ตอนที่ 2446 สถานที่เนรเทศ
ผู้นำกองทหารขบวนนี้เป็นชายที่สวมเกราะสีเขียวเข้ม กำยำหาญกล้าคนหนึ่ง
นี่คือหัวหน้าผู้คุ้มกันในเมือง เป็นพวกกร้าวแกร่งที่ขาดอีกนิดเดียวก็จะเหยียบย่างสู่ระดับบรรพจารย์มรรคคนหนึ่ง นามว่าเหิงจั้น
“จากนี้ไปข้าจะพาพวกเจ้ามุ่งหน้าสู่แดนลับฝึกหลอม”
เหิงจั้นนัยน์ตาเย็นเยียบดุจสายฟ้า ทวนใหญ่สำริดในเมือโบกคราหนึ่ง
สายฟ้าฟาดสะเทือนฟ้าสายหนึ่งร่วงลงมา ห้วงอากาศระเบิดออก แท่นมรรคเก่าแก่ลายพร้อยแท่นหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคนพร้อมๆ กับเสียงอึงอลดังกระหึ่ม
ตูม!
แสงศักดิ์สิทธิ์มหึมาสายหนึ่งพุ่งออกจากมือเหิงจั้น ทะลวงอากาศแหวกออกเป็นทางห้วงอากาศที่กว้างขวางสายหนึ่งบนแท่นมรรค ทะลุไปยังอีกด้านซึ่งยังเป็นปริศนา
“ออกเดินทาง!”
เหิงจั้นที่หาญกล้าสะเทือนขวัญผู้คนนำทัพทหารสวมชุดเกราะทั้งกลุ่มเหยียบย่างบนแท่นมรรคแท่นนั้นเป็นขบวนแรก จากนั้นระดับจักรพรรดิหกร้อยกว่าคนที่เข้าร่วมการเคี่ยวกรำในครั้งนี้ก็เรียงแถวตามเข้าไป
มองส่งพวกเขาจากไปจนหมดแล้ว ส่วนลึกในดวงตาของเหิงเทียนซั่ววาบประกายเย็นเยียบอย่างไม่เป็นที่สังเกต พึมพำในใจ ‘หลิงเสวียนจื่อ ฝ่าฝืนกฎในเมือง ก็ต้องชดใช้ด้วยโทษตาย…’
…
ห้วงอากาศผันแปร ดาวเคลื่อนดาราคล้อย
บนเส้นทางห้วงอากาศบนแท่นมรรคนั้นประหนึ่งกาลเวลาย้อนกลับ แต่ละก้าวที่มุ่งหน้าไปกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ล้วนปะทะหน้าเข้ามา ทุกคนต่างรู้สึกว่าความว่างเปล่ารอบตัวเหมือนกับปั่นป่วน เสมือนผ่านกาลเวลาผันแปรเนิ่นนานในชั่วอึดใจเดียว
ทุกสิ่งที่เห็นตรงหน้าเต็มไปด้วยแสงกาลเวลาที่งดงามพร่างพราว กลายเป็นแถบแสงรุ้งเทพแผ่วพลิ้ว สามารถมองเห็นเขตแดนดาราแห่งแล้วแห่งเล่าถูกทิ้งไว้ด้านหลังเป็นครั้งคราว
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ทุกคนล้วนตัวสั่นไหว พุ่งพรวดออกจากเส้นทาง มายังกลางจักรวาลอันเย็นเยียบแห่งหนึ่ง
“นั่นก็คือ ‘สถานที่เนรเทศ’ หรือ”
มีคนร้องอุทาน ที่ปลายทางจักรวาลมีโลกขนาดมหึมาหาใดเปรียบแห่งหนึ่ง ลักษณะคล้ายเกาะโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งที่พาดขวางอยู่ในส่วนลึกฟ้าดารา ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความผันผวนหมื่นยุคออกมา
บางครั้งจะมีดวงดาวสว่างจ้ามหึมาดวงหนึ่งคล้ายพบเจอแรงดึงดูด ร่วงเข้าไปกลางโลกใหญ่แห่งนั้น พริบตาก็อันตรธานหายไป เสมือนถูกกลืนกินในพริบตาเดียว
ดาวดวงนั้นใหญ่โตขนาดไหน ทว่าต่อหน้าโลกมหึมานั่นกลับเสมือนแมลงตัวหนึ่ง ถูกกลืนกินเข้าไปจนสิ้น
ภาพเหตุการณ์แปลกพิสดารระดับนี้ทำให้ในใจผู้คนไม่รู้เท่าไรเสียวสะท้าน นี่ก็คือแดนลับฝึกหลอม หรือถูกเรียกอีกชื่อว่า ‘สถานที่เนรเทศ’!
“ว่ากันว่าโลกแถบนี้แต่เดิมเป็นอาณาจักรแห่งเทพในยุคก่อน มีเทพสถิตอยู่ มีบุคคลในตำนานเทพอันน่าเหลือเชื่อมากมาย”
มีคนเอ่ยเสียงเบา “แต่เมื่อยุคก่อนดับสลาย อาณาจักรแห่งเทพแถบนี้ก็พบเจอกับการทำลายล้างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติกาล ปัจจุบันถูกมองเป็น ‘สถานที่เนรเทศ’ ที่เทพผีเข็ดขยาด”
“ข้าเองก็เคยได้ยินมา ในกาลเวลาตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา มีระดับอมตะไม่น้อยเหยียบย่างเข้าไปในนั้น หมายจะเสาะหานัยเร้นลับของยุคก่อน แต่ล้วนร่วงหล่นอยู่ภายในอย่างไม่มียกเว้น”
บรรพจารย์ขั้นเก้าคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สาเหตุก็เพราะในสถานที่เนรเทศแห่งนั้นเต็มไปด้วยภัยพิบัติพิสดารที่พุ่งเป้าไปยังระดับอมตะ ไม่ว่าใครเข้าไปล้วนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย จะมีก็แต่ระดับจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้โดยไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะประสบเคราะห์ภัยแปลกพิสดารระดับนี้”
ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ เห็นได้ชัดว่าล้วนเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับแดนลับฝึกหลอมแห่งนี้กันแล้ว
หัวหน้าผู้คุ้มกันเหิงจั้นพาทุกคนเหินทะยานในจักรวาล ไม่นานก็มาถึงจุดที่อยู่ห่างจากโลกซึ่งเต็มไปด้วยสีสันลึกลับแห่งนั้น
ตูม!
