Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2440

สรุปบท ตอนที่ 2440 การต่อสู้แห่งแสงเงา: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2440 การต่อสู้แห่งแสงเงา จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2440 การต่อสู้แห่งแสงเงา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2440 การต่อสู้แห่งแสงเงา

เหตุการณ์ต่อเนื่องล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว

เร็วจนเหลือเชื่อ

ทั้งยังลึกลับดุดันถึงขีดสุด!

หากไม่ใช่ว่าหลินสวินหลบทัน เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะถูกโจมตี!

ห้องคืนสู่ความเงียบสงัด

แสงมรรคทั้งตัวหลินสวินไหลเวียน ดวงตาดำเย็นชาจนน่ากลัว

โรงเตี๊ยมแห่งนี้สร้างห้วงอากาศทับซ้อนไว้เป็นชั้นๆ แต่ละห้องก็คือห้วงอากาศที่เป็นเอกเทศแห่งหนึ่ง อีกทั้งต่อให้ตัดพลังผนึกที่หลินสวินวางไว้ออก รอบๆ โรงเตี๊ยมก็มีพลังผนึกปกคลุมอยู่เช่นกัน

แต่มือสังหารผู้นั้นกลับลอบจู่โจมกะทันหันอย่างเงียบเชียบ แค่คิดก็รู้ว่าที่มาไม่ใช่เล่นๆ

ฟึ่บ!

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อทันใด

ก็พบว่าห้วงอากาศมีแต่ระลอกคลื่นหนึ่ง จากนั้นก็กลับสู่ความเงียบสงบ

และควรรู้ว่าพลังการสะบัดแขนเสื้อของหลินสวิน สามารถเผาภูผาต้มสมุทร ปั่นป่วนจักรวาล แต่ตอนนี้กลับถูกพลังแปลกประหลาดบางอย่างต้านทาน

นี่ทำให้เขานิ่วหน้า แสงมรรคเร้นลับโคจรอยู่ในดวงตา สำแดงเปิดตาทิพย์เงียบๆ

ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปทันที

มืดมิดไปหมด เงียบเชียบไร้เสียง ไม่รู้ขนาดของมัน เหมือนตกอยู่ในห้วงราตรีนิรันดร์ ไม่อาจสัมผัสแสงเงาได้สักนิด

“น่าสนใจ ถึงกับทำให้ข้าตกลงมาในข่ายอาคมแดนลับแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ได้”

หลินสวินมองไปรอบๆ สีหน้าเรียบเฉยไม่หวั่นไหว

ที่นี่ตัดขาดการสอดส่องของจิตรับรู้ หรือก็หมายความว่าการรับรู้ถูกขวางกั้น อีกทั้งภาพที่เห็นตรงหน้าก็อาจจะไม่ใช่ความจริง

จริงแท้ลวงหลอก ลึกลับสุดหยั่ง

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ จวบจนตอนนี้หลินสวินยังไม่รู้สึกถึงร่องรอยของมือสังหารนั้น

ประกายคมริ้วหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน หลอมรวมเข้าไปท่ามกลางความมืดมิด กลิ่นอายเก็บซ่อนถึงขีดสุด ไม่แพร่งพรายระลอกคลื่นพลังสักนิด แล้วแทงไปที่หลินสวินอย่างฉับไว

ก็พบว่าหลินสวินเอนตัว ประกายคมแปลกประหลาดไร้เสียงนั้นพุ่งผ่านแก้มด้านหนึ่งของเขา จากนั้นก็หายลับไปเงียบๆ

เหตุการณ์อันตรายยิ่งนี้ทำให้ไม่ว่าระดับจักรพรรดิคนใดก็หน้าเปลี่ยนสี

ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบ หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ขนาดตายังไม่กะพริบ นิ่งสงัดดั่งวารี

