ายกลนี้ปกคลุมอยู่

ก็ในวันนี้เอง จู่ๆ ซย่าจื้อก็มาหาหลินสวิน เอ่ยว่า “หลินสวิน ข้าอาจจะต้องเข้าสู่การหลับใหลถึงขีดสุดครั้งหนึ่ง”

หลินสวินอึ้งไป “ตอนนี้หรือ”

ซย่าจื้อพยักหน้า เสียงใสกระจ่าง “ถ้าพี่จิ่งเซวียนตื่นแล้ว จำไว้ว่าต้องให้นางเขียนวิธีมีลูกให้ด้วย”

หลินสวินมุมปากกระตุกอย่างยากสังเกตเห็น เรื่องนี้ถ้าให้จิ่งเซวียนรู้เข้า… เช่นนั้นจะ… อักอ่วนปานไหน

ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง ซย่าจื้อก็อิงแอบอยู่ข้างกายเขา หลับใหลไปอย่างเงียบเชียบ บนใบหน้างามล้ำหาใดเทียบใต้หมวกม่านนั้นเปล่งประกายสงบนิ่ง พิสุทธิ์ผุดผ่องออกมา

หลินสวินยื่นมือไปลูบแก้มนางเบาๆ นึกถึงภาพสมัยที่อยู่กับซย่าจื้อที่หมู่บ้านเฟยอวิ๋นมุมปากก็ระบายยิ้มอย่างอดไม่ได้

ครู่หนึ่งเขาถึงโอบซย่าจื้อไว้อย่างระวัง วางนางไว้ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของตน

ครั้นยามมองดูชายหนุ่มชุดขาวอีกครั้ง สีหน้าเรียบเฉยเยือกเย็น ไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่มีความโอหังอวดดีใดๆ

แต่ในสายตาเขา ทุกคนในโลกนี้กับสรรพสิ่งในฟ้าดินแห่งนี้ไม่ได้มีข้อแตกต่างอะไร แม้สะท้อนอยู่ในสายตา แต่กลับไม่อาจเรียกได้ว่าเข้าตา

นี่เป็นความถือดีที่เก็บงำอย่างที่สุด!

แทบจะในชั่วขณะ เหล่าบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่เทียมฟ้าอย่างพวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงต่างลุกขึ้นคารวะอย่างนอบน้อม

สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเคารพเลื่อมใส!

ภาพนี้หากถูกคนอื่นเห็นเข้าต้องตกตะลึงจนร้องเสียงหลงแน่ ถึงอย่างไรเผ่าเสือขาวและเต่าดำก็เป็นถึงสี่เผ่าวิญญาณฟ้าประทานที่ถือกำเนิดเมื่อต้นยุคดึกดำบรรพ์ รากฐานพลังเก่าแก่และน่าสะพรึงกลัว

และคนที่อยู่ที่นั่นเหล่านี้ยิ่งเป็นพวกอหังการในสองเผ่า ทำให้สรรพชีวิตในโลกนับไม่ถ้วนยำเกรง

แต่ตอนนี้พวกเขาต่างนอบน้อมเจียมตัว!

สาเหตุก็ง่ายนัก เพราะชายชราเสื้อแขนกว้างผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสเจ็ดที่มาจากตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง… ลั่วซิงเฟิง!

เมื่อเห็นภาพนี้ ไม่ว่าจะเป็นลั่วซิงเฟิงหรือชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้นต่างสีหน้าราบเรียบ เหมือนเห็นจนชินตามานานแล้ว

อันที่จริงพวกเขาก็ชินมานานแล้วจริงๆ

“ไม่ต้องมากพิธี” ลั่วซิงเฟิงโบกมือ อยู่มาถึงระดับอย่างเขา ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องพิธีรีตองพวกนี้นานแล้ว

พวกไป๋หลิงเจินถึงกล้ายืดตัวขึ้น ความเคารพยำเกรงบนใบหน้ากลับไม่ลดลง

“เล่าสถานการณ์มาเถอะ” ลั่วซิงเฟิงเอ่ยง่ายๆ

ไม่นานนักไป๋หลิงเจินก็เล่าเรื่องการศึกเมื่อสามวันก่อนออกมาทั้งหมด ไม่กล้าปิดบังแม้แต่นิดเดียว

ครั้นฟังจบลั่วซิงเฟิงสีหน้าเรียบเฉย ทำเพียงร้องอ้อคำหนึ่ง ก่อนหันหน้าไปมองชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ข้างกายคนนั้น เอ่ยอย่างสนใจว่า “เฉินเอ๋อร์ จากที่เจ้าดู พลังต่อสู้ของหลินเต้ายวนผู้นี้เป็นอย่างไร”

ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยเรียบๆ ว่า “มกุฎจักรพรรดิขั้นสาม ครอบครองศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่ไม่ธรรมดา สามารถต่อสู้กับบรรพจารย์จักรพรรดิได้ เพียงอาศัยเรื่องพวกนี้ หากอยู่ในโลกอีกฟากฝั่งของพวกเราก็เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอดในระดับจักรพรรดิ”

แม้จะพูดเช่นนี้แต่น้ำเสียงกลับไม่มีคลื่นอารมณ์สักนิด เหมือนแค่ตอบคำถามข้อหนึ่งเท่านั้น

และเมื่อได้ยินชายหนุ่มชุดขาวประเมินเช่นนี้ พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงต่างจิตใจปั่นป่วนนัก หลินเต้ายวนนั่นเย้ยฟ้าปานนี้ ในโลกอีกฟากฝั่งกลับเรียกได้ว่าเป็น ‘อัจฉริยะชั้นยอด’ เท่านั้นหรือ

ลั่วซิงเฟิงพยักหน้าน้อยๆ ยิ้มเอ่ยว่า “หากอยู่ในโลกนี้ ผู้ที่สามารถครอบครองวิชามหามรรคอย่างหลินเต้ายวนพบเห็นได้น้อยมากจริงๆ แต่ถ้าเทียบกับผู้โดดเด่นในโลกฟากฝั่งเหล่านั้นแล้ว กลับไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก”

นี่ยังไม่เรียกพิเศษหรือ

พวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงยิ่งไม่อาจสงบใจได้ รู้สึกว่าความรู้ความเข้าใจกำลังจะถูกพลิกคว่ำ โลกอีกฟากฝั่งนั่น… เป็นสถานที่เช่นไรกันแน่…

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์