วันนั้นเย่เสี่ยวชีออกคำสั่งให้ปิดข่าวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน
เย่เสี่ยวชีกับหลินสวินต่างรู้ดีว่า เรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะวิญญาณเมฆาเหินไม่มีทางปิดบังไปได้ตลอด
แต่ขอแค่ไม่มีใครรู้ว่าเขาหลินสวินเป็นคนทำชั่วคราวก็พอแล้ว
ในวันนั้นหลินสวินออกเดินทาง มุ่งหน้าไปนครต้องห้ามแห่งจักรวรรดิจื่อเย่า
วู้ม!
ในส่วนลึกของชั้นเมฆที่คนทั่วไปไม่อาจสังเกตเห็น ลำแสงสายหนึ่งที่จางจนไร้เงากำลังเหินอากาศไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าฟ้าดินแถบนี้จะกำราบหลินสวินอย่างหนัก ทำให้พลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสี่ขั้นสมบูรณ์ทั้งตัวเขาถูกบีบกดลงมาอยู่ระดับจักรพรรดิขั้นแรก
แต่ความเร็วของหลินสวินก็ยังว่องไวขึ้นเรื่อยๆ ใช่ว่าคนธรรมดาจะเทียบได้
ถึงตอนท้ายจึงเหมือนจุดแสงรางๆ ทุกการเคลื่อนไหวจะส่องประกายกลางอากาศเพียงเล็กน้อยแล้วหายไปนอกระยะหมื่นจั้ง
“แกว๊ก!”
บนเวิ้งฟ้ามีนกปีศาจมากมายครองพื้นที่อยู่ นกปีศาจตัวใหญ่หลายพันจั้งบางส่วนปรากฏตัวเป็นกลุ่มกลางอากาศ เมื่อเห็นว่ามีมนุษย์บุกเข้ามาในน่านฟ้าของสัตว์ปีกอย่างพวกมันจึงไม่พอใจอยู่บ้าง คิดจะให้บทเรียนสักหน่อย แต่เพียงพริบตาก็ถูกหลินสวินสลัดทิ้งไว้เบื้องหลังเสียห่างไกล
พวกที่กล้าขวางทางอยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะมีปราณและพลังที่น่ากลัวแข็งแกร่งระดับใดก็ถูกชนจนร่างแหลกในพริบตา
ในใจหลินสวินลุกโหมร้อนเร่าดั่งเปลวเพลิง
ตั้งแต่รู้ข่าวว่าคนในตระกูลหลินและเชื้อพระวงศ์แห่งจักรวรรดิหายตัวไปอย่างประหลาดก็ทำให้หลินสวินใจหล่นวูบ
ส่วนข่าวที่ขุมอำนาจอย่างสำนักศึกษามฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณ โถงทองคำประสบเคราะห์ก็ยิ่งทำให้ไอสังหารในใจหลินสวินพลุ่งพล่าน
หวนนึกถึงปีนั้น เขาท่องอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณเพียงลำพัง สถานการณ์ยากเข็ญ เป็นศัตรูกับคนทั้งโลก ผงาดจากการนองเลือดและฆ่าฟันตลอดทาง ด้วยเหตุนี้จึงผูกอาฆาตกับสำนักโบราณมากมาย
เมื่อการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนปิดฉาก หลังจากเขาสร้างชัยชนะยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ให้ดินแดนรกร้างโบราณ ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาหลินสวินอีก
ต่อให้เป็นสำนักใหญ่อย่างสำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ไม่กล้ากดดันและหมายหัวเขาเหมือนก่อนหน้านี้อีก
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าขุมอำนาจศัตรูในปีนั้นพวกนี้ หลังจากมาถึงโลกชั้นล่างก็ทำลายขุมอำนาจอย่างสำนักศึกษามฤคมรกต ด้วยมีสาเหตุจากเขาหลินสวินคนเดียว!
