สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2446 สถานที่เนรเทศ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 2446 สถานที่เนรเทศ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2446 สถานที่เนรเทศ
ผู้นำกองทหารขบวนนี้เป็นชายที่สวมเกราะสีเขียวเข้ม กำยำหาญกล้าคนหนึ่ง
นี่คือหัวหน้าผู้คุ้มกันในเมือง เป็นพวกกร้าวแกร่งที่ขาดอีกนิดเดียวก็จะเหยียบย่างสู่ระดับบรรพจารย์มรรคคนหนึ่ง นามว่าเหิงจั้น
“จากนี้ไปข้าจะพาพวกเจ้ามุ่งหน้าสู่แดนลับฝึกหลอม”
เหิงจั้นนัยน์ตาเย็นเยียบดุจสายฟ้า ทวนใหญ่สำริดในเมือโบกคราหนึ่ง
สายฟ้าฟาดสะเทือนฟ้าสายหนึ่งร่วงลงมา ห้วงอากาศระเบิดออก แท่นมรรคเก่าแก่ลายพร้อยแท่นหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคนพร้อมๆ กับเสียงอึงอลดังกระหึ่ม
ตูม!
แสงศักดิ์สิทธิ์มหึมาสายหนึ่งพุ่งออกจากมือเหิงจั้น ทะลวงอากาศแหวกออกเป็นทางห้วงอากาศที่กว้างขวางสายหนึ่งบนแท่นมรรค ทะลุไปยังอีกด้านซึ่งยังเป็นปริศนา
“ออกเดินทาง!”
เหิงจั้นที่หาญกล้าสะเทือนขวัญผู้คนนำทัพทหารสวมชุดเกราะทั้งกลุ่มเหยียบย่างบนแท่นมรรคแท่นนั้นเป็นขบวนแรก จากนั้นระดับจักรพรรดิหกร้อยกว่าคนที่เข้าร่วมการเคี่ยวกรำในครั้งนี้ก็เรียงแถวตามเข้าไป
มองส่งพวกเขาจากไปจนหมดแล้ว ส่วนลึกในดวงตาของเหิงเทียนซั่ววาบประกายเย็นเยียบอย่างไม่เป็นที่สังเกต พึมพำในใจ ‘หลิงเสวียนจื่อ ฝ่าฝืนกฎในเมือง ก็ต้องชดใช้ด้วยโทษตาย…’
…
ห้วงอากาศผันแปร ดาวเคลื่อนดาราคล้อย
บนเส้นทางห้วงอากาศบนแท่นมรรคนั้นประหนึ่งกาลเวลาย้อนกลับ แต่ละก้าวที่มุ่งหน้าไปกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ล้วนปะทะหน้าเข้ามา ทุกคนต่างรู้สึกว่าความว่างเปล่ารอบตัวเหมือนกับปั่นป่วน เสมือนผ่านกาลเวลาผันแปรเนิ่นนานในชั่วอึดใจเดียว
ทุกสิ่งที่เห็นตรงหน้าเต็มไปด้วยแสงกาลเวลาที่งดงามพร่างพราว กลายเป็นแถบแสงรุ้งเทพแผ่วพลิ้ว สามารถมองเห็นเขตแดนดาราแห่งแล้วแห่งเล่าถูกทิ้งไว้ด้านหลังเป็นครั้งคราว
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ทุกคนล้วนตัวสั่นไหว พุ่งพรวดออกจากเส้นทาง มายังกลางจักรวาลอันเย็นเยียบแห่งหนึ่ง
“นั่นก็คือ ‘สถานที่เนรเทศ’ หรือ”
มีคนร้องอุทาน ที่ปลายทางจักรวาลมีโลกขนาดมหึมาหาใดเปรียบแห่งหนึ่ง ลักษณะคล้ายเกาะโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งที่พาดขวางอยู่ในส่วนลึกฟ้าดารา ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความผันผวนหมื่นยุคออกมา
บางครั้งจะมีดวงดาวสว่างจ้ามหึมาดวงหนึ่งคล้ายพบเจอแรงดึงดูด ร่วงเข้าไปกลางโลกใหญ่แห่งนั้น พริบตาก็อันตรธานหายไป เสมือนถูกกลืนกินในพริบตาเดียว
ดาวดวงนั้นใหญ่โตขนาดไหน ทว่าต่อหน้าโลกมหึมานั่นกลับเสมือนแมลงตัวหนึ่ง ถูกกลืนกินเข้าไปจนสิ้น
ภาพเหตุการณ์แปลกพิสดารระดับนี้ทำให้ในใจผู้คนไม่รู้เท่าไรเสียวสะท้าน นี่ก็คือแดนลับฝึกหลอม หรือถูกเรียกอีกชื่อว่า ‘สถานที่เนรเทศ’!
