Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2298

สรุปบท ตอนที่ 2298 กระบี่เพลิงดาราผสานคราม: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2298 กระบี่เพลิงดาราผสานคราม จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2298 กระบี่เพลิงดาราผสานคราม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2298 กระบี่เพลิงดาราผสานคราม

ทั้งที่นั้นเงียบกริบ ไม่มีใครคาดว่าในเวลาเช่นนี้มหาจักรพรรดิรุ่นเยาว์ที่มาจากตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง กลับระบุชื่อหมายจะท้าสู้กับหลินสวิน!

“เจ้าเฒ่าอย่างพวกไป๋หลิงเจินต้องเอาเรื่องพลังต่อสู้ของสหายน้อยหลินสวินไปบอกบอกเจ้าหนุ่มนั่นก่อนแล้วแน่ แต่อีกฝ่ายถึงกับกล้าเหิมเกริมไม่หวั่นเกรงเช่นนี้ เกรงว่าก็คงมั่นใจเอาเรื่อง”

พวกหวงชางเทียนแววตาไหววูบ เดาออกว่ารากฐานพลังของลั่วเฉินจะต้องน่ากลัวยิ่ง

ควรรู้ว่าเมื่อสามวันก่อนหลินสวินถึงกับสังหารบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งเองกับมือ! พลังต่อสู้เย้ยฟ้าทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนั้นยังหน้าเปลี่ยนสี

แต่ตอนนี้ลั่วเฉินกลับยังกล้าท้าทาย นี่ย่อมต้องมั่นใจว่าจะกำราบหลินสวินได้!

‘สหายน้อย อย่ารับคำท้าเด็ดขาด ทันทีที่ฐานะของเจ้าถูกมองออก เช่นนั้นผลลัพธ์จะร้ายแรงมาก’ หวงชางเทียนรีบสื่อจิตเตือน

‘ไม่เป็นไร’

ดวงตาดำของหลินสวินสงบนิ่งราบเรียบ สื่อจิตเอ่ยว่า ‘ผู้อาวุโสคิดว่าถ้าข้าจับเจ้าหมอนี่ไว้ จะบีบให้ลั่วซิงเฟิงนั่นถอยได้ไหม’

หวงชางเทียนอึ้งไป

ยังไม่ทันเอ่ยปากลั่วซิงเฟิงก็กล่าวว่า “หลินเต้ายวน ถ้าเจ้ารับคำท้า ข้าก็จะให้โอกาสที่ยุติธรรมสักครั้งหนึ่ง รับรองว่าจะไม่มีใครกล้าแทรกแซง”

วาจาเขาแฝงความมั่นใจ นั่นเป็นความเชื่อมั่นในตัวลั่วเฉินโดยสมบูรณ์

ลั่วเฉินก็เอ่ยปากว่า “ถ้าเจ้ามีความสามารถไม่ธรรมดา ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้รอดชีวิตสักครั้ง กระทั่งว่าถ้าได้ความชื่นชมจากข้า ก็จะพาเจ้าไปโลกฟากฝั่งด้วยก็ได้”

ในถ้อยคำมีแววโอหังอยู่กลายๆ

“นี่… ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องดีต่อเจ้าหมอนี่เกินไปหรือ!” ไป๋หลิงเจินกับอู่ซิวสิงได้ยินดังนี้ก็ไม่ชอบใจ พวกเขาชังหลินสวินเข้ากระดูกดำ จะยอมให้เขารอดต่อไปได้อย่างไร

ลั่วเฉินชำเลืองมองพวกเขาคราหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับทำให้พวกเขาล้วนสั่นสะท้าน ไม่กล้าพูดอะไรอีก

“จัดการมัน!”

ไกลออกไปแววตาต้าหวงลุ่มลึก รู้สึกไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นลั่วซิงเฟิงหรือลั่วเฉินต่างก็วางท่าสูงส่ง ทำให้มันไม่ชอบใจทั้งนั้น

“ได้”

หลินสวินพยักหน้ารับ ใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “แต่นอกจากคนที่ต่อสู้แล้ว คนอื่นล้วนห้ามเข้าใกล้บริเวณนี้”

ท่าทางเช่นนี้ดูระมัดระวังรอบคอบ ทำให้ลั่วซิงเฟิงแสยะยิ้ม เจือความดูแคลน

แต่สุดท้ายก็ยังโบกมือ ถอยออกไปไกลๆ พร้อมกับพวกไป๋หลิงเจินและอู่ซิวสิง เปิดพื้นที่กว้างใหญ่ให้

หลินสวินถึงได้เดินออกจากกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญด้วยสีหน้าราบเรียบ

‘ไม่ต้องห่วงคนอื่น จับเจ้าหมอนี่ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน’

‘ถ้าอีกฝ่ายกล้าแทรกแซง ข้าจะออกโจมตีทันที’ แทบจะในขณะเดียวกัน ซีกับจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงสื่อจิตมาพร้อมกัน

