พอฟังจบหลินสวินยังนิ่วหน้าอย่างอดไม่อยู่
แดนเร้นนภา ห้วงเมฆาวารี สองขุมอำนาจมือสังหารของโลกยอดนิรันดร์ที่สร้างชื่อจากการ ‘ลอบสังหาร’ และ ‘ปลิดชีพ’
ภูมิหลังของพวกเขาสามารถไล่ย้อนไปถึงในอดีต เคยลอบสังหารมหาจักรพรรดิตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมาไม่รู้เท่าไร ขุมอำนาจลึกลับเช่นนี้ใครจะไม่หวาดกลัว
มิหนำซ้ำจากคำพูดของนกกระจอกเขียว คนในขุมอำนาจใหญ่ทั้งสองนี้ ตั้งแต่เหยียบย่างบนมรรคาก็หมกมุ่นอยู่กับการเข่นฆ่า เติบโตขึ้นอย่างวิปริตท่ามกลางภูเขาศพทะเลเลือด มรรคลอบสังหารเป็นหนึ่งเหนือใต้หล้า ยิ่งใหญ่ไม่เป็นรองใคร
หากคิดจะลอบสังหารใคร แทบจะเท่ากับตัดสินโทษประหารให้คนผู้นั้นไปแล้ว!
เมื่อนานมาแล้วเพราะห้วงเมฆาวารีลอบสังหารคนใหญ่คนโตของเผ่าจักรพรรดิอมตะไม่ว่างเว้น ถึงกับทำให้ผู้คนโกรธแค้น เผ่าจักรพรรดิอมตะกลุ่มหนึ่งจึงร่วมกันเคลื่อนไหว หมายจะจัดการกับห้วงเมฆาวารี
นั่นเป็นศึกใหญ่ที่นองเลือดถึงขีดสุดครั้งหนึ่ง ดำเนินอยู่หลายปี มือสังหารของห้วงเมฆาวารีไปมาไร้เงา ประหนึ่งแทรกซึมไปทุกอณู โต้กลับอย่างดุเดือดที่สุด
ช่วงเวลานั้นเรียกได้ว่าดำมืดและโกลาหล ยักษ์ใหญ่บนโลกตายไปไม่รู้เท่าไร
สุดท้ายหลังผ่านศึกนี้ แม้ห้วงเมฆาวารีจะถูกกำจัดไปบ้างแต่กลับไม่ได้สูญสิ้น ว่ากันว่ามีขุมอำนาจที่เหลือหลบซ่อนตัวอยู่
แต่หลังจากนั้นโลกก็ได้ยินข่าวของห้วงเมฆาวารีน้อยนิดยิ่งนัก คนบนโลกมากมายต่างลืมช่วงเวลาอันดำมืดนองเลือดนั้นไปนานแล้ว
กลับเป็นแดนเร้นนภานี้ แม้มีชื่อเสียงเคียงคู่มากับห้วงเมฆาวารี แต่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้น้อยนักที่จะหาเรื่องเผ่าจักรพรรดิอมตะ จึงไม่ได้เกิดเรื่องที่ทำให้ฟ้าโกรธคนแค้นอะไร
แต่ภูมิหลังของแดนเร้นนภาย่อมไม่ด้อยไปกว่าห้วงเมฆาวารีอย่างไม่ต้องสงสัย!
ต่อให้เป็นเผ่าจักรพรรดิอมตะก็ไม่อยากไปหาเรื่องง่ายๆ
“เหวินเซ่าเหิงคนนี้เชิญนกกระเรียนให้ลงมือได้ จะต้องจ่ายค่าตอบแทนก้อนใหญ่ยิ่ง และคราวนี้เจ้าเอาชีวิตรอดจากมือนกกระเรียนได้ ต้องพูดว่าขนาดข้ายังประหลาดใจ”
ขณะพูด สายตาที่นกกระจอกเขียวมองหลินสวินก็เจือแววประหลาด
ฐานะของนกกระเรียนโด่งดังในโลกยอดนิรันดร์เช่นกัน มือสังหารระดับจักรพรรดิอันดับที่หก จะให้คนอื่นเมินเฉยได้อย่างไร
แต่ก็ในคืนนี้เอง นกกระเรียนกลับเกือบสิ้นชื่อด้วยน้ำมือหลินสวิน!
“เกินคาดหรือ มือสังหารคนหนึ่งเท่านั้นเอง สิ่งที่เขาเก่งกาจที่สุดก็คือเก็บกลิ่นอายกับซ่อนตัว ถ้ามองทะลุทั้งหมดนี้ พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายอย่างมากก็แข็งแกร่งกว่าบรรพจารย์ขั้นเก้าขึ้นมาหน่อย”
หลินสวินเอ่ยว่า “แต่เรื่องนี้จะปล่อยไปเท่านี้ไม่ได้ ต่อให้เขารับเงินมาทำงาน ต่อให้มาจากแดนเร้นนภาอะไรนั่น ในเมื่อกล้าลอบสังหารข้าหลินสวิน ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเพราะเรื่องนี้!”