“ว่ากันว่าโลกแถบนี้แต่เดิมเป็นอาณาจักรแห่งเทพในยุคก่อน มีเทพสถิตอยู่ มีบุคคลในตำนานเทพอันน่าเหลือเชื่อมากมาย”
มีคนเอ่ยเสียงเบา “แต่เมื่อยุคก่อนดับสลาย อาณาจักรแห่งเทพแถบนี้ก็พบเจอกับการทำลายล้างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติกาล ปัจจุบันถูกมองเป็น ‘สถานที่เนรเทศ’ ที่เทพผีเข็ดขยาด”
“ข้าเองก็เคยได้ยินมา ในกาลเวลาตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา มีระดับอมตะไม่น้อยเหยียบย่างเข้าไปในนั้น หมายจะเสาะหานัยเร้นลับของยุคก่อน แต่ล้วนร่วงหล่นอยู่ภายในอย่างไม่มียกเว้น”
บรรพจารย์ขั้นเก้าคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สาเหตุก็เพราะในสถานที่เนรเทศแห่งนั้นเต็มไปด้วยภัยพิบัติพิสดารที่พุ่งเป้าไปยังระดับอมตะ ไม่ว่าใครเข้าไปล้วนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย จะมีก็แต่ระดับจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้โดยไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะประสบเคราะห์ภัยแปลกพิสดารระดับนี้”
ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ เห็นได้ชัดว่าล้วนเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับแดนลับฝึกหลอมแห่งนี้กันแล้ว
หัวหน้าผู้คุ้มกันเหิงจั้นพาทุกคนเหินทะยานในจักรวาล ไม่นานก็มาถึงจุดที่อยู่ห่างจากโลกซึ่งเต็มไปด้วยสีสันลึกลับแห่งนั้น
ตูม!
ดาวขนาดมหึมายิ่งดวงหนึ่งพุ่งผ่านอย่างบังเอิญ ลากแสงประกายแสบตาที่ประหนึ่งไฟลุกโหม ก่อนร่วงตกลงไปในโลกแห่งนั้น
พริบตาเดียวก็เหมือนถูกกลืนกิน อันตรธานหายไป!
ภาพที่กลืนกินดารานี้ ทำเอาผู้คนฮือฮากันอีกระลอก
สถานที่เนรเทศลึกลับเช่นนี้ หลังจากยุคก่อนปิดฉากจนถึงตอนนี้ ผ่านการแปรเปลี่ยนและเจือกลิ่นอายเร้นลับพิสดารที่ไม่อาจล่วงรู้อย่างหนึ่ง
“พวกเจ้าต่างก็รู้ดี แดนลับฝึกหลอมนี้แบ่งออกเป็นเก้าอาณาเขตใหญ่ แต่ละพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยอันตรายต่างกันไป สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็คือรวบรวม ‘แหล่งดารา’ จากนั้นคือรอดชีวิตต่อไป”
เหิงจั้นเอ่ยปาก เสียงดังสนั่นดุจสายฟ้าฟาด “จำไว้ เวลามีเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น”
สวบ!
