ตอนที่ 2354 สถานการณ์อลหม่าน ผู้คนไม่ล่วงรู้
ลมทะเลพัดผ่าน ไอวิญญาณโหมกระหน่ำไหลหลั่ง
เปรียบเทียบกับปีนั้นยามหลินสวินอยู่โลกชั้นล่าง เพียงไอวิญญาณที่อบอวลอยู่กลางฟ้าดินก็ยังเข้มข้นไม่ใช่แค่ร้อยเท่าพันเท่า
สามารถนำไปเทียบกับดินแดนใหญ่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราได้อย่างสิ้นเชิง!
ยามหลินสวินก้าวเดิน ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้ ไอวิญญาณยังฟื้นคืนอย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ว่ามรรควิถีของข้าอาจได้ทะลวงระดับในโลกชั้นล่างนี้?
จากนั้นหลินสวินก็ส่ายหัว
ตอนนี้แค่เดินเข้ามาใน ‘แดนหมื่นมรรค’ ที่เดิมควรเป็นอาณาเขตของจักรวรรดิจื่อเย่าก็ทำให้เขาไม่อาจไม่กดพลังปราณรอบกาย วางตัวอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นแรก
คิดรอให้โลกนี้เปลี่ยนแปลงจนสามารถทำให้ตนทะลวงปราณระดับจักรพรรดิขั้นห้าได้ ยังไม่รู้ว่าต้องรอนานเท่าไหร่
ทันใดนั้น…
คลื่นการต่อสู้ระลอกหนึ่งสะเทือนขึ้นแต่ไกล
จิตรับรู้ของหลินสวินกวาดมองไปโดยไม่รู้ตัว พลันเห็นเด็กสาวสวมชุดกระโปรงแดงเพลิง ผิวขาวดุจหิมะ งดงามพริ้มเพราคนหนึ่งกำลังถูกล้อมโจมตี สถานการณ์ล่อแหลมอันตราย
นางมีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด คู่ต่อสู้กลับเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าสามคน ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็จัดการนางได้ทั้งสิ้น
หลินสวินสังเกตเห็นว่าที่เด็กสาวชุดแดงคนนี้สามารถยืนหยัดได้ถึงตอนนี้โดยไม่แพ้ ก็เป็นเพราะนางครอบครองสมบัติอริยะโบราณที่แข็งแกร่งมากชิ้นหนึ่ง
นั่นคือแส้อ่อนแดงชาดดุจเพลิงผลาญเส้นหนึ่ง ปกคลุมด้วยพลังกฎเกณฑ์อริยมรรคที่ลึกลับอัศจรรย์ ทุกครั้งที่เฆี่ยนแส้ออกไป ล้วนหยิ่งผยองดุดันราวกับมังกรเพลิงคลั่งระบำ
อาณาเขตทะเลใกล้เคียงมีผู้ฝึกปราณมากมายชมการต่อสู้ ล้วนไม่มีใครแทรกแซง สายตาของพวกเขาที่มองคนทั้งสามซึ่งล้อมโจมตีเด็กสาวชุดแดงนั้น ล้วนเจือความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ
เห็นชัดว่าสามคนนั้นมีที่มาไม่ธรรมดา
หลินสวินสังเกตเห็นว่าชายสามหญิงสองที่เคยเจอตรงทะเลกลืนวิญญาณก่อนหน้านี้ก็กำลังชมการต่อสู้อยู่เช่นกัน
จากนั้นหลินสวินก็คิดเก็บจิตรับรู้กลับมาแล้วเร่งเดินทางต่อไป
การต่อสู้ระดับนี้ไม่ดึงดูดความสนใจของเขาอย่างสิ้นเชิง ทั้งไม่มีความคิดจะเข้าไปยุ่งด้วย แม้ว่าสถานการณ์ของเด็กสาวชุดแดงนั้นจะล่อแหลมอันตราย แต่ในชั่วขณะหนึ่งก็ไม่มีทางพ่ายแพ้แน่
เพียงแต่ตอนที่เขาคิดเก็บจิตรับรู้กลับมา เด็กสาวชุดแดงคนนั้นพลันตวาดเสียงใส “คิดจัดการตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออกของข้าก็มาอย่างเปิดเผย เพื่อบีบบังคับให้ท่านปู่ของข้าก้มหัว พวกเจ้ากลับใช้ลูกไม้สกปรกเช่นนี้ ไม่กลัวขายหน้าหรือ”
ใบหน้างามของนางเยียบเย็น นัยน์ตาคู่งามแทบลุกเป็นไฟ
ตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออก!
หลินสวินอึ้งไป นั่นไม่ใช่ตระกูลของเย่เสี่ยวชีหรือ
“แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่น่าเกรงขาม เสียทีที่พวกเจ้าเป็นสำนักใหญ่โด่งดังของดินแดนรกร้างโบราณ กลับมารังแกคนรุ่นหลังคนหนึ่งอย่างข้า หน้าด้านอย่างที่สุดจริงๆ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ วันนี้ต่อให้ข้าเย่หลิงซวงต้องตาย ก็ไม่มีทางให้พวกเจ้าทำสำเร็จแน่!”
เด็กสาวชุดแดงที่เรียกตัวเองว่าเย่หลิงซวงนั้นดูโมโหอยู่บ้าง หรือกล่าวได้ว่านางสังเกตเห็นแล้วว่าสถานการณ์ของตนไม่สู้ดีอย่างยิ่ง
แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!
