อ่านสรุป ตอนที่ 2438 ด่านนภาอมตะด่านแรก จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2438 ด่านนภาอมตะด่านแรก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2438 ด่านนภาอมตะด่านแรก
ด่านนภาอมตะน้อยใหญ่สี่สิบเก้าด่านกระจายกันอยู่ในแดนใหญ่พันศึก
นอกแดนนรกเซินหลัวก็คือด่านนภาอมตะด่านแรก มีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เมืองตั้งต้น’
เป็นนัยว่าผู้ที่เข้ามาที่นี่ ล้วนเรียกได้ว่ามีคุณสมบัติเริ่มเดินทางต่อไปได้!
“กฎของเมืองตั้งต้นง่ายมาก ห้ามการเข่นฆ่าทั้งหมด ใครละเมิดกฎจะเลือกได้เพียงสองทาง”
“หนึ่งคือตาย”
“อีกหนึ่งก็คือถูกฝังคำสาปผนึกหมื่นยอด กลายเป็นทหารปกป้องเมือง ไม่อาจหลุดพ้นได้ชั่วชีวิต”
นกกระจอกเขียวเอ่ยชี้แนะ “อานุภาพของคำสาปผนึกหมื่นยอดเจ้าเคยผ่านตามาแล้ว สหายของเจ้าสองคนนั้นต่างถูกคำสาปนี้ควบคุมชีวิต หากเป็นเช่นนี้จะต่างอะไรกับตกเป็นทาส สู้ถูกฆ่าไปเสียเลยจะดีกว่า”
หลินสวินฟังอยู่เงียบๆ
“ถ้าข้าสันนิษฐานถูกต้อง ตอนนี้ขุมอำนาจที่คุ้มกันประตูเมืองอยู่มาจากขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหิง ย่อมมีบรรพจารย์มรรคผู้หนึ่งสั่งการ หาไม่แล้วคงไม่มีทางเขย่าขวัญระดับจักรพรรดิที่เข้าไปในเมืองเหล่านั้นได้”
นกกระจอกเขียวเอ่ย “ส่วนเรื่องอื่น รอเจ้าเข้าเมืองไปก็รู้แล้ว”
หลินสวินพยักหน้า ตรงดิ่งไปเหยียบลงบนแท่นมรรคสีดำรูปร่างคล้ายกงล้อนั้น
วู้ม…
เมื่อคลื่นห้วงอากาศระลอกหนึ่งไหลเวียน เงาร่างของหลินสวินก็หายลับไปทันที
……
ฟ้าดินเวิ้งว้าง หมู่ภูเขาสลับซับซ้อน
บัดนี้หลินสวินยืนอยู่หน้าเมืองใหญ่เก่าแก่ที่เกรียงไกรเด่นตระหง่านเมืองหนึ่ง ดูเล็กจ้อยเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับกำแพงเมืองกระดำกระด่างสูงถึงพันจั้งนั้น
อยู่ตรงนี้ไม่อาจดูออกสักนิดว่าเมืองนี้ใหญ่โตเพียงไหนกันแน่ แต่กลับสัมผัสกลิ่นอายที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานได้อย่างชัดเจน
หลินสวินหันหน้าไปก็เห็นหมู่ภูเขาไพศาล เมฆหมอกอบอวล ตัวภูเขาสูงต่ำเชื่อมต่อกันไกลสุดลูกหูลูกตา
‘นอกเมืองตั้งต้นมีแต่สถานที่มากอันตราย ข้าขอเตือนให้เจ้าเข้าไปในเมืองทันทีจะดีที่สุด อย่าเดินมั่วซั่ว’
นกกระจอกเขียวสื่อจิตเตือน มันกลับเข้าไปในถุงหอมแล้ว บอกว่ากังวลว่าถ้าฐานะของมันโดนมองออก จะสร้างความยุ่งยากให้หลินสวินโดยไม่จำเป็น
หลินสวินขานรับ สายตามองไปยังเมืองใหญ่อันเกรียงไกรเด่นตระหง่านนั้นอีกครั้ง
รอยดาบ รูกระบี่ ร่องรอยกระดำกระด่างเก่าแก่กระจายอยู่เต็มกำแพงเมือง กลิ่นอายกาลเวลาหนาหนักยากปิดบังนั้นเพิ่มความรู้สึกเวิ้งว้าง
