Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2348

สรุปบท ตอนที่ 2348 แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค ไอวิญญาณฟื้นคืน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2348 แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค ไอวิญญาณฟื้นคืน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2348 แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค ไอวิญญาณฟื้นคืน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2348 แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค ไอวิญญาณฟื้นคืน

ท่ามกลางพยับหมอกอันมืดมิดบนผิวทะเลนั้น ปรากฏเงาร่างแน่นขนัดเบียดเสียดแถบหนึ่งโดยไร้สุ้มไร้เสียง

ทั่วร่างของพวกเขาปรากฏไอสีดำ สวมชุดเกราะแตกหัก มือจับดาบศึกลายพร้อยขึ้นสนิม เหมือนกองทัพใหญ่ที่เคลื่อนออกจากปรโลก!

พวกเขาท่าทางแปลกประหลาด ร่างกายแทบจะไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้น ไม่แขนขาดขาขาด ก็หน้าอกเปื่อยยุ่ย บ้างก็เป็นเพียงแค่โครงกระดูก บ้างก็ถึงขั้นไม่มีหัว!

แต่พวกเขามีจุดเหมือนกันหนึ่งอย่าง นั่นก็คือทั่วร่างเต็มไปด้วยไอชั่วร้ายที่เยียบเย็นหาใดเปรียบ

เยอะเกินไปแล้ว!

แน่นขนัดมืดฟ้ามัวดิน ไอชั่วร้ายพุ่งเสียดฟ้า ปิดครอบพื้นที่ทะเลที่อยู่เบื้องหน้า เหมือนกองทัพใหญ่จากนรกข้ามโลกมา หมายจะทำให้ฟ้าดินแถบนี้กลายเป็นสนามรบ

เห็นภาพนี้หลินสวินไม่ได้แปลกใจ ในสุสานสมุทรฝังมรรค กองทัพวิญญาณอาฆาตทำนองนี้มีจำนวนนับไม่หวาดไม่ไหว ตั้งแต่ตอนยังเด็กเขาก็ได้พบเห็นมาแล้ว

หลินสวินไม่ได้ลงมือ กล่าวยิ้มๆ ว่า “มา ให้ข้าดูหน่อยว่าหลายปีมานี้พวกเจ้ารุดหน้ามากแค่ไหนบนมหามรรค”

“ฮี่ๆ ให้ข้าก่อน!”

เจ้าคางคกทะยานอากาศขึ้นมาก่อนใครเพื่อน อาภรณ์สีทองโบกสะบัดดังพรึ่บ บนใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมแววมั่นใจในตัวเอง

พร้อมๆ กับที่เขาโคจรปราณ รอบกายปรากฏกระแสอากาศ กลืนสุริยันคายจันทรา นัยน์ตาสีทองอร่ามทั้งคู่ดุจดั่งอาทิตย์แรงกล้า

เขาฟันมือหนึ่งฉับ

ตูม!

ประทับฝ่ามือสีทองที่กินพื้นที่พันจั้งสายหนึ่งปิดครอบลงมา พื้นที่ทะเลบริเวณใกล้เคียงสั่นสะเทือนรุนแรง ซัดคลื่นยักษ์พลิกฟ้า

กองทัพวิญญาณอาฆาตฝูงหนึ่งที่เพิ่งพุ่งโถมเข้ามาก็ถูกซัดดับสิ้นทันที กลายเป็นไอชั่วร้ายสีดำท่วมท้นเลือนหาย

“ดูข้านี่!”