เสียงเพิ่งสิ้นสุดก็มีคนพุ่งออกไปก่อน เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ กระโจนเข้าสู่โลกแห่งนั้น
จากนั้นคนอื่นๆ ก็พุ่งตัวตามไปติดๆ แทบจะออกเดินทางเป็นกลุ่มก้อน
ไม่มีใครล่าถอยและลังเล ล้วนเป็นพวกกร้าวแกร่งที่ผ่านประสบการณ์เข่นฆ่าและเหยียบย่างบนหนทางจักรพรรดิมาไม่รู้เท่าไหร่ ไม่ว่าสภาวะจิตหรือความกล้าหาญล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้
แสงศักดิ์สิทธิ์ไหลวน พวกเฟิงจวินหลินก็เคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน เรียกสายตาหันไปมองมากมาย
นอกจากนี้หลินสวินก็สังเกตเห็นว่า มีพวกกร้าวแกร่งที่ทั้งบุคลิกและอานุภาพล้วนไม่ด้อยไปกว่าเฟิงจวินหลินก็ออกเดินทางแล้วเช่นกัน
มีคนยืนบนน้ำเต้าเปลือกเขียวขนาดใหญ่เสมือนเรือ สวมชุดนักพรต แขนกว้างภูมิฐาน ยามกะพริบตามีไอแรกกำเนิดคละคลุ้ง
มีคนผิวเรียบเกลี้ยงเกลา กิริยาอ่อนช้อย ทั่วร้างอาบชโลมอยู่ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์ ดั่งฝันดุจมายาม แต่ละก้าวเหยียบย่าง ใต้เท้าก็จะผุดบัวมรรคสีทองที่แวววาวบานสะพรั่งออกมา
มีคนดุจดั่งเทพมารอหังการ นัยน์ตาเย็นเยียบดุจดาบ เจือไอชั่วร้ายสะท้านฟ้า ม้วนตลบฟ้าดารา โหดเหี้ยมดุดันไร้ขอบเขต
มีคนดูคล้ายปัญญาชนอ่อนแอทั่วไป แต่ยามก้าวเดินกลับผสานฟ้าดิน ก้องเสียงมหามรรค ทั้งยังมีเสียงท่องคัมภีร์เก่าแก่แว่วมารางๆ
มีคน…
แต่ละคนแทบจะมีพลานุภาพระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด แม้บุคลิกจะต่างกัน แต่ล้วนมีท่วงท่าผงาดกร้าวไร้ศัตรูเหมือนกัน
จะไม่ให้หลินสวินไม่สนใจคงไม่ได้
จนกระทั่งเห็นว่าเหวินเซ่าเหิงพาระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งออกไป หลินสวินก็อดอัศจรรย์ใจไม่ได้
ควรรู้ว่าก่อนหน้านี้ระดับจักรพรรดิอย่างพวกท่านย่าเสวี่ยที่อยู่ข้างกายเหวินเซ่าเหิงล้วนถูกเขาฆ่าจนเหี้ยน
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเหวินเซ่าเหิงไปหาระดับจักรพรรดิมากมายขนาดนี้มาติดตามข้างกายจากที่ไหน เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อยิ่ง
เพียงแต่สำหรับหลินสวินแล้ว ขอเพียงยืนยันได้ว่าเหวินเซ่าเหิงเข้าร่วมในการฝึกฝนครั้งนี้ด้วยก็พอแล้ว
เพราะครั้งนี้ เขาจะไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายรอดชีวิตหนีไปได้อีก!
ไม่นานหลินสวินก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เคลื่อนตัวผ่านห้วงอากาศ ทะยานออกไป
‘เจ้าหมอนี่เกรงว่าคงไม่รู้สักนิด ว่าขอเพียงเข้าสู่แดนลับฝึกหลอมนั่น สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือเส้นทางตายสายหนึ่ง…’
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานออกไป สาดแสงสว่างจ้าในฉับพลัน แสงมรรคมากมายไหลหลั่ง วิวัฒน์เป็นหุบเหวใหญ่ที่พาดขวางกลางฟ้าดิน
ส่วนหลินสวินก็พุ่งตัวทะยานขึ้นไป กระโจนไปยังทิศทางหนึ่ง มรรควิถีทั้งตัวถูกปลดปล่อยเต็มกำลัง
ไม่มีออมมืออีกต่อไป!