พอจะเห็นคลื่นผนึกอันคลุมเครือไหลเวียนวับแวม ที่นี่เป็นด่านนภาอมตะด่านแรกของแดนใหญ่พันศึก ย่อมมีกระบวนค่ายกลประทับอยู่บนกำแพง คุ้มครองให้ที่นี่ผาสุก ผ่านเคราะห์สังหารชั่วกาลแล้วก็ยังไม่เสื่อมสลาย
ประตูเมืองโอ่โถงเก่าแก่สร้างขึ้นจากหินสีดำแกมเขียวที่หายากชนิดหนึ่ง สองฝั่งของประตูเมืองมีทหารยามสองกองเฝ้าอยู่
ล้วนสวมเกราะถืออาวุธ เงาร่างและใบหน้าถูกปกคลุมอยู่ใต้เกราะสีดำ แต่ดูจากกลิ่นอายที่อบอวลมาจากตัว ล้วนเป็นระดับจักรพรรดิขึ้นไป
พลังปราณอยู่ระหว่างระดับจักรพรรดิขั้นสามถึงระดับจักรพรรดิขั้นหกโดยประมาณ
ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังน่าตกตะลึงถึงที่สุด ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นมหาจักรพรรดิกลุ่มหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับเป็นผู้เฝ้าประตูหน้าด่านนภาอมตะแห่งนี้เท่านั้น
ตามคำพูดของนกกระจอกเขียว คนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกที่ในอดีตละเมิดกฎในเมือง จึงถูกผนึกวิญญาณไว้ กลายเป็นเพียงผู้คุ้มกันในเมืองตลอดกาล
หน้าประตูเมืองสูงตระหง่านมีหลินสวินเพียงคนเดียว ดังนั้นทันทีที่เขาปรากฏตัวก็ดึงดูดความสนใจของทหารยามสองกองนั้น
หลินสวินสีหน้านิ่งเฉย เดินตรงดิ่งไปข้างหน้า
“ป้ายประจำตัว” ทหารยามรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดเกราะสีดำ มือถือกระบี่สำริดยักษ์คนหนึ่งเอ่ยปาก ไอสังหารน่าหวาดหวั่น
หลินสวินส่งป้ายชื่อออกไป
ทหารยามหยิบมาดูแล้วมองหลินสวินอีกครั้ง ก่อนเอ่ยว่า “ผู้เข้าเมืองปกติต้องชำระผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งหนึ่งหมื่นก้อน ถ้าไม่พอก็ให้ใช้สมบัติมาแลก…”
ไม่ทันพูดจบหลินสวินก็โยนถุงเก็บของถุงหนึ่งออกไป ทหารยามตรวจดูรอบหนึ่ง แล้วจับจ้องหลินสวินอย่างอดไม่ได้คราหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ได้แล้ว”
ขณะพูดก็คืนป้ายประจำตัวให้หลินสวิน
หลินสวินพยักหน้า ตรงดิ่งเข้าไปในเมือง
“จำไว้ ห้ามต่อสู้หรือเข่นฆ่าในเมือง หาไม่แล้วไม่ว่าเจ้าเป็นใคร จะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่อาจรับไหวทั้งนั้น!”
เสียงเย็นชาของทหารยามลอยมา
หลินสวินกลับไม่หันกลับไป ไม่นานนักเงาร่างหายลับไปในประตูเมือง
“คนผู้นี้ฝ่าผ่านแดนนรกเซินหลัวคนเดียวได้ ต้องเป็นคนแข็งแกร่งคนหนึ่งแน่!”
ทหารยามที่อยู่บริเวณประตูเมืองวิจารณ์เสียงเบา
มีเพียงทหารยามที่ตรวจป้ายประจำตัวหลินสวินก่อนหน้านี้ที่กวักมือ ทันใดนั้นก็มีทหารยามร่างผอมบางคนหนึ่งเข้ามาใกล้
“ไปหอท้องฟ้า หาใต้เท้าเหวินเซ่าเหิง และบอกว่าเป้าหมายปรากฏตัวแล้ว”
“ขอรับ!”
