ท่านย่าเสวี่ยยืนอยู่ด้านหนึ่ง มองดูเหวินเซ่าเหิงที่ยืนพิงราวเงียบๆ ในใจเวทนาอย่างอดไม่ได้
หลังจากพ่ายแพ้ยับเยินคราวก่อน เหวินเซ่าเหิงก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลายเป็นเงียบเชียบไม่พูดจา ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่
แต่ท่านย่าเสวี่ยดูออก การพ่ายแพ้คราวนี้กระทบใจเหวินเซ่าเหิงยิ่งนัก กลายเป็นความเจ็บป่วยทางใจของเหวินเซ่าเหิงไปแล้ว
ถ้าไม่กำจัด จิตมรรคจะต้องได้รับผลกระทบ!
ทหารยามคนหนึ่งรีบร้อนเข้ามา ยืนอยู่ไกลออกไปแล้วก้มหัวคารวะ จากนั้นเอ่ยอย่างนบนอบว่า “ใต้เท้า ที่ประตูเมืองส่งข่าวมาว่าหลิงเสวียนจื่อผู้นั้นเข้าเมืองมาแล้วขอรับ”
ท่านย่าเสวี่ยหันขวับ ดวงตาดุจมีสายฟ้าพาดผ่าน โบกมือเอ่ยว่า “ออกไปเถอะ”
ทหารยามหมุนตัวจากไป
ท่านย่าเสวี่ยเอาตำราหยกที่มีคลื่นคลุมเครือเล่มหนึ่งออกมาพลิกเบาๆ สัมผัสเล็กน้อยก็สังเกตได้ทันทีว่ากลิ่นอายวิญญาณของหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวอยู่สักแห่งในเมือง!
นางสีหน้าปรีดา จิตใจกระปรี้กระเปร่า มองเหวินเซ่าเหิงแล้วเอ่ยว่า “นายน้อย เจ้าสารเลวนั่นเข้าเมืองมาแล้วจริงๆ!”
แต่ที่ทำให้ท่านย่าเสวี่ยงุนงงก็คือเหวินเซ่าเหิงเหมือนไม่มีการตอบสนองสักนิด สีหน้าดูสงบนิ่งและเรียบเฉย สายตามองไปไกลอยู่ตลอด
“นายน้อย?” นางเอ่ยอย่างอดไม่ได้
“ข้ารู้แล้ว”
ในที่สุดเหวินเซ่าเหิงก็เอ่ยปาก เขาหันไปมองท่านย่าเสวี่ย ในส่วนลึกของดวงตามีแต่ความแค้นและความเย็นชาเข้ากระดูก “ข้าติดต่อ ‘แดนเร้นนภา’ แล้ว พวกเขาจะส่งมือสังหารคนหนึ่งไปจัดการเจ้าหมอนั่น นี่เป็นป้ายคำสั่งเร้นนภา”
ระหว่างที่พูดเขาก็โยนป้ายคำสั่งหนึ่งออกมา มันใหญ่เท่าฝ่ามือ สีแดงฉานเหมือนเลือด พื้นผิวป้ายคำสั่งมีนัยน์ตาแนวตั้งสีเงินแปลกประหลาดดวงหนึ่งอยู่
ท่านย่าเสวี่ยเอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “นายน้อย ท่านรับเงื่อนไขของแดนเร้นนภาแล้วหรือ”
เหวินเซ่าเหิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เจ้าก็รู้ว่าบรรพจารย์ขั้นเก้าธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงเสวียนจื่อนั่นอยู่แล้ว และคิดจะฆ่าคนผู้นี้ที่เมืองตั้งต้นแห่งนี้โดยไม่ให้ใครล่วงรู้ มีแต่มือสังหารจากแดนเร้นนภาที่ทำได้”
“แต่… ค่าตอบแทนที่จ่ายไปนี้จะมากไปหรือเปล่า นั่นมันผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งสามล้านก้อนเชียวนะ…” ท่านย่าเสวี่ยคล้ายไม่อาจสงบใจ อารมณ์ว้าวุ่น
ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งสามล้านก้อน!
หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ เป็นความมั่งคั่งก้อนยักษ์ที่ทำให้บรรพจารย์มรรคยังหน้าเปลี่ยนสีได้!
และตอนนี้เพียงเพื่อฆ่าหลิงเสวียนจื่อก็จ่ายค่าตอบแทนขนาดนี้ นี่ทำให้ท่านย่าเสวี่ยรู้สึกว่าไม่คุ้มนัก
“ขอเพียงฆ่าหลิงเสวียนจื่อได้ จ่ายค่าตอบแทนพวกนี้ไปก็คุ้มค่า”
เหวินเซ่าเหิงเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ ในดวงตามีแต่ความเหี้ยมเกรียม “เจ้าเฒ่าเหิงเทียนซั่วผู้นี้ก็รับปากแล้ว ว่าเรื่องนี้จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าหลิงเสวียนจื่อจะรอดออกมาจากเมืองตั้งต้นนี้ได้หรือไม่!”
เหิงเทียนซั่ว!
คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งในเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหิง บรรพจารย์มรรคที่แท้จริงคนหนึ่ง ตอนนี้เป็นตัวแทนตระกูลเหิงควบคุมดูแลเมืองตั้งต้น ครองอำนาจเป็นเจ้าเมือง
ท่านย่าเสวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง รู้ว่าไม่อาจเกลี้ยกล่อมได้อีกแล้วจึงพยักหน้ารับทันที
นางใช้จิตรับรู้หยั่งเข้าไปในป้ายคำสั่งเร้นนภา ทันใดนั้นก็มีข้อมูลของมือสังหารคนหนึ่งปรากฏขึ้น
นกกระเรียน
อยู่อันดับที่หกของมือสังหารระดับจักรพรรดิแดนเร้นนภา
ตั้งแต่ปฏิบัติภารกิจมาถึงตอนนี้ ไม่พลาดสักครั้ง
เกือบพันปีมานี้ปฏิบัติภารกิจระดับจักรพรรดิขั้นเก้ามาสิบแปดครั้ง สังหารบรรพจารย์ขั้นเก้าไปสิบแปดคน!
…เนื้อหาต่อจากนั้นคือการบรรยายถึงผลงานการต่อสู้ต่างๆ ของ ‘นกกระเรียน’ ล้วนเรียกได้ว่าน่าตื่นตา ทำให้ท่านย่าเสวี่ยเห็นแล้วยังตกตะลึงไม่ว่างเว้น
‘อันดับที่หกของระดับจักรพรรดิ… มิน่าถึงแพงขนาดนี้…’ ท่านย่าเสวี่ยรำพึงในใจ
แดนเร้นนภา ขุมอำนาจมือสังหารที่ก็เรียกได้ว่าลึกลับในโลกยอดนิรันดร์แห่งหนึ่ง ทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะบางส่วนยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!