อาหลู่ส่งเสียงคำรามประหนึ่งฟ้าร้อง เงาร่างสูงตระหง่านที่สูงถึงแปดจั้งเหยียบย่างห้วงอากาศ ผิวหนังดุจดั่งหลอมขึ้นมาจากทองเทพ ปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงดิบเถื่อนออกมา

เขาก็ตบฝ่ามือหนึ่งออกมาเช่นกัน พริบตานั้น พลังฝ่ามืออันเดือดพล่านคลุ้มคลั่งก็เหมือนภูเขาเทพที่เคลื่อนขวางพุ่งชน บดขยี้ใส่กองทัพวิญญาณอาฆาต กระแทกเงาร่างวิญญาณอาฆาตที่แออัดยัดเยียดนั่นจนแหวกออกเป็นรอยแยกขนาดมหึมาสายหนึ่ง!

อาหูยิ้มน้อยๆ ใบหน้ารูปแตงที่งดงามดุจภาพวาดฉายแววอวดดี พร้อมๆ กันนั้นมือเรียวของนางก็ออกกระบวนท่า

อาวุธเทพทุกรูปแบบทะยานออกมา มีกระบี่บินสีเขียวแน่นขนัด ม้วนภาพโบราณงดงาม น้ำเต้าที่เปลวเพลิงรายล้อม ระฆังมรรคที่ดังก้องดุจฟ้าคำราม… มากมายหลายสิบชิ้น

เมื่อสมบัติเหล่านี้พุ่งทะยานไป พลันบังเกิดพลังสังหารประหนึ่งทำลายล้าง ทุกแห่งหนล้วนมีแต่เงาร่างวิญญาณอาฆาตที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ

เพียงไม่กี่อึดใจ

กองทัพวิญญาณอาฆาตกลุ่มนี้ที่เพิ่งปรากฏตัวก็ถูกกำจัดเรียบ!

นี่ทำให้เสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียนที่เดิมตั้งใจจะลงมือล้วนพากันจนปัญญาไปชั่วขณะ ยู่ปากไม่หยุด

มีแต่เจ้านกดำกลอกตากล่าวเหยียดหยันว่า “เหมือนละครลิงไม่มีผิด นายท่านนกอย่างข้ารังเกียจที่จะทำเรื่องพรรค์นี้”

ในเวลานี้บนผิวทะเลไกลโพ้นผุดเงาร่างสีดำสายหนึ่ง ยืนตระหง่านกลางฟ้าดิน ถึงแม้จะค่อนข้างเลือนราง แต่กลิ่นอายนี้กลับน่ากลัวประหนึ่งสะท้านโลก

ท่ามกลางความเลือนรางสามารถมองเห็นว่าเขาสวมอาภรณ์หรูหราราวกับสร้างขึ้นจากทองคำ แสงเคลื่อนไหวแวววาวหลากสีสัน เพียงแต่เลือนรางเกินไป ดูไม่เหมือนของจริง

ในมือเขากุมทวนศึกสีม่วงที่แตกพังเล่มหนึ่ง เจือกลิ่นอายความตายลึกลับ ดุจดั่งจอมประมุขแห่งนรกมาเยือนโลก

ทุกคนที่แต่เดิมพูดคุยสนทนา นัยน์ตาหดรัดทันที

กลิ่นอายระดับจักรพรรดิ!

แม้แต่หลินสวินยังรู้สึกแปลกใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ในสุสานสมุทรฝังมรรคแห่งนี้ถึงกับปรากฏวิญญาณอาฆาตที่มีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิ

นี่คาดไม่ถึงจริงๆ!

“อย่าบอกนะว่าในไม่กี่สิบปีมานี้ ที่นี่เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น” หลินสวินขมวดคิ้ว

เขานึกถึงระดับจักรพรรดิพวกนั้นที่เคยเจอในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน ระดับนี้ไม่มีทางปรากฏตัวในโลกชั้นล่างเด็ดขาด

นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้อย่างฉับไวว่าช่วงหลายปีที่ตนจากไปนี้ เป็นไปได้สูงว่าโลกชั้นล่างนี้เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงสะเทือนฟ้าที่ไม่อาจรู้บางอย่าง

“พวกเจ้าถึงกับกล้าสังหารแม่ทัพใต้ปกครองข้า สมควรตาย!”

ไกลออกไปวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิสายนั้นส่งเสียงเยียบเย็นแหบแห้งออกมา เจือแววอำมหิต ก้องสะท้อนฟ้าดิน ทำให้ผิวทะเลล้วนม้วนตลบขึ้นมา ห้วงอากาศครวญคร่ำ

ตูม!

กล่าวจบเขาชูมือขึ้นขว้าง ทวนศึกสีม่วงกลางฝ่ามือโฉบพรวดออกไป ดุจดั่งสายฟ้าดุดันไร้ทียมทานสายหนึ่ง ฉีกทึ้งห้วงฟ้า พุ่งโจมตีออกไป

กลิ่นอายระดับจักรพรรดิเช่นนั้น กดดันจนพวกอาหูหายใจยังยากลำบาก ต่างหน้าเปลี่ยนสี

“ผีบ้าอะไร ยังกล้ามาแหกปากต่อหน้าข้า”

ก็เห็นหลินสวินแค่นเสียงเย็น ยื่นมือคว้าหมับ

ทวนศึกสีม่วงที่อานุภาพไร้เทียมทานนั่นถูกเขาจับไว้กลางฝ่ามือทันควัน เมื่อออกแรง สมบัติจักรพรรดิที่แตกพังเป็นทุนเดิมเล่มนี้พลันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทันที

“หืม?”

ไกลออกไปวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดินนั่นคล้ายแปลกใจ แต่กลับไม่ได้ลนลาน กล่าวว่า“พลังกร้าวแกร่งแค่ไหน เข้ามาในสุสานสมุทรฝังมรรคนี่ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ขอเตือนพวกเจ้าหนึ่งประโยค ทางที่ดีออกไปตั้งแต่ตอนนี้เป็นดีที่สุด หาไม่…”

น้ำเสียงเจืออานุภาพเหยียดหยันอย่างไม่คิดปิดบัง

เพียงแต่ไม่รอให้เขาพูดจบ ก็เห็นหลินสวินยื่นมือหนึ่งออกไปกะทันหัน

ตูม!

มือใหญ่ครอบฟ้าสายหนึ่งร่วงลงมาจากเบื้องบน รายล้อมด้วยแสงมรรคเจิดจ้าแสบตาหาใดเปรียบ แผ่ครอบปกคลุม

วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดินั่นตั้งท่าจะต้านทาน พลังรอบกายก็ถูกบดขยี้อย่างจัง ทั่วร่างดุจดั่งแมลง ถูกจองจำแน่นหนา

พลังวิญญาณที่พลุ่งพล่านดุจคลื่นยักษ์ซัดสาด หอบม้วนแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ในโลกชั้นล่าง ทำให้ทั้งโลกได้ต้อนรับการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจที่หายากในหมื่นกาล

ผู้ที่รับรู้ได้อย่างชัดเจนที่สุด ย่อมต้องเป็นผู้ฝึกปราณ

หลายสิบปีที่ไอวิญญาณฟื้นคืนมานี้ ไอวิญญาณที่ปิดครอบกลางฟ้าดิน อย่างน้อยก็เข้มข้นขึ้นจากแต่ก่อนนับร้อยเท่า!

โดยเฉพาะในสถานที่พิเศษบางแห่ง ถึงขั้นปรากฏเขามงคลที่หาเจอได้ยากในโลกขึ้นมากมาย!