หลินสวินลอบพยักหน้า

นอกกระบวนค่ายกล ลั่วเฉินเห็นหลินสวินเดินออกมาแล้วถึงพยักหน้าเอ่ยว่า “กล้ารับคำท้าสู้ในสถานการณ์นี้ ความกล้าเช่นนี้ไม่ธรรมดา แต่ข้ารู้ดียิ่งกว่าว่าสาเหตุที่เจ้ารับคำท้า เกรงว่าคงคิดจะจับข้าเป็นตัวประกัน”

เขาหยุดไปก่อนเอ่ยด้วยท่าทางเรียบเฉยว่า “แต่ข้าขอเตือนเจ้าให้เลิกล้มความคิดนี้จะดีที่สุด สู้ตายด้วยพลังทั้งหมดจะดีที่สุด หาไม่แล้วถ้าความสามารถทำข้าผิดหวัง ข้าก็ไม่ถือสาที่จะฆ่าเจ้าแล้ว”

ซี จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง และพวกหวงชางเทียนต่างหวาดหวั่นอย่างอดไม่ได้ ชายหนุ่มคนนี้มีความสามารถในการวิเคราะห์เฉียบคมนัก!

“เช่นนั้นหรือ”

ดวงตาดำหลินสวินลุ่มลึก ประเมินลั่วเฉิน “รู้ดีถึงพลังที่ข้าสำแดงไปเมื่อสามวันก่อนแล้วยังกล้ามาท้าทายแบบนี้ เจ้านี่กล้าเอาเรื่องนะ”

มุมปากลั่วเฉินยกยิ้มเยียบเย็น เอ่ยว่า “เจ้ากับข้าต่างเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิ ข้าอยู่ระดับจักรพรรดิขั้นสี่ แต่ถ้าเปิดศึกขึ้นมา ข้าจะไม่ออมมือให้แม้แต่ครึ่งก้าว”

จู่ๆ ลั่วซิงเฟิงที่อยู่ไกลออกไปก็พูดว่า “ศึกนี้เป็นการชิงชัยในมหามรรค ห้ามใช้ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์”

เขานึกถึงคำบอกล่าวของพวกไป๋หลิงเจิน ที่ว่าหลินสวินมีเตาหลอมกระบี่เตาหนึ่งอยู่ น่าสะพรึงสุดหยั่ง อานุภาพเย้ยฟ้าเกินกว่าจะจินตนาการได้

ลั่วเฉินนิ่วหน้า “ท่านอาเจ็ด ขอให้ท่านชมการต่อสู้ก็พอ”

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของลั่วซิงเฟิงทำให้เขาไม่พอใจ ใช้ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์แล้วจะอย่างไร หรือตนจะไม่มี

ลั่วซิงเฟิงหัวเราะร่า “ได้ ข้าจะเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์แล้วกัน”

ลั่วเฉินพยักหน้า

ชั่วพริบตาอานุภาพทั้งร่างเขาเปลี่ยนไปทันที

ชุดเขาขาวโพลนยิ่งกว่าหิมะ ร่างกายผอมบาง รูปลักษณ์หล่อเหลาสง่างาม ก่อนหน้านี้ตอนเก็บงำอยู่กลิ่นอายเรียบสงบดุจทะเลสาบ ผ่าเผยเหนือโลกา

แต่ตอนนี้กลับเหมือนกระบี่เซียนที่แทงทะลุท้องนภาเล่มหนึ่ง ฟาดฟันห้วงอากาศ น่าตกตะลึงเป็นที่สุด

ฟ้าดินแห่งนี้จมสู่เสียงครวญ ห้วงอากาศสั่นสะเทือนหึ่งๆ เหมือนรับอานุภาพน่าสะพรึงที่ตลบออกมาจากร่างของลั่วเฉินอย่างฉับพลันไม่ไหว

“ได้!”

“ความสง่างามของคุณชาย ปัจจุบันไม่มีใครเทียบได้!”

พวกไป๋หลิงเจินและอู่ซิวสิงยกย่อง ครึ่งหนึ่งเป็นการยกยอ อีกครึ่งหนึ่งพูดออกมาจากใจจริง อานุภาพที่ลั่วเฉินสำแดงออกมานั้นไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว แกร่งกล้าเกินกว่าจินตนาการ

ขวับ!

ลั่วเฉินกะพริบตา นัยน์ตามีลำแสงสีทองสองสายพุ่งออกมา ถึงกับแปลงเป็นกระบี่เทพสองสายนำพาสายฟ้าสีทองคับฟ้าฟันไปทางหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป

ทุกคนตกตะลึง ขณะที่ทั้งสองไม่พูดกันสักคำศึกใหญ่ก็ปะทุขึ้นแล้ว

และลั่วเฉินเพียงแค่กะพริบตาเท่านั้นก็ก่อให้เกิดภาพน่ากลัวปานนี้ อภินิหารที่มีอยู่ในนัยน์ตาสำแดงพลังมรรคกระบี่อันลึกลับดุดัน น่าตื่นตะลึงเป็นที่สุด

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

ลำนำกระบี่คับฟ้าดังขึ้น

เบื้อหลังลั่วเฉินมีกระบี่เทพสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น งามจรัสยิ่งนัก แสงสีที่กระจายออกมามีพลังอัศจรรย์ ราวกับแสงทอในจักรวาลอันสดใสรวมตัว เพริศแพร้วจนน่าหวาดหวั่น

นี่เป็นพลังกฎเกณฑ์ที่ควบรวมจากมรรควิถีทั้งตัวลั่วเฉิน พอเขาโคจร ก็แปลงสีสันหลากสีของกระบี่เทพให้เป็นสีเขียวถึงที่สุด ประหนึ่งกระจกมายา เผยไอพร่ามัว

กระบี่เพลิงดาราผสานคราม!

