Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2417

สรุปบท ตอนที่ 2417 ประทับกักเทพ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 2417 ประทับกักเทพ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2417 ประทับกักเทพ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2417 ประทับกักเทพ

ฟางเสวียนเจินมั่นใจมาก

ยันต์สีทองนี้เป็นวิธีเอาตัวรอดของเขา ทั้งเป็นความมั่นใจที่ทำให้เขากล้ามาแดนใหญ่พันศึก

“หลิงเสวียนจื่อ ความแค้นนี้ข้าฟางเสวียนเจินจำไว้แล้ว!”

เขาลอบกัดฟันกรอด แววตาแฝงความคั่งแค้นบ้าระห่ำ

ลานสังหารที่ตั้งใจเตรียมไว้กลับทำให้ตัวเขาสูญสิ้นกำลังคน ถึงขั้นตกอยู่ในวิกฤติ เรื่องไม่คาดฝันนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

หืม?

ทันใดนั้นฟางเสวียนเจินพลันอึ้งงัน ในความเลือนรางรู้สึกว่าเหมือนมีแสงขาวสายหนึ่งส่องประกายอยู่เบื้องหน้า หยุดนิ่งไปชั่วพริบตา

ไม่รอให้เขาดึงสติกลับมา

ตูม!

เตาหลอมเรียบง่ายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า กำราบเขากับพลังของยันต์สีทองที่ปกคลุมรอบตัวเข้าไปในเตาหลอม

เตาหลอมนี้ แน่นอนว่าเป็นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

ก่อนหน้านี้ด้วยหลินสวินสำแดงอภินิหารหยุดเวลาจึงชิงโอกาสขวางฟางเสวียนเจินได้เสี้ยวหนึ่ง สุดท้ายก็พึ่งเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบอีกฝ่ายในคราเดียว

“ไม่…!”

ในเตากระบี่ฟางเสวียนเจินตกใจจนหน้าเสีย หวีดร้องตะโกนลั่น ดิ้นรนเหมือนเอาชีวิตเข้าแลก

ยันต์สีทองรอบกายเขาเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัส พลังระเบียบเป็นสายๆ ถักทอเข้าด้วยกัน วางแผนสลัดตัวออกจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

“ไป!” เมื่อหลินสวินโคจรเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง เพลิงหงส์ระเบียบและระเบียบนิพพานที่กลายสภาพเป็นดอกบัวปรากฏขึ้นพร้อมกัน

ฝ่ายแรกเปล่งประกายงามตระการ มีสีม่วงมลังเมลือง

ฝ่ายหลังเหมือนดอกบัวเบ่งบาน แผ่แสงเขียวมรกต

พลังระเบียบทั้งสองปรากฏ ก่อเกิดกลิ่นอายและแรงกดดันยากหยั่งถึง พลังระเบียบที่ยันต์สีทองนั้นปลดปล่อยออกมามืดสลัวเลือนรางลงทันที

สุดท้ายยันต์สีทองถูกกำราบอย่างสมบูรณ์

ฟางเสวียนเจินวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง ขนพองสยองเกล้า ในใจรู้สึกตื่นตระหนกถึงขีดสุด

นี่เพิ่งเป็นวันแรกที่เข้ามาในแดนใหญ่พันศึก หรือว่าตนจะประสบเคราะห์แล้ว

ปึง!

พลังน่าหวาดกลัวบีบกดลงมา เบื้องหน้าฟางเสวียนเจินพลันมืดมัว เป็นลมหมดสติไปทั้งอย่างนั้น

หลินสวินเก็บเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลงไปแล้วค่อยเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่

หากปล่อยให้ฟางเสวียนเจินหนีไปได้ อีกฝ่ายมีโอกาสสูงที่จะซ่อนตัว ถึงตอนนั้นหากคิดจับตัวก็คงยากสุดแสน

นี่ก็คือสาเหตุที่หลินสวินยอมใช้อภินิหารหยุดเวลาโดยไม่คำนึงถึงอะไร

ตอนนี้ฟางเสวียนเจินถูกกำราบแล้ว ด้วยวิธีของเขาย่อมเปิดปากของเจ้าหมอนี่ได้อย่างง่ายดาย ล้วงความลับเกี่ยวกับหินลับกระบี่ ‘ลับจิตดั่งคม’ ออกมา

กายมรรคทั้งห้าทะยานมาแต่ไกล ระดับจักรพรรดิที่ติดตามข้างกายฟางเสวียนเจินเหล่านั้นถูกกำจัดหมดแล้ว

แม้แต่ทรัพย์หลังศึกก็จัดการเรียบร้อย

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เก็บกายมรรคทั้งห้าลงไป

ฮูม…

กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพที่ปกคลุมกลางฟ้าดินนี้ถูกเก็บไปทันที กลายเป็นธงกระบวนเก้าสิบเก้าผืน ถูกหลินสวินเก็บไว้ในมือ