‘คิดว่าข้าหลินสวินหายไปแล้วจริงหรือ…’ ไอสังหารในใจหลินสวินพวยพุ่ง แววตาก็ราบเรียบและเฉยชายิ่งกว่าเดิมแล้ว
จากตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออกถึงนครต้องห้าม หากเป็นก่อนหน้านี้คงห่างกันไม่กี่หมื่นลี้
แต่หลังจากไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา อาณาเขตทั่วจักรวรรดิจื่อเย่าแผ่ขยายไปสิบเท่าร้อยเท่า เปลี่ยนไปจนต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิงแล้ว
ด้วยความเร็วของหลินสวินตอนนี้ยังต้องเคลื่อนที่ไปหลายชั่วยาม กว่าจะเข้าใกล้อาณาเขตที่เดิมมีนครต้องห้ามตั้งอยู่
ตลอดทางนี้เขาผ่านเมืองมามากมาย สัมผัสได้ว่าในเมืองพวกนั้นมีหลายกลิ่นอายแฝงตัวอยู่ ระดับอริยะมีจำนวนไม่น้อย ผู้แข็งแกร่งที่สุดถึงขั้นมีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ
ในพื้นที่รกร้างว่างเปล่าก็อันตรายยิ่งกว่า กลายเป็นภาพดึกดำบรรพ์ดั้งเดิม เทือกเขาสูงต่ำเรียงราย มีนกปีศาจสัตว์อสูรมารทุกแห่งหน
กลางภูผาธารานั้น สิงสาราสัตว์ร้องคำรามสะเทือนใต้หล้า หลินสวินถึงขั้นเห็นว่ามีตะขาบเขียวมรกตยาวหลายพันจั้งตัวหนึ่งขดร่างเป็นสันเขา กินหมอกดื่มน้ำค้าง เคร่งขรึมมีสง่า
มีพญาอสูรมารที่ผงาดผยองล้นฟ้ากำลังห้ำหั่นและต่อสู้กันกลางทุ่งรกร้าง ปั่นป่วนเมฆลม เป้าหมายคือเพื่อแย่งชิงอาณาเขต
นอกจากนี้ยังมีเผ่าอสูรมารอื่นมากมาย ต่างฝ่ายต่างฆ่าฟันเพื่อยึดครองอาณาเขต ทรงพลังแข็งแกร่ง ประหนึ่งตั้งตนเป็นราชันครองภูเขา
ผู้นำสัตว์อสูรมารที่ครองอาณาเขตแห่งหนึ่งในใต้หล้าพวกนี้ เกือบทั้งหมดล้วนมีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ พวกย่ำแย่หน่อยก็มีพลังปราณระดับอริยะ!
จักรวรรดิจื่อเย่าในอดีตไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
แต่เท่าที่เห็นตลอดทาง ล้วนไม่เจอระดับจักรพรรดิแท้สักคน
‘ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา กำลังล้มล้างและเปลี่ยนแปลงทุกอย่างบนโลกนี้…’
หลินสวินทอดถอนใจ
ก่อนหน้านี้ราชันระดับอมตะเคราะห์ล้วนเรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในจักรวรรดิจื่อเย่า ปัจจุบันอสูรมารทั่วไปตัวหนึ่งกลับทัดเทียมอริยะได้!
ยามใคร่ครวญหลินสวินมองเห็นนครต้องห้ามที่อยู่ไกลออกไปแล้ว!
ห้าสิบปี สำหรับเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิจื่อเย่าถือเป็นเวลาที่เนิ่นนานมากแล้ว นครต้องห้ามในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก อยู่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน
เขาทอดมองลงมาจากฟ้าสูง ก็เห็นภูเขาเทพสูงหลายหมื่นจั้งลูกแล้วลูกเล่าผุดขึ้นมาจากพื้นดิน หอดูดาวหลวงที่เดิมสูงที่สุดในนครต้องห้าม ปัจจุบันเมื่ออยู่ต่อหน้าภูเขาเทพที่สูงเสียดฟ้าพวกนี้ กลับเห็นได้ว่าเล็กจ้อยเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองเหมือนโลกใบเล็กแห่งหนึ่ง อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลเป็นอย่างยิ่ง
กลางฟ้าดินมีแสงมงคลงามแปลกตาพวยพุ่ง กระแสลมมหามรรคมากมายราวกับน้ำตกแสงเทพที่โน้มลงมา ม้วนซัดอยู่บนท้องฟ้าเหนือนครต้องห้าม
มองจากไกลๆ ก็เหมือนที่พำนักของทวยเทพ ดูศักดิ์สิทธิ์และกว้างใหญ่ไพศาล
แม้แต่หลินสวินยังอดตะลึงไม่ได้ หลายปีนี้เขาท่องไปทั่วฟ้าดารา พบเจอเมืองและโลกหล้าที่วิเศษเหนือธรรมดามานับไม่ถ้วน
แต่ดินแดนที่สามารถครอบครองกลิ่นอายอย่างนครต้องห้าม กลับพบเห็นได้ไม่มากนัก!
เท่านี้ก็มองออกแล้วว่าทำไมนครต้องห้ามถึงถูกมองเป็น ‘แดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นมรรค’ การแปรสภาพห้าสิบปีทำให้เมืองหลวงของจักรวรรดิในอดีตแห่งนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ขณะหลินสวินครุ่นคิดก็ยังคงเคลื่อนไหว ลอยล่องลงมาแล้วมุ่งหน้าไปยังนครต้องห้าม
ภูเขาชำระจิตคืออาณาเขตของตระกูลหลิน จัดอยู่ใน ‘เจ็ดสิบสองภูเขาแห่งตระกูลทรงอิทธิพล’ ก่อนที่ไอวิญญาณจะฟื้นคืนกลับมาก็เรียกได้ว่าเป็นแดนสมบัติเลื่องชื่อบนโลก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์