ตอนที่ 2323 กำราบหลีชาง
หลินสวินกุมมือคารวะเอ่ยว่า “ออมมือแล้ว”
จักรพรรดิซิงอู่แววตาซับซ้อน มองดูหลินสวินสักพัก “ดินแดนรกร้างโบราณมีหลินเต้ายวน เป็นเรื่องดีในหมื่นกาล”
นางพูดจบก็หมุนตัวจากไป เกราะสีแดงฉานทั้งชุดดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
หลินสวินเดินหน้าต่อ ตั้งแต่เริ่มจนจบต้าหวงก็เหมือนผู้ชมคนหนึ่ง เดินตามหลังหลินสวินต้อยๆ
ในมุมมืด เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเงียบงัน แต่ในใจกลับไม่อาจสงบได้
พลังของมกุฎมหาจักรพรรดิพลิกความเข้าใจต่อพลังมรรคจักรพรรดิของพวกเขาโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจักรพรรดิซิงอู่ยอมแพ้ ทำให้พวกเขาต่างตระหนักได้ว่าในเขตแดนดาราทอดทิ้งแห่งนี้ คิดจะขวางชายหนุ่มเช่นนั้น…
ยากนัก!
สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนหนึ่งยอมรับว่าตนสู้จักรพรรดิซิงอู่ไม่ได้ ต่างเลิกล้มความคิดที่จะลงมือ นี่จะต่างอะไรกับรนหาที่เอง
และยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนหารือว่าจะลงมือร่วมกัน แต่กลับถูกต่อต้านอย่างแข็งกร้าว
แม้หลินสวินไม่เคยเข้าร่วมพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ แต่อย่างไรก็มาจากดินแดนรกร้างโบราณ ไม่ได้เป็นคนนอก
หนำซ้ำพวกเขาต่างก็รู้เรื่องว่าความแค้นระหว่างมหาจักรพรรดิอีกาทองกับหลินสวินเป็นเพียงความแค้นส่วนตัว ถ้าไม่ได้มาจากขุมอำนาจเดียวกัน พวกเขาก็ถึงขึ้นคร้านจะเข้าไปแทรกแซง
หนึ่งเค่อต่อมา
หลินสวินมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของเขตแดนดาราทอดทิ้ง นี่เป็นฟ้าดาราอันรกร้างปั่นป่วนโดยสมบูรณ์แห่งหนึ่ง
แถบแสงกาลเวลาสาดออกมาจากชั้นห้วงอากาศน่ากลัว ประกายชวนสะพรึงที่ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิยังขวัญหายวาบผ่านอยู่
และเป็นในส่วนลึกของกลุ่มอุกกาบาตนี้เอง โลกที่พังทลายโรยราสามแห่งดำรงอยู่
ที่หนึ่งมีเปลวเพลิงสีทองคับฟ้าลุกโชน ราวกับแคว้นหินหนืดแคว้นหนึ่ง
ที่หนึ่งเงียบเชียบหนาวเย็น สรรพสิ่งแห้งเหี่ยว เผยกลิ่นอายทรุดโทรมชวนอึดอัด ประหนึ่งกลายเป็นโลกแห่งซากปรักหักพัง
ที่สุดท้ายก็เป็นโลกที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่สีดำนับไม่ถ้วน โซ่ทบไปทบมามีคลื่นระเบียบพังพินาศฉายวาบ
“เจ้าเฒ่าอีกาทองถูกกำราบอยู่ในโลกหินหนืดแห่งนั้น แต่เจ้าคิดจะไปหาเขา ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน”
เสียงแผ่วจางราบเรียบเสียงนั้นดังขึ้น ก็พบว่าในโลกรกร้างอันเงียบเชียบหนาวเย็นนั้นมีเงาร่างหนึ่งลุกขึ้นจากกองฝุ่นบนพื้นดิน
เขาหนวดเครายุ่งเหยิง แต่ลักษณะกลับเหมือนชายหนุ่ม รูปลักษณ์ธรรมดา ทั้งร่างไม่มีคลื่นกลิ่นอายแม้แต่นิดเดียว
แต่พอได้เห็นคนผู้นี้นัยน์ตาต้าหวงพลันหดรัด เผยสีหน้าเคร่งเครียด สื่อจิตเตือนว่า
’เจ้าหมอนี่เกรงว่าจะเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางคนนั้น กลิ่นอายเก็บงำไว้ภายใน ตัดขาดจากฟ้าดิน บรรลุระดับบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นสมบูรณ์แล้ว’
นัยน์ตาหลินสวินหดรัดน้อยๆ แต่ไม่เปลี่ยนสีหน้า
ก็เห็นว่าหลังจากเงาร่างนั้นลุกขึ้น ก็ยื่นมือมาปัดฝุ่นเต็มตัวและเดินกลางอากาศเบาๆ
ชั่วสั้นๆ ก็มาถึงบนฟ้าดาราแล้ว
ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่น ไม่ใช่ว่าเขาเคลื่อนย้ายมา แต่เป็นโลกใบนั้นบีบตัวเพื่อการก้าวเดินของเขา ดูเหลือเชื่อนัก
ชายหนุ่มคนนี้ย่อมเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชาง และเป็นผู้นำพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณคนปัจจุบัน
เขาแววตาเรียบเฉย ทั้งตัวไม่มีคลื่นกลิ่นอายใดๆ อย่างกับปุถุชนคนธรรมดา แต่เมื่ออยู่ในสายตาหลินสวินกับต้าหวง บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางก็เป็นดั่งนายเหนือหัวแห่งฟ้าดาราแห่งนี้ กลิ่นอายของเขา พลังของเขา หลอมรวมไปกับพื้นที่ฟ้าดาราแห่งนี้ทุกกระเบียดแล้ว!