‘แม้ว่ากระบวนค่ายกลนี้จะร้ายกาจสู้มรรคสิ้นฟ้าอาสัญไม่ได้ แต่ถ้านำมาขังจักรพรรดิก็มีความอัศจรรย์พอ’

หลินสวินพินิจคร่าวๆ แล้วเก็บธงกระบวนชุดนี้ลงไป

คันฉ่องทองแดงสีดำที่อยู่ในการควบคุมของฟางเสวียนเจิน ก็คือจานกระบวนของกระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพ เมื่อฟางเสวียนเจินถูกกำราบ จานกระบวนก็ย่อมตกอยู่ในมือหลินสวินเป็นธรรมดา

กลางฟ้าดินสีเลือดไร้ขอบเขต ไอชั่วร้ายและอสนีบาตซัดโหมอยู่ใต้เวิ้งฟ้า

หลินสวินสำรวจมองโดยรอบเล็กน้อย กำลังคิดจะจากไป

ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาดุจอสนี มองไกลออกไปพลางกล่าว “ดูพอหรือยัง”

“สหายยุทธ์หลิงเสวียนจื่อฝีมือเยี่ยม พลิกเมฆคว่ำฝน บิดกลับฟ้าดิน ทำให้พวกข้าได้เปิดโลกทัศน์”

เสียงทอดถอนใจหนึ่งดังขึ้น

ก็เห็นว่ากลางอากาศเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง เงาร่างของพวกจักรพรรดิขวงหรูปรากฏออกมา

จักรพรรดิขวงหรูมาจากโลกยอดลำนำ สวมชุดบัณฑิตคาดเข็มขัดใหญ่ จอนผมขาวโพลน ช่วงเอวมีคัมภีร์สีเขียวเล่มหนึ่งคาดอยู่ ทั่วร่างอบอวลด้วยไอพลังยิ่งใหญ่

ระดับจักรพรรดิที่อยู่ข้างกายเขาเหล่านั้นล้วนสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับพวกคงแก่เรียนกลุ่มหนึ่ง บุคลิกต่างจากผู้ฝึกปราณคนอื่น

“ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้า”

หลินสวินเลิกคิ้ว เขาก็เคยได้ยินว่าผู้ฝึกปราณของโลกยอดลำนำล้วนปฏิบัติตัวตามวิถีบัณฑิต บำเพ็ญเพียรเพื่อไอพลังยิ่งใหญ่ เทิดทูนตะวันจันทรา สายตากว้างขวาง เทียบกับสำนักพุทธแล้วต่างมีจุดเด่นของตัวเอง

“สหายยุทธ์ไม่ต้องกังวลมากเกินไป พวกเราแค่บังเอิญผ่านมาได้จังหวะ ไม่มีเจตนาร้ายแน่นอน”

จักรพรรดิขวงหรูกล่าวเสียงดังกังวานเหมือนกลองระฆัง ราวกับท่องคัมภีร์แก่นอัศจรรย์ ท่วงท่าสง่าผ่าเผย ทำให้ผู้คนยากจะมีใจต่อต้าน

“อย่างนั้นหรือ” หลินสวินพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะขอไปก่อน ขอลา”

พูดจบเขาก็หันหลังจากไป

ที่จำนวนมากที่สุดก็คือผลึกต้นกำเนิดจักรวาล มีมากถึงหนึ่งหมื่นก้อน ทั้งระดับคุณภาพยังเป็นชั้นหนึ่ง มูลค่าชวนตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ยังมีโอสถเทพที่นำมาใช้ฝึกปราณหลายสิบอย่าง เจตวัตถุที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติจากธรรมชาติเกือบร้อยชนิด รวมถึงสมบัติจักรพรรดิที่อานุภาพเกินคาดเดาสี่ห้าชิ้น

มีประทับมรรค กลองปลา แส้หางม้า กำไลวิญญาณ…

ที่ทำให้หลินสวินสนใจที่สุดคือกระบี่จักรพรรดิเล่มหนึ่ง ยาวสองฉื่อ ขาวกระจ่างดุจหิมะ เจตกระบี่ดั่งสวรรค์ ให้ความรู้สึกแน่วนิ่งเหมือนไม่สั่นคลอนชั่วกาล สูงตระหง่านไม่ขยับ

อย่างน้อยก็เป็นขั้นวิญญาณระดับสูง!