วาจาสบายๆ แต่นัยนั้นทำให้นกกระจอกเขียวยังต้องชำเลืองมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลุดขำเอ่ยว่า “รอหลังจากเจ้ารู้ถึงความน่ากลัวของแดนเร้นนภาอย่างแท้จริง อาจไม่กล้าพูดแบบนี้แล้ว”
หลินสวินยิ้ม คร้านจะอธิบาย
แต่เมื่อผ่านเรื่องนี้กลับทำให้หลินสวินระวังตัวขึ้นมา การปรากฏตัวของนกกระเรียนเป็นยืนยันอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าต่อให้อยู่ในด่านนภาอมตะแห่งนี้ก็ไม่ได้ปลอดภัยโดยสิ้นเชิงเสมอไป
“นกกระเรียนคว้าน้ำเหลวกลับไป เกรงว่าเหวินเซ่าเหิงจะไม่รามือเท่านี้ เจ้าก็จะปล่อยไปแบบนี้หรือ” นกกระจอกเขียวถาม
“ไม่มีทางอยู่แล้ว”
หลินสวินเอ่ยอย่างไม่ลังเลสักนิด “ให้มาไม่ตอบแทนมันไร้มารยาท จับมือสังหารคนนั้นไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องให้เหวินเซ่าเหิงจ่ายค่าตอบแทนเพราะเรื่องนี้!”
พูดจบดวงตาเขาก็ฉายวาบไปด้วยประกายเย็นเยียบ
ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าลงมืออย่างเหิมเกริมไม่หวั่นเกรงในเมือง เขาหลินสวินก็ย่อมไม่กล้ำกลืนฝืนทนกับกฎของเมือง
“เจ้าคิดจะทำเช่นไร” นกกระจอกเขียวถามอย่างสนอกสนใจ
“รอโอกาสสักครั้ง”
ขณะที่หลินสวินพูดก็เรียกเอาเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาใหม่ ใช้มุกยมโลกหลอมลายมรรคนรกเก้าลายนั้น
อย่างกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กระทบจิตใจเขาสักนิด
นกกระจอกเขียวยังอดลอบอุทานไม่ได้ สภาวะจิตเจ้าหมอนี่จะแกร่งกล้าและหนักแน่นเกินไปแล้ว จู่ๆ เจอเรื่องไม่คาดฝันขนาดนั้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าจะทั้งโกรธแค้นปนเปกันไป วิตกกังวลนั่งไม่ติดไปแล้ว
แต่ดูเขาสิ ยังหลอมอาวุธได้อย่างสบายใจ…
คืนนี้เหมือนถูกกำหนดให้ไม่อาจสงบ
หอท้องฟ้า
เหวินเซ่าเหิงยืนพิงรั้วระเบียง มือถือกาเหล้าเครื่องเคลือบหยกกาหนึ่ง ดูผ่อนคลายสบายใจ
เขาชอบความรู้สึกที่ได้มองลงไป เก็บภาพฟ้าดินทั้งหมดด้วยตา มองคราวเดียวก็เห็นสรรพสิ่ง ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นนายเหนือใต้หล้า
จู่ๆ ห้วงอากาศก็มีวังวนระลอกหนึ่ง เงาร่างท่านย่าเสวี่ยอุบัติขึ้น สีหน้าย่ำแย่หาใดเทียบ “นายน้อย นกกระเรียนล้มเหลวแล้ว”
เพล้ง!
กาเหล้าเครื่องเคลือบหยกที่อยู่ในมือเหวินเซ่าเหิงตกลงกับพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เขาอึ้งไปครู่หนึ่งคล้ายนึกว่าได้ยินผิดไป เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ล้มเหลวหรือ”
ใบหน้าท่านย่าเสวี่ยบูดบึ้ง เอ่ยเสียงต่ำว่า “เพิ่งได้ข่าวมาว่านกกระเรียนได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบถูกฆ่าตาย…”
เหวินเซ่าเหิงเพียงรู้สึกหน้ามืด เงาร่างสั่นโคลงไปครู่หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม เส้นเอ็นปูดโปน โกรธจนอกกระเพื่อมขึ้นทันที
“ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งสามล้านก้อนนั้นของข้าก็ละลายไปตามน้ำแบบนี้หรือ แดนเร้นนภาบ้าบออะไรกัน หลิงเสวียนจื่อคนเดียวยังฆ่าไม่ได้ สวะชัดๆ!”
เขาคุมอารมณ์ไม่อยู่อย่างเห็นได้ชัด เต้นผางด้วยความโกรธเหมือนกำลังระบายอารมณ์
“นายน้อย ความแข็งแกร่งของนกกระเรียนไร้ข้อกังขา สาเหตุที่ล้มเหลว อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้พวกเรายังดูเบาหลิงเสวียนจื่อผู้นั้น”
ท่านย่าเสวี่ยสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เอ่ยว่า “แต่คนติดต่อของแดนเร้นนภาบอกแล้วว่า ในเมื่อรับภารกิจพวกเราไปแล้ว เรื่องนี้ย่อมให้พวกเราสั่งการได้อย่างเต็มที่ แต่…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์