ถูกล้อมกรอบไม่น่ากลัว ขอแค่จับจุดได้แล้วฝ่าออกมาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง
ตูม โครม…
ฟ้าดินแถบนี้สั่นไหว พังทลายโกลาหลอย่างที่สุด พลังและสมบัติน่าสะพรึงมากมายร่วมกันปิดครอบ ทำลายพื้นที่แถบนี้ให้ย่อยยับไปตรงๆ
กลิ่นอายทำลายล้างเดือดคลั่ง ภูผาธาราละแวกพันลี้ถูกกวาดล้างราบเป็นหน้ากลองในชั่วพริบตานั้น ห้วงอากาศเสมือนกระดาษเปื่อย ถูกบดขยี้แหลกเละ
“เป็นอย่างไร”
ท่ามกลางฝุ่นควันคลุ้งตลบ เสียงหนึ่งดังขึ้น
“น่าจะตายแล้ว…”
ในพื้นที่ใกล้เคียง เสียงต่ำลึกสายหนึ่งเอ่ย
“พวกเราลงมือพร้อมกัน อย่าว่าแต่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหกเลย เกรงว่ายังสามารถฆ่าบรรพจารย์ขั้นเก้าคนใดก็ตามให้ตายได้ง่ายๆ”
เสียงสนทนาแผ่วเบาดังขึ้น ท่ามกลางฝุ่นควันคลุ้งตลบนั้น เงาร่างสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นต่อเนื่อง กลิ่นอายล้วนน่าสะพรึงชวนสยดสยองเป็นที่สุด
มีถึงยี่สิบกว่าคน!
และในจุดที่หลินสวินอยู่แต่เดิม ก็ถูกซัดจนกลายเป็นโกรกธารมหึมาสายหนึ่ง ลึกจนมองไม่เห็นก้น กลิ่นอายทำลายล้างยังคงคละคลุ้ง ส่งเสียงก้องสะท้อนน่าหวาดหวั่นยิ่งยวด
“เฮอะๆ การโจมตีเต็มกำลังที่พวกเราวางแผนมานาน จะฆ่าเจ้าหมอนี่ให้ตายไม่ใช่ว่าง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือหรอกหรือ”
ชายชราผอมแห้งคนหนึ่งลูบเคราหัวเราะ มือเขาถือประทับเก่าแก่ที่หลั่งแสงหลากสีชิ้นหนึ่ง อานุภาพแข็งแกร่งถึงขีดสุด เป็นบรรพจารย์ขั้นเก้าคนหนึ่งนั่นเอง
“ไม่ถูกต้อง ถ้าคนถูกสังหาร จะหายไปกับฝุ่นควันก็ช่างเถอะ แต่เหตุใดถึงไม่เห็นทรัพย์หลังศึกหลังจากหลิงเสวียนจื่อนี่ร่วงหล่นเลย”
มีคนส่งเสียง เจือแววสงสัย “หรือว่า…”
ชายชราผอมแห้งที่มือถือประทับเก่าแก่ก็อึ้งไป ขณะที่กำลังจะแผ่จิตรับรู้ไปตรวจสอบ
ก็เป็นเวลานี้เองที่มือใหญ่เรียวยาวข้างหนึ่งดุจดั่งโผล่ขึ้นกลางอากาศ บีบคอของชายชราผอมแห้งกะทันหันแล้วบิดเบาๆ
พรูด!
ศีรษะหนึ่งก็ถูกเด็ดลงมาอย่างรุนแรง เลือดสดพุ่งกระฉูดออกมาราวน้ำพุ ย้อมห้วงอากาศแถบนั้นเป็นสีแดงฉาน
จากนั้นเงาร่างชายชราผอมแห้งก็ถูกซัดแหลก กลายเป็นเศษเลือดเนื้อนับไม่ถ้วนร่วงลงพื้น ชั่วพริบตาเศษเลือดเนื้อเหล่านี้เสมือนถูกเผาไหม้ทั้งหมดก็ไม่ปาน กลายเป็นหมอกควันเหม็นคาวเสียดจมูกสายหนึ่ง
หายไปกับฝุ่นควัน!
และจุดที่ชายชราผอมแห้งยืนอยู่แต่เดิม ก็ปรากฏเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งขึ้นกลางอากาศ
……………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์