Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2413

สรุปบท ตอนที่ 2413 ตระกูลเหวิน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2413 ตระกูลเหวิน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2413 ตระกูลเหวิน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2413 ตระกูลเหวิน

ในม่านนภาผนึกมรรค

ภัยพิบัติประหลาดและอัปมงคลกลายเป็นกระแสน้ำหลาก ม้วนพัดอยู่ภายในเหมือนลมกาฬวาต กลิ่นอายน่ากลัวนั้นสามารถฉีกทึ้งระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามได้อย่างง่ายดาย

แท่นมรรคข้ามแดนเคลื่อนตัวอยู่ในนั้น ปลดปล่อยพลังอมตะลึกลับออกมาจึงหักล้างพลังนี้ได้ เพียงแต่ความเร็วกลับเปลี่ยนเป็นช้าลง

หลินสวินเงยหน้ามองออกไป

ม่านนภาผนึกมรรคถูกมองเป็นเขตผนึกในมิติจักรวาล ต่อให้เป็นระดับอมตะก็ไม่กล้าเหยียบย่างเข้ามาโดยง่าย

เมื่อเข้ามาอยู่ในนี้จริงๆ หลินสวินจึงรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของม่านนภาผนึกมรรค ต่อให้มีพลังของแท่นมรรคข้ามแดนคุ้มครอง แต่แค่มองจากไกลๆ ก็พาให้คนอกสั่นขวัญแขวน

คนอื่นที่ยืนอยู่บนแท่นมรรคข้ามแดนก็กำลังสังเกตการณ์ สีหน้าแตกต่างกันออกไป

“ทุกท่าน”

ทันใดนั้นชายชราระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ผมหงอกขาวคนหนึ่งเอ่ยปาก ดึงดูดสายตาทุกคน

เขายิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “ข้าผู้ชรามีข้อเสนอ ในเมื่อพวกเรามีวาสนาเข้าไปในประตูข้ามแดนปฐพีด้วยกัน ไม่สู้สร้างพันธมิตรกันเป็นอย่างไร เท่าที่ข้ารู้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาสหายยุทธ์ผู้ร่วมวิถีที่มุ่งหน้าไปแดนใหญ่พันศึกแต่ละกลุ่มล้วนทำเช่นนี้”

ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา นัยน์ตาของหลายคนเปลี่ยนเป็นวาววาบ

ในแดนใหญ่พันศึกอันตรายเกินคาดเดา ไอสังหารรอบด้าน บนหนทางมุ่งสู่โลกยอดนิรันดร์เส้นนั้น ฝังซากศพและกระดูกจักรพรรดิไว้นับไม่ถ้วน

หากสามารถมีพวกพ้องร่วมเดินทาง แน่นอนว่าต้องดีกว่าต่างคนต่างเคลื่อนไหว

แต่ก็มีคนสีหน้าเย็นชาไม่แยแส

เหมือนพวกฟางเสวียนเจิน พวกชายชุดคลุมยาวพาดกระบี่ รวมถึงเหล่าบุคคลขอบเขตมกุฎคนอื่นล้วนเมินความคิดเห็นนี้

ถึงขั้นมีคนยิ้มหยัน “เพื่อแย่งชิงกันในแดนใหญ่พันศึก เรื่องอย่างการฆ่าฟันกันเองมีจำนวนไม่น้อย สร้างพันธมิตรแล้วอย่างไร สุดท้ายไม่พร้อมใจช่วยกันระวังภัย ต่างฝ่ายต่างป้องกันตัว เมื่อเจอเรื่องยากจัดการย่อมแตกแยกกระเซ็นกระสาย ไม่ต่างอะไรกับพวกหัวมังกุท้ายมังกร”

ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมาก็ได้รับการเห็นชอบจากผู้คนไม่น้อย

พวกเขามาจากโลกจักรวาลต่างๆ แต่ละคนล้วนมีอานุภาพเทียมฟ้าสะท้านดิน เหมือนนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่ในโลกของตัวเอง

ยิ่งเป็นบุคคลที่ผ่านเรื่องราวประสบการณ์ในโลกมามาก ยึดกุมพลังร้ายกาจอย่างพวกเขา ก็ยิ่งไม่มีทางเคลื่อนไหวพร้อมกันอย่างร่วมแรงร่วมใจ

“สร้างพันธมิตรนั้นย่อมได้ แต่ก็จำกัดอยู่แค่เรื่องเล็กน้อย หากเจอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นตายหรือตึงมือหาใดเปรียบจริง หากช่วยได้ก็จะช่วย”

ทันใดนั้นหนิงเต้าจื้อส่งเสียงหัวเราะเบาๆ มกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากโลกนิลถ้ำคูหาคนนี้ บุคลิกงามสง่า ท่าทางเยือกเย็น