ก็เหมือนดั่งโลกที่ตกต่ำแร้นแค้น ได้ต้อนรับมหายุคอันรุ่งเรืองที่ไม่เคยมีมาก่อน สรรพชีวิตทั่วโลกชั้นล่างล้วนเดือดพล่านเพราะเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง

และในความทรงจำของวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดินี้ เมื่อไอวิญญาณฟื้นคืน หลายสิบปีมานี้สุสานสมุทรฝังมรรคก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยเช่นกัน

เศษเสี้ยวเจตจำนงมหาจักรพรรดิมากมายที่ตายในการต่อสู้ ณ ที่แห่งนี้ หลังจากกลืนกินไอวิญญาณมากมายอย่างบ้าคลั่ง ก็เกิดการวิวัฒน์ที่ต่างออกไป

พวกเขาเริ่มตื่นรู้มีสติ เริ่มล่าสังหารและกลืนกินพลังของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ดังนั้นจึงทำให้พลังแห่งตนพวยพุ่งขึ้นไม่หยุด

จนถึงตอนนี้ลำพังแค่วิญญาณอาฆาตที่ตื่นรู้มีสติปัญญาและครอบครองพลังระดับจักรพรรดิ ในสุสานสมุทรฝังมรรคแห่งนี้ก็มีมากกว่าร้อยตนแล้ว!

นี่เป็นปริมาณที่น่าตกใจอย่างแน่นอน

และมองออกว่าในศึกมรรคสิบทิศครั้งนั้น ระดับจักรพรรดิที่ร่วงหล่น ณ ที่แห่งนี้มีมากขนาดไหน!

เมื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว ในใจหลินสวินก็สะท้านสะเทือนไม่หาย

ไม่กี่สิบปีก่อนไอวิญญาณฟื้นคืน

วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิก็พลอยถือกำเนิดขึ้นด้วย

ทำเอาสนามรบโบราณอย่างสุสานสมุทรฝังมรรคแห่งนี้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิงในพริบตา!

ที่ทำให้ในใจหลินสวินบีบรัดคือ วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิที่ตื่นรู้มีปัญญาเหล่านั้น… เกือบจะเก้าส่วนล้วนมาจากขุมอำนาจแปดดินแดนทั้งสิ้น

ในกระบวนการเปลี่ยนแปลง วิญญาณอาฆาตเหล่านี้จับกลุ่มรวมตัว ร่วมกันโจมตีสังหาร และกลืนกินพลังเจตจำนงที่หลงเหลือของผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณที่ร่วงหล่น

เป็นผลให้ในสุสานสมุทรฝังมรรคตอนนี้ กลายเป็นถิ่นอาศัยของขุมอำนาจแปดดินแดนไปเรียบร้อย!

นี่ทำให้หลินสวินอดนึกถึงตอนที่เข้าร่วมสมรภูมิเก้าดินแดนในปีนั้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ศัตรูแปดดินแดนเหล่านั้นหยิ่งผยองจองหองและบ้าคลั่งแค่ไหน มองผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเป็น ‘แพะสองขา’ ดูแคลนและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอย่างถึงที่สุด

และตอนนี้ หากปล่อยให้วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิที่เป็นส่วนหนึ่งของแปดดินแดนรวมตัวพุ่งออกไป เช่นนั้นสำหรับสรรพชีวิตนับไม่ถ้วนในโลกชั้นล่างแล้ว ย่อมเป็นหายนะประหนึ่งทำลายล้างอย่างแน่นอน!

แต่ขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็นว่า จากความทรงจำของวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิเมื่อครู่ ในสุสานสมุทรฝังมรรคมีแท่นมรรคเก่าแก่แท่นหนึ่งกำราบอยู่ที่นี่เรื่อยมา หากไม่ทำลายการกักขังของพลังแท่นมรรคนี้ ไม่ว่าวิญญาณฆาตตนใดก็ไม่สามารถหลุดพ้นพันธนาการได้

หรือกล่าวได้ว่าสุสานสมุทรฝังมรรคในตอนนี้ก็เหมือนกรงขังธรรมชาติแห่งหนึ่ง หลายสิบปีมานี้จองจำวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิเหล่านี้ไวภายในมาโดยตลอด

แต่ทันทีที่แท่นมรรคที่ดุจดั่งกรงขังนั้นถูกโค่นโจมตี…

ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูนรก!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์