ก็พบว่ากระบี่เทพเก้าเล่มยิงปะทุทะลวงห้วงอากาศราวกับรุ้งยาวพาดสุริยัน ไอดุดันเช่นนั้นสะท้านไปทั้งจักรวาลสิบทิศ

แสงมรรครอบกายหลินสวินส่งเสียงดังสนั่น แสงมรรคทั้งร่างแปลงเป็นค่ายกลกระบี่ไท่เสวียนอันหนาแน่นลึกลับเรียงแถวเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างสะเทือนเลือนลั่น

ครืน!

ประหนึ่งฟ้าดินแรกกำเนิด สายฟ้าฟาดใหญ่โต แสงมรรคระเบิดออก

ท่ามกลางความคลุมเครือต้ายได้ยินเสียงมารเทพฟ้าประทานแผดเสียงคำราม มีมุนินทร์สวดมนต์ มีอริยะท่องคัมภีร์ ภาพประหลาดและน่ากลัว พลังเทพต่างๆ ถาโถมขึ้น กฎเกณฑ์ถักทอและปะทะกันเหมือนไยแมงมุมระหว่างพวกเขาสองคน

คนหนึ่งควบคุมกระบี่เทพสีเขียว ประหนึ่งเทพกระบี่เยือนโลกา ส่วนอีกคนหนึ่งอนุมานปริศนาค่ายกลกระบี่ ราวกับทวยเทพจัดวางจักรวาล สู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ห้ำหั่น พลิกขึ้นพลิกลงอยู่ตรงนั้น

นี่เป็นการปะทะกันระหว่างมกุฎมหาจักรพรรดิ ทั้งสองประลองครั้งใหญ่กันกลางอากาศ ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ศักยภาพของแต่ละคนต่างเรียกได้ว่าสะท้านอดีตและปัจจุบัน หายากยิ่งในนิรันดร์กาล!

ลำนำกระบี่กึกก้อง ทะลวงทองแยกศิลา กระบี่เทพสีเขียวเจิดจ้านั้นยิงปะทุไปทั่ว นำพาเปลวเพลิงประกายดาวเต็มฟ้าไปด้วย พลังสังหารคับฟ้า

ด้านหลินสวินกลับตั้งรับตามกระบวนท่า สองมือกวัดแกว่ง สร้างค่ายกลกระบี่ลึกลับหนาแน่นทั้งปวงออกมาบดบังฟ้าดิน ปกคลุมแปดทิศ

ทั้งสองสู้กันจากบนฟ้าสู่ผืนดิน แล้วสู้จากผืนดินไปสู่ชั้นเมฆา ต่างโรมรันพันตู เหมือนพลังสมน้ำสมเนื้อกัน

นี่ทำให้พวกซีและต้าหวงต่างหน้าเปลี่ยนสี รากฐานกับพลังของหลินสวินพวกเขารู้ดีที่สุด หากอยู่ในกลุ่มคนรุ่นเดียวกันบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ย่อมเป็นบุคคลเย้ยฟ้าไม่มีใครเทียบได้ โดดเด่นเหนือโลกาเพียงผู้เดียว

และห้ำหั่นกับหลินสวินได้อย่างสมน้ำสมเนื้อได้ รากฐานของลั่วเฉินคนนี้เพียงคิดก็รู้ว่าไม่ธรรมดาเพียงไหน

แต่ในใจซีกับต้าหวงยังรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตอนหลินสวินกำลังต่อสู้เหมือนยับยั้งชั่งใจกว่าแต่ก่อนมาก…

ในขณะเดียวกัน ลั่วซิงเฟิงก็ดวงตาไหววูบไม่หยุดหย่อน พลังต่อสู้ที่หลินสวินแสดงออกมาทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างห้ามไม่อยู่ เก็บงำความคิดและการรับรู้ที่ดูเบาลงไประดับหนึ่ง

แต่ เขาเชื่อมั่นในตัวลั่วเฉินยิ่งกว่า!

โครม!

ท่ามกลางฟ้าดิน เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไม่ขาด การประลองใหญ่โดยสมบูรณ์เกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง พวกเขาสองคนสู้กันอย่างแยกได้ยาก มีเลือดสดๆ สาดกระเซ็นเป็นพักๆ ตื่นเต้นหาได้ยากผิดธรรมดา

หลินสวินสีหน้าสงบนิ่งดังเก่า แต่ในการต่อสู้ ตามร่างกายมีรอยเรียวเล็กแหวกออก นั่นคือผิวหนังกำลังแตกระแหง…

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์