มิหนำซ้ำพร้อมๆ กับที่เขาเอนตัว

เสียงชิ้งหนึ่งดังขึ้น เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันเปล่งประกายเจิดจ้า กระบี่มรรคเล่มหนึ่งโฉบออกมาแทงไปในห้วงอากาศเบื้องหน้าจุดหนึ่ง

จุดที่เดิมมืดมิดว่างเปล่านั้นพลันเกิดเสียงดังสนั่น ถูกกระบี่มรรคซัดจนปั่นป่วนยุ่งเหยิง จากนั้นเงาร่างหนึ่งฉายวาบออกมาทันที

หลินสวินฉวยจังหวะนี้พุ่งออกไปข้างหน้าทันที มือหนึ่งตบออกไป

ตูม!

โลกที่ประหนึ่งดำมืดเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ห้วงอากาศเหมือนท้องทะเลถาโถมซัดสาด

แต่กลับไม่พบเงาร่างสีดำนั้น

หลินสวินเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้ เอ่ยว่า “สามารถครอบครองมรรคลอบสังหารได้ขนาดนี้ ดูท่าเจ้าคงเทียบกับคนทั่วไปไม่ได้”

ไม่มีใครตอบ

ดวงตาดำหลินสวินลุ่มลึก ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดูสงบนิ่งไม่กระวนกระวายสักนิดเช่นกัน

นี่ก็เหมือนดั่งสงครามเย็น หนึ่งสว่างหนึ่งมืด ต่างฝ่ายต่างกำลังหาช่องโหว่ที่สามารถสังหารได้ในการโจมตีเดียว หากไม่ระวังเพียงนิด เป็นไปได้สูงยิ่งว่าอาจชี้เป็นชี้ตายได้!

หลายปีมานี้หลินสวินเพิ่งเจอการลอบสังหารที่พิสดารสุดคาดเดาเช่นนี้เป็นครั้งแรก

แต่เขาไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ฝึกปราณจนถึงตอนนี้ ผ่านการต่อสู้ตัดสินเป็นตายมานักต่อนัก ขัดเกลาสัญชาตญาณการต่อสู้ที่น่ากลัวถึงขีดสุดมานานแล้ว

ต่อให้จิตรับรู้ถูกปิดกั้น ไม่อาจรับรู้ อาศัยสัญชาตญาณการต่อสู้ก็ทำให้เขาไม่กลัวการต่อสู้กับมือสังหารในความมืดนี้

ทันใดนั้นเงาร่างหลินสวินไหววูบ

ในความมืดใต้เท้าเขา ประกายคมสายหนึ่งอุบัติขึ้นอย่างฉับไว พริบวาบแล้วหายลับไป เกิดขึ้นกะทันหัน แปลกประหลาดเงียบเชียบ

หากเปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิคนอื่น เกรงว่าคงถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

แต่หลินสวินกลับเหมือนทำนายได้ก่อน หลบอันตรายได้ล่วงหน้าทุกครั้งไป ดูน่าเหลือเชื่อเช่นกัน

และในช่วงเวลาต่อมา การลอบสังหารและซุ่มโจมตีอันพิสดารเช่นนี้ก็ดำเนินต่อไปไม่หยุดหย่อน ทุกๆ ครั้งล้วนเกิดขึ้นกลางห้วงอากาศ จับทางไม่ได้ ป้องกันได้ยาก

ความสามารถในการลอบสังหารเช่นนั้น เรียกได้ว่าน่ากลัวนัก

มีครั้งหนึ่งหลินสวินใช้กระบี่มรรคไร้ก้นบึ้งพาดกวาดโจมตี พลังที่เกิดขึ้นตอนปะทะกับประกายคมนั้นน่าตกตะลึงหาใดเทียบ

นี่ก็ทำให้หลินสวินตัดสินได้ ว่าพลังของมือสังหารผู้นี้เทียบชั้นได้กับบรรพจารย์ขั้นเก้าแล้ว