“ตอนนั้นก่อนจักจั่นทองไปได้กำราบเจ้าเฒ่าอีกาทองไว้ที่นี่ด้วยฝ่ามือเดียว ไม่อาจหลุดพ้นได้ในร้อยปี ตอนนี้ช่วงเวลาหนึ่งร้อยปียังไม่สิ้นสุดลง”
บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางเอ่ยปาก “ในความคิดข้า ไม่สู้เจ้ารอเจ้าเฒ่าอีกาทองหลุดออกมาแล้วค่อยตัดความแค้นส่วนตัวครั้งนี้กับเขา”
หลินสวินคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยพูดเพียงไม่กี่คำว่า “เวลาไม่รอข้า”
เขารีบมากจริงๆ
การมุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญเจอเขตแดนดาราทอดทิ้งแห่งนี้ระหว่างทาง เกรงว่าเขาคงไม่คิดไปหาเจ้าเฒ่าอีกาทองเอง
“เจ้าเพิ่งฝึกปราณมาไม่เท่าไร กลับกล้าพูดคำว่า ‘เวลาไม่รอข้า’ ออกมาได้”
บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยิ้มเอ่ย “ยิ่งกว่านั้นตามที่ข้ารู้มา ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าไปตัดต้นไม้เทพฝูซางของเผ่าอีกาทอง เจ้าเฒ่าอีกาทองจะไปมองเจ้าเป็นหนามยอกอกได้อย่างไร เจ้าหนุ่ม ทำการใดจะบีบบังคับเกินไปไม่ได้”
หลินสวินขมวดคิ้ว “ความแค้นของข้ากับเฒ่าชรานั่นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะต้นเทพฝูซาง สหายยุทธ์ไม่รู้เรื่องอย่าสรุปเองจะดีกว่า”
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่จับตาดูเหตุการณ์นี้ในมุมมืดต่างสูดหายใจสะท้าน คิดไม่ถึงว่าขนาดเผชิญหน้ากับบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชาง หลินเต้ายวนคนนี้ยังกล้าแข็งกร้าวปานนี้
กลับพบว่ารอยยิ้มมุมปากบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางหุบลง กวาดมองหลินสวินปราดหนึ่งแล้วมองต้าหวงอีก พูดว่า “จักรพรรดิสงครามคำรน เจ้ามาออกหน้าแทนเจ้าหนุ่มนี่หรือ”
ต้าหวงฉีกยิ้ม “ไม่ถึงกับออกหน้า แค่ข้าคิดว่าความแค้นส่วนตัวของชาวบ้าน คนนอกอย่างเจ้ากับข้าอย่าไปแส่จะดีที่สุด จะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัว”
บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางร้องอ้อคำหนึ่งแล้วก็มองดูหลินสวินอีกครั้ง “ไม่ว่าจะเป็นใคร กฎของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เจ้าหนุ่ม ภายหน้าเจ้ายังมีอนาคตอีกยาวไกล ถ้ายึดติดอยู่กับความแค้นท่าเดียวกลับจะไม่เป็นผลดีต่อการฝึกปราณของเจ้า ข้าไม่อยากทำให้เจ้าลำบาก และหวังว่าเจ้าจะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับข้าเช่นกัน”
วาจาไม่ได้บีบคั้น แต่น้ำเสียงวางตัวสูงส่ง รวมถึงท่าทางสอนสั่งคนรุ่นหลังเช่นนั้นก็ชัดเจนยิ่งนัก
นี่ทำให้ในใจหลินสวินทนไม่ได้อยู่บ้าง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ถ้าคิดจะเป็นศัตรูกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณจริงๆ ตลอดทางมานี้ไยข้าคนแซ่หลินต้องออมมืออ่อนข้อให้ด้วย สหายยุทธ์ ข้าคนแซ่หลินก็หวังว่าเจ้าอย่ายกเหตุผลใหญ่โตอะไรมาข่มข้าอีกจะดีที่สุด”
คำว่าสหายยุทธ์ถูกหลินสวินเน้นหนักยิ่งนัก
บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางอดยิ้มไม่ได้ “เจ้าเรียกข้าว่าสหายยุทธ์หรือ”
หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนหนุ่มอย่างเจ้าคู่ควรอยู่รุ่นเดียวกับข้าหรือ
กลับพบว่าหลินสวินไม่โมโหสักนิด แต่คิดอย่างจริงจังแล้วเอ่ยว่า “การเรียกนี้ออกจะไม่เหมาะจริงๆ ถ้าว่ากันอย่างเคร่งครัด เจ้าที่ไม่ได้บรรลุระดับมกุฎจักรพรรดิย่อมไม่ได้อยู่บนทางเส้นเดียวกับข้าคนแซ่หลิน ถ้อยคำเติมแต่งสวยหรูของเจ้าก่อนหน้านี้ก็เอาคืนไปได้เลย ถึงอย่างไรมหามรรคของข้า ทั่วหล้านี้ใช่สิ่งที่ใครจะวิจารณ์สุ่มสี่สุ่มห้าก็ได้หรือ”
คำพูดเดียวทำให้ต้าหวงเบิกบานอย่างอดไม่อยู่ ระดับมกุฎจักรพรรดิ! เรื่องนี้สมเหตุสมผลโดยสมบูรณ์ ตบหน้าแบบไร้ร่องรอย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์