กระบี่นี้สลักอักษรประหลาดไว้สองคำ ‘ครองอมตะ’ ด้ามกระบี่สั่งสมคุณสมบัติพิเศษราวไม่ดับสูญ ตัวกระบี่เห็นชัดว่าถูกพลังระเบียบหล่อหลอมมาก่อน แม้จะไม่มีพลังระเบียบ แต่กลับมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ของพลังระเบียบอยู่

“ทำไมกระบี่นี้ถึงไม่มีวิญญาณอาวุธ” หลินสวินขมวดคิ้ว

นกกระจอกเขียวกล่าว “ระดับขั้นของศาสตราจักรพรรดิไม่ได้แบ่งตามความแข็งแกร่งของวิญญาณอาวุธ ศาสตราจักรพรรดิที่มีวิญญาณอาวุธต้องสอนวิญญาณอาวุธให้ฝึกปราณตั้งแต่ระดับกำลังภายในซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานที่สุด ต้องใช้เลือดหัวใจและจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก ทั้งยังไม่แน่ว่าวิญญาณอาวุธจะแปรสภาพถึงระดับจักรพรรดิได้”

“เจ้าก็น่าจะรู้ดี หนทางแห่งการฝึกปราณยากลำบากและอันตรายระดับใด สำหรับวิญญาณอาวุธ การทะลวงระดับแต่ละครั้ง ด่านเคราะห์ที่ต้องเผชิญมักอันตรายกว่าผู้ฝึกปราณ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิญญาณอาวุธที่สิ้นชีพภายใต้มหาเคราะห์ทะลวงปราณนั้นมีจำนวนไม่น้อย”

“ต่อให้วิญญาณอาวุธบรรลุระดับจักรพรรดิ แต่ถึงตอนนั้นเมื่อมีสติปัญญา สภาวะจิต และมรรควิถีครบถ้วนแล้ว หากมรรคาที่เสาะหาขัดกับนายของมัน เช่นนั้นก็ไม่เข้าทีแล้ว”

เรื่องที่นกกระจอกเขียวพูดนี้ หลินสวินก็รู้ดี

แต่ประโยคต่อมากลับเป็นเรื่องที่หลินสวินไม่เคยใคร่ครวญมาก่อน

ก็เห็นนกกระจอกเขียวพูดว่า “ด้วยเหตุนี้ยามหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ ส่วนใหญ่จึงไม่เลือกบรรจุวิญญาณอาวุธ”

“อย่างกระบี่จักรพรรดิที่เจ้าเห็นตอนนี้ก็เหมือนกัน คุณลักษณะของมันเรียกได้ว่าอยู่ในระดับบนสุดของศาสตราจักรพรรดิแล้ว แต่กลับไม่บรรจุวิญญาณกระบี่”

หลินสวินพยักหน้า

เขารู้เรื่องพวกนี้ แต่กลับไม่เคยพิจารณาอย่างจริงจังมาก่อน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของตนต้องบรรจุวิญญาณอาวุธหรือไม่

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงส่ายหัว ไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก อย่างน้อยในตอนนี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจะมีวิญญาณอาวุธหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

เขาเก็บกระบี่มรรคครองอมตะและสมบัติทั้งหมดลงไป ตัดสินใจเริ่มเค้นถามเรื่องลับจิตดั่งคมกับฟางเสวียนเจิน

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดคือทั้งตัวฟางเสวียนเจินตกอยู่ในสภาพประหลาดอย่างหนึ่ง ราวกับตายไปแล้ว มีเพียงร่างกายที่ยังคงมีพลังชีวิตอยู่

แต่พลังจิตของเขากลับถูกพลังประหลาดผนึกไว้ชั้นหนึ่ง

“เจ้าหนูนี่ร้ายกาจจริง ถึงขั้นใช้ประทับกักเทพกับตัวเอง”

แค่แวบเดียวนกกระจอกเขียวก็มองออก ยิ้มหยันพลางกล่าว “วิชาลับนี้สืบทอดในโลกยอดนิรันดร์มานานแล้ว ในเผ่าจักรพรรดิอมตะบางส่วน ยอมวางพลังของประทับกักเทพไว้ในพลังจิตของพวกเขาเพื่อปกป้องคนในเผ่า ยามเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ขอเพียงเปิดใช้ประทับกักเทพก็จะปกป้องพลังจิตของตนได้ ไม่ถูกคนอื่นยึดครอง ต่อให้เป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิก็ทำอะไรไม่ได้”

นกกระจอกเขียวเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “เห็นชัดว่าประทับกักเทพในพลังจิตของเจ้าหนูนี่มีบิดาของเขาเป็นคนวางให้ อบอวลด้วยพลังอมตะ นี่ก็หมายความว่าต่อให้เจ้าฆ่าเขาตอนนี้ พลังจิตของเขาก็ไม่อาจถูกลบล้าง นอกเสียจากว่าเจ้าจะสลายพลังของประทับกักเทพนั้นได้”

หลินสวินเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าควรสลายอย่างไร”

………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์