ทหารยามผอมบางรีบร้อนจากไป
……
เมืองใหญ่โตมหึมา ถนนกว้างขวางหาใดเทียบ พบเห็นต้นไม้เก่าแก่หยั่งรากลดเลี้ยว ค้ำจุนยอดต้นไม้ค้ำฟ้าไปทุกที่ สิ่งก่อนสร้างเก่าแก่เรียงรายเป็นทิวแถว ตั้งอยู่ตามถนนน้อยใหญ่
นกกระจอกเขียวเอ่ย “คำสาปผนึกหมื่นยอดเชื่อมต่อผ่านวิญญาณ พลังสมบัติไม่อาจตัดขาดได้ พูดอีกอย่างก็คือ หากเหวินเซ่าเหิงคนนั้นอยู่ในเมืองตั้งต้นนี้ จะต้องสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเจ้าทันที”
หลินสวินร้องอ้คำหนึ่ง เอ่ยว่า “บุคคลชั้นสูงจากโลกยอดนิรันดร์อย่างเขา ถ้าละเมิดกฎในเมืองจะถูกลงโทษหรือไม่”
นกกระจอกเขียวคิดๆ แล้วเอ่ยว่า “โดยทั่วไปแล้วต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตจากเผ่าจักรพรรดิอมตะของโลกยอดนิรันดร์ ยังน้อยนักที่จะกล้าลงมือในเมืองนี้ แต่ในกรณีพิเศษบางครั้ง… อืม ต่อให้พวกเขาลงมือก็ต้องหาเหตุผลที่เพียงพอ”
“เช่นอะไร”
“สร้างสถานการณ์”
“สร้างสถานการณ์หรือ” หลินสวินอึ้งไป แววตาประหลาด
นกกระจอกเขียวเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเกิดเหวินเซ่าเหิงหาแพะรับบาปบางส่วนมาหาเรื่องเจ้า แล้วเจ้ากับแพะสู้กันขึ้นมา ในกรณีนี้ ถ้าแพะบอกว่าเจ้าลงมือก่อน แถมยังมีหลายคนยืนยันเรื่องนี้ เจ้าว่าหากเจ้าเป็นเจ้าเมืองจะลงโทษใคร”
หลินสวินคิดแล้วเอ่ยว่า “แม้วิธีนี้จะโกงไปหน่อย แต่ก็เป็นวิธีที่ได้ผลฉับไวที่สุดจริงๆ”
“แต่กุญแจสำคัญคือต้องดูท่าทีของเจ้าเมือง ถ้าเจ้าเมืองยินยอมพร้อมใจกับเรื่องนี้ อย่าว่าแต่สร้างสถานการณ์เลย ต่อให้ฆ่าเจ้าตรงๆ ก็ยังยัดข้อหาให้เจ้าได้”
เสียงนกกระจอกเขียวเผยแววถากถาง “กล่าวอย่างไม่เกินจริง ถ้าเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านี้อยากเก็บคนที่มาจากโลกพันจักรวาลอย่างเจ้า วิธีการมีถมเถ แต่ในกรณีทั่วไปไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้อย่างออกหน้าออกตาหรอก”
หลินสวินคิดๆ แล้วเอ่ย “พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าพวกเขาอยากจัดการใคร จะเลือกลงมือลับๆ ไม่กระโตกกระตากใช่ไหม”
นกกระจอกเขียวเอ่ย “ใช่แล้ว แต่โดยทั่วไปเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้น้อยยิ่ง ถึงอย่างไรสาเหตุที่ด่านนภาอมตะยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ ก็เพราะกฎที่ดำรงมาชั่วกาลไม่ได้ถูกใครทำลายได้ง่ายๆ”
“ต่อให้เป็นเผ่าจักรพรรดิอมตะที่จะผลัดกันควบคุมเมืองนี้เป็นช่วงๆ ปกติก็ยังไม่กล้าทำลายกฎที่ทุกคนร่วมกันตั้งขึ้น”
หลินสวินยิ้มขึ้นมา ดวงตาดำลุ่มลึก เอ่ยเบาๆ ว่า “แต่ข้าว่าเหวินเซ่าเหิงคนนี้… ไม่สนใจกฎพวกนี้หรอก…”
ขณะที่พูดเขาก็หลับตาลงช้าๆ เริ่มงีบหลับ ดูผ่อนคลายสบายใจ
นกกระจอกเขียวนิ่งคิด ไม่ออกความเห็น
มันรู้ดีที่สุดว่าเหวินเซ่าเหิงแค้นหลินสวินมากขนาดไหน ถ้ามั่นใจพอ ย่อมไม่มีทางอดทนไม่ลงมือเพราะเห็นว่าที่นี่เป็นด่านอมตะแน่
ในเวลาเดียวกันนั้น
ชั้นสูงสุดของหอสูงตระหง่านค้ำฟ้าแห่งหนึ่ง
ที่นี่คือหอท้องฟ้า อาคารเก่าแก่ที่สูงที่สุด โอ่โถงที่สุดในเมืองตั้งต้น
ขณะนี้เหวินเซ่าเหิงสวมชุดยาวสะพายกระบี่ ยืนพิงรั้วพลางทอดมองไปไกล เมืองใหญ่โตยืดยาวราวกับไร้สิ้นสุด ถนนเหมือนใยแมงมุม ตึกรามบ้านช่องเรียงราย คนสัญจรขวักไขว่…
ทิวทัศน์เกินกว่าครึ่งล้วนอยู่ในสายตา!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์