ทันทีที่เขาเอ่ยปากก็ทำให้หลายคนใจสั่น

ชายชราระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ยื่นข้อเสนอในตอนต้นพลันยิ้มกล่าว “ที่สหายยุทธ์กล่าวมาทั้งหมดถูกต้องที่สุด เอาอย่างนี้ ผู้ยินดีร่วมมือเคลื่อนไหวด้วยกัน แค่แสดงท่าทีอย่างชัดเจนออกมาก็พอ”

ระดับจักรพรรดิส่วนใหญ่ที่ไม่เคยก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ ณ ที่นั้นพากันตอบรับเรื่องร่วมมือกันทันที

ทั้งเหมือนจะฟังคำสั่งของชายชราคนนี้กับหนิงเต้าจื้อด้วย

นี่ก็คือการกระทำที่มุ่งหาผลประโยชน์หลีกเลี่ยงอันตราย รวมกลุ่มบรรเทาทุกข์อย่างหนึ่ง ระดับจักรพรรดิพวกนั้นล้วนรู้ดีว่าการร่วมมือกัน สำหรับพวกเขาแล้วมีแต่ประโยชน์ ไม่ถึงขั้นมีอันตรายมากเท่าไหร่

เมื่อระดับจักรพรรดิที่แสดงท่าทีว่ายอมร่วมมือมีมากขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ในที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นพิกลอยู่บ้างแล้ว

คนที่ร่วมมือกันเหมือนกลายเป็นค่ายทัพใหญ่

ส่วนคนที่ไม่ร่วมมือนั้นต่างกลายเป็นกลุ่มเล็กๆ

ข้างกายบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างฟางเสวียนเจิน ชายชุดคลุมยาวพาดกระบี่ สิงมู่เทียน จักรพรรดิขวงหรู ยอดจักรพรรดิเสวียนซิง ล้วนมีระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งติดตามมาด้วย ต่างฝ่ายต่างมีกลุ่มก้อนขุมอำนาจของตนเอง

มีเพียงหลินสวินกับภิกษุอวิ้นหลิวที่มาจากอารามเสียงอสนีเล็กแห่งโลกเสียงอสนีใหญ่เท่านั้นที่ยืนอยู่ด้านข้างเพียงลำพังมาตลอด เห็นชัดว่าแปลกแยกอยู่บ้าง

“สหายยุทธ์อวิ้นหลิว ไม่สู้เคลื่อนไหวไปพร้อมกับพวกเราเล่า”

หนิงเต้าจื้อยิ้มพลางกล่าวเชิญ

แน่นอนว่าบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างเขารู้ดีว่าหากดึงอวิ้นหลิวเข้าร่วมได้ ย่อมสามารถทำให้พลังของพันธมิตรนี้ยกระดับขึ้นอีกช่วงใหญ่

อวิ้นหลิวร่างผอมแห้งสวมจีวร เท้าสวมรองเท้าสาน ราวกับหินผาก้อนหนึ่ง เวลานี้เขาคิดดูครู่หนึ่งแล้วส่ายหัวกล่าว “อาตมาเดินทางเพียงลำพังจนเคยชินแล้ว”

นี่ก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธแล้ว

และทำให้คนที่ร่วมมือกันมากมายอดผิดหวังอยู่บ้างไม่ได้

หนิงเต้าจื้อกลับไม่ท้อถอย ยิ้มรับพลางกล่าว “ไม่ว่าอย่างไร หากสหายยุทธ์สนใจเข้าร่วมเมื่อไหร่พวกข้ายินดีต้อนรับทุกเมื่อ”

จากนั้นเขาเคลื่อนสายตามองหลินสวิน “สหายยุทธ์ เจ้ายินดีเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่”

หลินสวินส่ายหัว “ขออภัย ข้าก็ไปมาคนเดียวจนชินแล้ว”

หนิงเต้าจื้อยิ้ม มองความรู้สึกในใจเขาไม่ออกพลางกล่าว “ไม่เป็นไรๆ”

เวลานี้พลันมีคนแค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง “ตั้งกี่ปีมาแล้ว สถานที่ซอมซ่ออย่างทางเดินโบราณฟ้าดาราอุตส่าห์มีมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งอย่างเจ้าก้าวออกมา แต่กลับดึงดันทำตามใจ หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นในแดนใหญ่พันศึก ต้องพาให้คนเสียดายอย่างอดไม่ได้แน่”

หลินสวินเงยมองไป ก็เห็นว่าคนที่พูดคือระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งที่เข้าร่วมพันธมิตร ใบหน้าดูเหมือนชายหนุ่ม ความจริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งชัดๆ

ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างไม่พอใจที่หลินสวินปฏิเสธหนิงเต้าจื้ออยู่บ้าง

ความจริงสีหน้าของคนอื่นก็มีความไม่พอใจเช่นนี้อยู่ไม่มากก็น้อย

นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกแปลกอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ ยามอวิ้นหลิวปฏิเสธ คนพวกนี้แค่ผิดหวัง ไม่กล้าเผยความไม่พอใจใดสักนิด