แต่ที่น่ากลัวกว่าบรรพจารย์ขั้นเก้าก็คือวิชาลอบสังหารที่มือสังหารผู้นี้มี นี่จึงจะเป็นสิ่งที่คุกคามเขาได้มากที่สุด

แต่น่าเสียดาย หลินสวินคุ้นเคยกับศึกในความมืดนี้แล้ว ยามหลบหนียิ่งทำได้ดั่งใจ สุขุมเยือกเย็น

ไม่ทันไรโลกอันดำมืดนี้ก็จมสู่ความเงียบงัน

การซุ่มโจมตีที่มาจากมือสังหารนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

แต่หลินสวินกลับนิ่วหน้า สังหรณ์อยู่ในใจว่าเกรงว่าเจ้าหมอนั่นจะรู้สึกได้แล้ว ว่าหากลอบโจมตีแบบนี้อีกก็ยากจะคุกคามตนได้

แต่เจ้าหมอนี่กลับไม่จากไป เห็นชัดว่าคิดจะใช้วิธีใหม่

เพิ่งคิดถึงตรงนี้…

ตูม!

แสงที่พร่างพราวเจิดจ้าหาใดเทียบสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างฉับไว ทันใดนั้นโลกมืดนี้ก็เปลี่ยนเป็นขาวโพลนไปหมด แสงบาดตานั่นสว่างจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์

คนเราพอคุ้นชินกับความมืด จู่ๆ ก็มีแสงปรากฏขึ้นกลับจะทำให้ตอบสนองไม่ทัน ถึงขั้นลุกลน

ยิ่งไปกว่านั้นแสงที่ปรากฏขึ้นตอนนี้ยังแฝงไอสังหารอันน่ากลัว เฉกเช่นภูเขาถล่มสมุทราคำราม สุริยันร้อนระอุปะทุ

ประกายคมดั่งแสง อยู่ทั่วทุกหนแห่ง!

ยังไม่ตายหรือ

หลังจากความมืดมิดบริเวณนั้นหลุดร่วงสลายไปเหมือนกระดาษปูผนังที่ลอกออก วังวนห้วงอากาศบิดเบี้ยวแปลกประหลาดไหวกระเพื่อม

เงาร่างหลินสวินก็ปรากฏตัวที่ห้องของตนอีกครั้ง

มีเพียงเก้าอี้ไม้แหลกกระจุยตัวนั้น รอยแยกบนพื้นที่แหวกออก และพลังผนึกที่สลายไปเท่านั้น ที่ยืนยันได้ว่าการลอบสังหารลึกลับที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง

หลินสวินขมวดคิ้วแน่น จ้องรอยแยกบนพื้นที่แหวกออกนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เงาร่างไหววูบแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปในนั้น

ใต้รอยแยกเป็นเส้นทางอันยาวไกลและคดเคี้ยวสายหนึ่ง เงาร่างหลินสวินเพิ่งโรยตัวลงมา ก็รู้สึกถึงคลื่นพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ทันที

‘ดูท่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้ตายโดยสมบูรณ์ แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก หาไม่แล้วด้วยความสามารถการซ่อนตัวเก็บงำกลิ่นอายของเขา ย่อมไม่มีทางปล่อยให้กลิ่นอายพลังของตัวเองหลงเหลืออยู่ที่นี่…’

ดวงตาดำหลินสวินลุ่มลึก ไล่ตามกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่ไปทันที

เพียงครู่เดียวหลินสวินก็มาถึงปลายทางของทางใต้ดินนี้แล้ว ที่นี่มีช่องว่างช่องหนึ่งผ่านไปถึงบนดิน

หลังจากกระโจนออกไป หลินสวินกลับพบว่าเป็นเรือนที่ไม่สะดุดตาหลังหนึ่ง หญ้าขึ้นรก เห็นชัดว่าทิ้งร้างไว้นานแล้ว

และเมื่อมาถึงตรงนี้ก็จับกลิ่นอายของมือสังหารนั้นไม่ได้อีก

‘ที่นี่คงมีคนมารับเขา เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บเลยพาเขาจากไปทันที…’

หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาดำเย็นชาจนน่ากลัว

ครู่หนึ่งเขาจึงกลับโรงเตี๊ยมไปตามทางเดิม

‘ขนนกกระเรียนเส้นหนึ่ง… หรือว่าร่างเดิมของมือสังหารผู้นี้จะเป็นจำพวกนกที่มีรูปร่างเป็นกระเรียน’ หลินสวินหยิบขนนกกระเรียนเส้นนั้นออกมาอีกครั้ง ใช้จิตรับรู้สัมผัสกลิ่นอายที่ประทับอยู่ในนั้น

เย็นเยียบ ดำมืด ดุดัน คลุมเครือ…

ครู่หนึ่งเมื่อหลินสวินใช้ปลายนิ้วขยี้ ขนนกเส้นนี้ก็กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน

จากนั้นเขาก็เอากระบี่ยาวสีดำที่ถูกฟันเป็นสองท่อนออกมาพิจารณาโดยละเอียด ก็พบว่ากระบี่นี้ตีบแคบเรียวยาว มีขนาดสี่ฉื่อกว่า คมกระบี่ทั้งสองฝั่งทึบด้าน บนตัวกระบี่ปกคลุมด้วยภาพลายมรรคบิดเบี้ยวแน่นขนัดแปลกประหลาด

“ข้ารู้แล้ว คนผู้นี้ก็คือนกกระเรียน!”

ทันใดนั้นนกกระจอกเขียวก็เอ่ยปากเจือน้ำเสียงตกตะลึง “คิดไม่ถึงว่าเหวินเซ่าเหิงนั่นจะลงมือดุดันได้ปานนี้ ยอมไปเชิญยอดมือสังหารระดับจักรพรรดิของแดนเร้นนภามาลงมือกับเจ้า”

หลินสวินเลิกคิ้ว “นกกระเรียนแดนเร้นนภาหรือ”

“ในโลกยอดนิรันดร์มีขุมอำนาจมือสังหารใหญ่อันลึกลับอยู่สองกลุ่ม กลุ่มแรกคือแดนเร้นนภา อีกกลุ่มคือห้วงเมฆาวารี”

“ฝ่ายแรกครอบครองมรรคลอบสังหาร ฝ่ายหลังครอบครองมหามรรคปลิดชีพ ต่างเป็นขุมอำนาจลึกลับอมตะหมื่นกาล หากไล่ย้อนภูมิหลังดู ถึงกับเก่าแก่กว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะบางตระกูลเสียอีก…”

นกกระจอกเขียวเสียงกดเบา เหม่อลอยอยู่เล็กน้อย

ขุมอำนาจลึกลับทั้งสองนี้ จนตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของพวกเขา ย่อมไม่อาจเทียบกับกลุ่มลอบสังหารทั่วๆ ไป เพราะคนที่พวกเขาต่อกรด้วยล้วนเป็นระดับจักรพรรดิขึ้นไปทั้งนั้น!

ในโลกยอดนิรันดร์ เมื่อพูดถึงแดนเร้นนภาและห้วงเมฆาวารี ก็คือความพรั่นพรึงน่าหวาดหวั่น ทำให้ทุกคนครั่นคร้ามและกลัวเกรง!

สักพักนกกระจอกเขียวจึงเอ่ยว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด คนที่ลอบสังหารเจ้าก่อนหน้านี้ก็คือนกกระเรียนจากแดนเร้นนภา บุคคลลึกลับที่อยู่อันดับหกของมือสังหารระดับจักรพรรดิแดนเร้นนภา”

“ในอดีตระดับจักรพรรดิที่ถูกเขาลอบสังหารมีไม่รู้เท่าไร ในนั้นยังไม่ขาดบรรพจารย์ขั้นเก้าที่พลังปราณกล้าแข็งถึงที่สุดจำนวนหนึ่งด้วย!”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์