……
จวนเจ้าเมือง
ในเรือนอันเรียบหรูเงียบสงบแห่งหนึ่ง เหิงเทียนซั่วถือม้วนหยกลายกระดูกชิ้นหนึ่ง กำลังดูรายละเอียด
เขาสวมชุดขาวทั้งตัว ใบหน้าดั่งหยกยอดมงกุฎ มีเพียงจอนผมขาวโพลนทั้งสองที่เพิ่มกลิ่นอายกร้านโลก นั่งสบายๆ อยู่เช่นนั้นก็มีความสุขุมสง่างามอยู่ในที
จากรูปลักษณ์ภายนอกดูออกได้ยาก ว่าคนผู้นี้เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับบรรพจารย์ที่มีชีวิตมาหลายหมื่นปีผู้หนึ่ง เป็นบรรพจารย์มรรคอย่างแท้จริง
“อีกสามเดือนก็จะเปิด ‘แดนลับฝึกหลอม’ แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าคราวนี้จะมีระดับจักรพรรดิรอดออกมาได้กี่คน”
ครู่หนึ่งเหิงเทียนซั่วก็เอ่ยเบาๆ ครุ่นคิดตรึกตรอง
เสียงก้าวเท้าตึกๆ ระลอกหนึ่งดังขึ้น เหิงเทียนซั่วพลันเก็บงำความรู้สึก เอ่ยถามว่า “มีเรื่องอะไร”
“ใต้เท้า เมื่อครู่มีข่าวมาว่าเป้าหมายที่ถูกเหวินเซ่าเหิงจับจ้องเข้ามาในเมืองแล้วขอรับ” เด็กน้อยเครื่องหน้าเกลี้ยงเกลาคนหนึ่งเอ่ยเบาๆ
“หลิงเสวียนจื่อคนนั้นหรือ” เหิงเทียนซั่วถาม
“ใช่ขอรับ”
เหิงเทียนซั่วยิ้มแล้วโบกมือเอ่ยว่า “ไปเถอะ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจ อืม ถ้าเกิดความเคลื่อนไหวอะไร จำไว้ว่าต้องกดผลกระทบพวกนี้ อย่าให้ไปมาปั่นป่วนกฎระเบียบในเมือง”
“ขอรับ”
เด็กน้อยรับคำสั่งแล้วจากไป
‘บีบให้หนึ่งในห้ายอดจักรพรรดิอย่างเหวินเซ่าเหิงแพ้ยับเยินขนาดนี้ ถึงขั้นต้องอาศัยมือสังหารจากแดนเร้นนภามาลงมือ หลิงเสวียนจื่อนี่เป็นพวกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ…’
เหิงเทียนซั่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วส่ายหัว ‘ช่างเถิด ในเมื่อสร้างความแค้นกับตระกูลเหวิน เรื่องนี้ก็ให้เหวินเซ่าเหิงมาจัดการก็พอ’
เขาไม่สนใจเรื่องนี้อีก เล่นม้วนหยกลายกระดูกที่อยู่ในมือพลางคิดเรื่องแดนลับฝึกหลอมต่อ
….
ราตรีดุจน้ำหมึก
หลินสวินเยื้องย่างออกมาจากโรงเตี๊ยม เดินมือไพล่หลังไปยังถนนคับคั่งที่โคมไฟส่องสว่างไปทั่วนั้น
“รับซื้อดอกธารดาราเก้าเกสร มีเท่าไรเอาเท่านั้น!”
“ซาลาเปาปลาเกล็ดทองร้อนๆ จ้า สดฉ่ำเปลือกบาง เรียกได้ว่าล้ำเลิศ”
ถ้าไม่ใช่ว่าตลอดทางที่เข้ามาในแดนพันศึกนี้ หลินสวินสังหารเก็บเกี่ยวทรัพย์หลังศึกมหาศาลได้ตลอดทาง คงถึงขั้นซื้อมุกยมโลกไม่ได้สักเม็ด…
สุดท้ายเหิงอวิ๋นทงก็ยิ้มหน้าบานส่ง ‘แขกผู้มีเกียรติ’ อย่างหลินสวินออกจากร้าน มองส่งจนเงาร่างหลินสวินหายลับไป เขาถึงดึงสายตากลับมา มุมปากยกยิ้ม
หลิงเสวียนจื่อคนนี้ ก็คือเจ้าคนที่ทำให้เหวินเซ่าเหิงแพ้ยับเยินคนนั้นจริงๆ ด้วย!