แต่เมื่อถึงคราวตน แต่ละคนกลับมีท่าทางเช่นนี้ จากความแตกต่างนี้ก็มองออกว่ายามพวกเขาปฏิบัติตัวกับตน ไม่ได้เจือความเคารพเหมือนตอนปฏิบัติตัวกับอวิ้นหลิว

‘เป็นเพราะข้ามาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ทั้งชื่อเสียงยังไม่โด่งดังเหมือนอวิ้นหลิวรึ’ หลินสวินรู้สึกได้รางๆ ว่าน่าจะเป็นเช่นนี้

เขาใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วชี้นิ้วไปทางฟางเสวียนเจิน กล่าวกับบรรพจารย์จักรพรรดิที่เหมือนชายหนุ่มคนนั้นว่า

ชายชุดคลุมยาวพาดกระบี่เหมือนไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้แต่แรก สายตาจ้องมองแค่หลินสวิน เจือกลิ่นอายข่มขู่ผู้คนอย่างหนึ่ง

หลินสวินยิ้ม แต่กลับไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย “เจ้านับเป็นตัวอะไร ถึงกล้าพูดกับข้าเช่นนี้”

ก่อนหน้านี้เห็นชัดว่าเยียนอวี่โหรวทำไปเพื่อช่วยตน แต่ด้วยประโยคเดียวจึงถูกตบหน้า โดนหยามเหยียดจนอับอายไม่เหลือ

นี่ทำให้ในใจหลินสวินไม่วายกรุ่นโกรธเช่นกัน แน่นอนว่าไม่มีทางเกรงใจอีก

ฮือ!

แต่เมื่อเขาเอ่ยปากออกมา ทุกคนตรงนั้นแตกตื่น ล้วนอดส่งเสียงฮือฮาไม่ได้ เผยสีหน้ายากจะเชื่อ

“ฮ่า น่าสนใจ เจ้าถึงขั้นไม่รู้จักแม้แต่เหวินเซ่าเหิง ‘จักรพรรดิกระบี่อวี้เฟิง’ หนึ่งใน ‘ห้ายอดจักรพรรดิตระกูลเหวิน’ ที่มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวินเชียวรึ น่าสนใจ น่าสนใจเกินไปแล้ว”

ฟางเสวียนเจินที่เดิมก็มองหลินสวินเป็นศัตรูหัวเราะขึ้นมาเป็นคนแรก เจือแววถากถางอย่างรุนแรง

ทุกคนข้างกายเขาก็หัวเราะขึ้นมา

ตระกูลเหวิน!

เหวินเซ่าเหิง!

หลินสวินตระหนักได้ในทันทีว่าทำไมยามชายชุดคลุมยาวพาดกระบี่คนนี้ปรากฏตัว บรรพจารย์จักรพรรดิอวิ้นหยวนถึงดูกระตือรือร้นเช่นนั้น

ที่แท้อีกฝ่ายก็มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวินแห่งโลกยอดนิรันดร์!

เหวิน เหิง เผิง เฮ่อ

สี่เผ่าจักรพรรดิอมตะนี้ผลัดกันครองเมืองข้ามแดนนอกประตูข้ามแดนปฐพีมาตั้งแต่อดีตกาล แน่นอนว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถเทียบได้

ก็ไม่แปลกที่ยามพวกฟางเสวียนเจิน อวิ้นหลิว หนิงเต้าจื้อเห็นเหวินเซ่าเหิง จะเผยสีหน้าจริงจังหวาดกลัวออกมา

แต่ตอนนี้ในที่นั้นกลับปั่นป่วน ทุกคนต่างแปลกใจ เชื่อว่าประโยคนั้นของหลินสวินเท่ากับล่วงเกินเหวินเซ่าเหิงไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!

จริงดังคาด พลันเห็นสีหน้าเหวินเซ่าเหิงขรึมลงเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็น

“รนหาที่ตาย!”

หญิงชรานั่นปกป้องนายด้วยใจภักดิ์ ก้าวออกมาเป็นคนแรก จ้องมองหลินสวินด้วยสีหน้าเยียบเย็น “ตอนนี้เจ้าคุกเข่าขอโทษนายน้อยตระกูลข้าจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นแดนใหญ่พันศึกจะเป็นที่ฝังกระดูกของเจ้า!”

ประโยคเดียวทำให้ในที่นั้นเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด กดดันเป็นอย่างยิ่ง

ใครต่างก็รู้ว่าคนของตระกูลเหวินกล้าพูดเช่นไร ย่อมกล้าทำเช่นนั้น!

กลับเห็นหลินสวินสีหน้าไม่สะทกสะท้าน มองหญิงชราสีหน้าอึมครึมนั้นพลางกล่าวราบเรียบ

“ยายเฒ่า เจ้าควรยินดีที่ตอนนี้อยู่ภายใต้ม่านนภาผนึกมรรค มิฉะนั้นเจ้าคงตายด้วยประโยคนี้แล้ว”

……………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์