เมื่อได้ยินคำนี้ นัยน์ตาดำของหลินสวินพลันวาบประกายเย็นเยียบ
หวนนึกถึงปีนั้น ยามเขาเข้าไปในดินแดนรกร้างโบราณครั้งแรกก็เคยผูกแค้นกับผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ในหลายปีนั้นขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณนี้เคยลงมือนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อสังหารเขาหลินสวิน
‘น่าสนใจ คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็มาโลกชั้นล่างแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงของโลกชั้นล่างก็คงทำให้ขุมอำนาจสำนักของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นน้ำลายหกแล้ว…’
ยามหลินสวินครุ่นคิดก็ก้าวเข้าไปแล้ว
“หืม? เป็นเจ้าหมอนั่น”
ขณะเดียวกันชายสามหญิงสองที่เคยมีวาสนาได้พบกับหลินสวินครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ ล้วนสังเกตเห็นหลินสวินแล้ว ต่างอึ้งไปอย่างอดไม่ได้
โดยเฉพาะยามที่เห็นหลินสวินเดินตรงเข้าไปในการต่อสู้ หญิงสาวที่สีหน้าเยียบเย็นหยิ่งทะนงนั้นกล่าวถากถางอย่างอดไม่ได้
“แม้แต่ชื่อของแดนหมื่นมรรคยังไม่รู้จัก ยังคิดไปเล่นละครวีรบุรุษช่วยสาวงาม เจ้าหมอนี่… ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยไม่หวั่นกลัวจริงๆ”
ชายรูปงามผมเขียวที่เป็นผู้นำเลิกคิ้วพลางกล่าว “ดีร้ายอย่างไรก็ถือว่าพบกันโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง กล่าวเตือนเขาสักหน่อยจะดีกว่า”
เขาพูดพลางกล่าวกับหลินสวิน “สหาย นี่คือความแค้นระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์กับตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออก ไม่อาจแทรกแซงได้”
หลินสวินโบกมือ “ขอบคุณที่กล่าวเตือน”
แต่เขายังก้าวต่อไป หญิงสาวหยิ่งทะนงคนนั้นเห็นดังนี้แล้วกล่าวเยาะเย้ยขึ้นมา “พี่เว่ย เห็นหรือยัง คนเขาไม่รับน้ำใจแต่แรก”
ในดวงตาของชายรูปงามผมเขียวก็ฉายแววไม่พอใจ จากนั้นก็กล่าวทอดถอนใจเบาๆ “ถึงอย่างไรพวกเราก็ถือว่ากล่าวเตือนแล้ว ในเมื่อเขายืนกรานว่าจะเข้าไปยุ่ง เรื่องความเป็นความตาย แน่นอนว่าเขาต้องแบกรับด้วยตัวเอง”
เขาและพวกพ้องข้างกายล้วนเผยความหยิ่งทะนงที่คล้ายมีคล้ายไม่มี
ถึงอย่างไรคนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็มีพลังปราณระดับอริยะ ส่วนชายรูปงามผมเขียวยิ่งมีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ ทุกคนในที่นี้เกือบทั้งหมดล้วนไม่ถูกพวกเขาเห็นอยู่ในสายตา
ขณะเดียวกันผู้ฝึกปราณที่ชมการต่อสู้ใกล้ๆ ทยอยเห็นหลินสวินที่เดินไปทางสนามรบ ต่างอดตะลึงไม่ได้
“เจ้าหมอนี่เป็นใคร นี่เขาจะแทรกแซงเรื่องของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์หรือ”
“ดูแปลกหน้ายิ่ง ไม่เคยเห็นมาก่อน น่าจะใช่พวกร้ายกาจอะไร”
“นี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ ใครไม่รู้บ้างว่าตั้งแต่สิบปีก่อน หลังจากผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มาเยือนก็หมายตาอาณาเขตแถบนี้ของทะเลตะวันออก สิบปีมานี้ขุมอำนาจเล็กใหญ่เลือกสวามิภักดิ์นานแล้ว มีเพียงตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออกที่ยังดึงดันถึงปัจจุบัน!”
“ดึงดัน? ข้าว่าอีกไม่นานคงได้พินาศย่อยยับแน่”
…ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างวิพากษ์วิจารณ์
เย่หลิงซวงเด็กสาวชุดแดงคนนั้น รวมถึงผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สามคน ล้วนสังเกตเห็นการปรากฏตัวของหลินสวินเช่นกัน
เย่หลิงซวงรู้สึกยินดีเป็นอันดับแรก แต่เมื่อเห็นว่าหลินสวินเป็นชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่ง ทั้งยังมาแค่คนเดียว ในแววตาจึงเผยความผิดหวังอย่างอดไม่ได้
ส่วนผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สามคนนั้นต่างมุ่นคิ้ว เผยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา
“สหาย ขอเตือนเจ้าให้จากไปเสียตอนนี้ อย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นจะเจอหายนะถึงตาย!”
ชายที่มีผมเผ้าหนวดเคราราวกับทวน นัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนีคนหนึ่งตวาดลั่น ไม่อำพรางแววข่มขู่แม้แต่น้อย กลิ่นอายทั้งตัวเขาปลดปล่อยออกมา ทำให้บริเวณใกล้เคียงเกิดเสียงอุทานมากมาย
พวกชายรูปงามผมเขียวกลับยิ้มพลางส่ายหัว อานุภาพแค่นี้ก็ได้แต่ระรานคนธรรมดาพวกนั้น
กลับเห็นว่าหลินสวินคล้ายไม่รับรู้อะไร สายตามองแค่เย่หลิงซวงพลางเอ่ยถาม “เย่เสี่ยวชีเป็นอะไรกับเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์