เมื่อครู่ตอนจัดการและแลกเปลี่ยนสมบัติที่อยู่กับตัวหลินสวิน ทรัพย์หลังศึกส่วนมากล้วนมาจากระดับจักรพรรดิที่อยู่ข้างกายเหวินเซ่าเหิง สมบัติหลายชิ้นยังมีตราประทับของตระกูลเหวินอยู่
และก็เพราะจุดนี้จึงทำให้เหิงอวิ๋นทงระบุฐานะของหลินสวินได้
‘รอเจ้าตายแล้วข้าอาจจะไปเก็บศพให้เจ้า ส่วนสมบัติบนตัวเจ้า… ก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่เก็บศพให้เจ้าก็แล้วกัน…’
เหิงอวิ๋นทงครุ่นคิดจินตนาการ
……
หลังกลับมาโรงเตี๊ยม หลินสวินก็วางพลังผนึกแล้วเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา
‘รวมกับที่ซื้อมาวันนี้ ข้ามีมุกยมโลกสิบห้าเม็ดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้ลายมรรคนรกลายหนึ่งแปรสภาพได้ไหม…’
ขณะที่หลินสวินคิด มือก็เอามุกยมโลกเม็ดหนึ่งออกมาขยี้แหลกทันที
ทันใดนั้น
ละอองแสงสีเหลืองนวลเป็นริ้วๆ คล้ายของเหลวสีหยกก็ไหลลงไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
มองเห็นได้ว่าละอองแสงสีเหลืองนวลเหล่านี้ถูกลายมรรคนรกลายหนึ่งในนั้นดูดซับไปอย่างละโมบ หลอมเป็นพลังแห่งนรก
ลายมรรคนรกลายนี้ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาดบางอย่าง
ก่อนหน้านี้ตามคำพูดของนกกระจอกเขียว มุกยมโลกมีคุณประโยชน์น่าทึ่งต่อการหลอมสมบัติ ดังนั้นราคาของสมบัตินี้ในโลกยอดนิรันดร์จึงแพงลิบลิ่ว
หลังจากหลินสวินลองดู ถึงพบว่าพลังที่อยู่ในมุกยมโลกก็มีประโยชน์น่าตะลึงถึงที่สุดต่อการควบรวมลายมรรคนรกทั้งเก้าลายนั้น!
ก่อนหน้านี้ตอนเขารับซื้อมุกยมโลกมาก็คิดจะสะสมไว้มากหน่อย พยายามควบรวมมหามรรคนรกที่สมบูรณ์อีกสายออกมา
หลินสวินรู้สึกอยู่ตลอดว่าลายมรรคนรกเก้าลายนี้ต้องไม่ธรรมดา ไม่ใช่แค่ประทับมหามรรคที่แตกต่างกันสายหนึ่งไว้แน่ๆ
ยามตนควบรวมลายมรรคที่สมบูรณ์ทั้งเก้าสายนี้ออกมาได้สำเร็จ เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะแปรสภาพอีกขั้น!
กลางดึกหลินสวินบดขยี้มุกยมโลกเม็ดแล้วเม็ดเล่า พลังที่มีอยู่ในนั้นก็ถูกลายมรรคนรกในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งดูดซับไปทั้งหมด…
ค่ำคืนยิ่งดึกขึ้น
จู่ๆ ในใจหลินสวินก็ไหววูบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สัญชาตญาณการต่อสู้ที่ขัดเกลามาหลายปีทำให้เขาขยับร่างพริบไหวหายไปโดยพลันตามจิตใต้สำนึก
เกิดรอยแยกรอยหนึ่งบนพื้นใต้เท้าอย่างเงียบเชียบ ประกายดาบมืดหม่นไร้แสงสายหนึ่งไหววูบฉับไว
พลังผนึกที่ปกคลุมอยู่รอบห้องนั้นเสมือนไร้ตัวตน ถูกกรีดขาดอย่างง่ายดายกลายเป็นละอองแสงสลายไป
เก้าอี้ที่หลินสวินนั่งอยู่ตอนแรกก็กลายเป็นผุยผงปลิวว่อนไปด้วยอย่างรวดเร็ว
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์