ดาวขนาดมหึมายิ่งดวงหนึ่งพุ่งผ่านอย่างบังเอิญ ลากแสงประกายแสบตาที่ประหนึ่งไฟลุกโหม ก่อนร่วงตกลงไปในโลกแห่งนั้น
พริบตาเดียวก็เหมือนถูกกลืนกิน อันตรธานหายไป!
ภาพที่กลืนกินดารานี้ ทำเอาผู้คนฮือฮากันอีกระลอก
สถานที่เนรเทศลึกลับเช่นนี้ หลังจากยุคก่อนปิดฉากจนถึงตอนนี้ ผ่านการแปรเปลี่ยนและเจือกลิ่นอายเร้นลับพิสดารที่ไม่อาจล่วงรู้อย่างหนึ่ง
“พวกเจ้าต่างก็รู้ดี แดนลับฝึกหลอมนี้แบ่งออกเป็นเก้าอาณาเขตใหญ่ แต่ละพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยอันตรายต่างกันไป สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็คือรวบรวม ‘แหล่งดารา’ จากนั้นคือรอดชีวิตต่อไป”
เหิงจั้นเอ่ยปาก เสียงดังสนั่นดุจสายฟ้าฟาด “จำไว้ เวลามีเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น”
สวบ!
เสียงเพิ่งสิ้นสุดก็มีคนพุ่งออกไปก่อน เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ กระโจนเข้าสู่โลกแห่งนั้น
จากนั้นคนอื่นๆ ก็พุ่งตัวตามไปติดๆ แทบจะออกเดินทางเป็นกลุ่มก้อน
ไม่มีใครล่าถอยและลังเล ล้วนเป็นพวกกร้าวแกร่งที่ผ่านประสบการณ์เข่นฆ่าและเหยียบย่างบนหนทางจักรพรรดิมาไม่รู้เท่าไหร่ ไม่ว่าสภาวะจิตหรือความกล้าหาญล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้
แสงศักดิ์สิทธิ์ไหลวน พวกเฟิงจวินหลินก็เคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน เรียกสายตาหันไปมองมากมาย
นอกจากนี้หลินสวินก็สังเกตเห็นว่า มีพวกกร้าวแกร่งที่ทั้งบุคลิกและอานุภาพล้วนไม่ด้อยไปกว่าเฟิงจวินหลินก็ออกเดินทางแล้วเช่นกัน
มีคนยืนบนน้ำเต้าเปลือกเขียวขนาดใหญ่เสมือนเรือ สวมชุดนักพรต แขนกว้างภูมิฐาน ยามกะพริบตามีไอแรกกำเนิดคละคลุ้ง
มีคนผิวเรียบเกลี้ยงเกลา กิริยาอ่อนช้อย ทั่วร้างอาบชโลมอยู่ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์ ดั่งฝันดุจมายาม แต่ละก้าวเหยียบย่าง ใต้เท้าก็จะผุดบัวมรรคสีทองที่แวววาวบานสะพรั่งออกมา
มีคนดุจดั่งเทพมารอหังการ นัยน์ตาเย็นเยียบดุจดาบ เจือไอชั่วร้ายสะท้านฟ้า ม้วนตลบฟ้าดารา โหดเหี้ยมดุดันไร้ขอบเขต
มีคนดูคล้ายปัญญาชนอ่อนแอทั่วไป แต่ยามก้าวเดินกลับผสานฟ้าดิน ก้องเสียงมหามรรค ทั้งยังมีเสียงท่องคัมภีร์เก่าแก่แว่วมารางๆ
มีคน…
แต่ละคนแทบจะมีพลานุภาพระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด แม้บุคลิกจะต่างกัน แต่ล้วนมีท่วงท่าผงาดกร้าวไร้ศัตรูเหมือนกัน
จะไม่ให้หลินสวินไม่สนใจคงไม่ได้
จนกระทั่งเห็นว่าเหวินเซ่าเหิงพาระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งออกไป หลินสวินก็อดอัศจรรย์ใจไม่ได้
ควรรู้ว่าก่อนหน้านี้ระดับจักรพรรดิอย่างพวกท่านย่าเสวี่ยที่อยู่ข้างกายเหวินเซ่าเหิงล้วนถูกเขาฆ่าจนเหี้ยน
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเหวินเซ่าเหิงไปหาระดับจักรพรรดิมากมายขนาดนี้มาติดตามข้างกายจากที่ไหน เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อยิ่ง
เพียงแต่สำหรับหลินสวินแล้ว ขอเพียงยืนยันได้ว่าเหวินเซ่าเหิงเข้าร่วมในการฝึกฝนครั้งนี้ด้วยก็พอแล้ว
เพราะครั้งนี้ เขาจะไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายรอดชีวิตหนีไปได้อีก!
ไม่นานหลินสวินก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เคลื่อนตัวผ่านห้วงอากาศ ทะยานออกไป
‘เจ้าหมอนี่เกรงว่าคงไม่รู้สักนิด ว่าขอเพียงเข้าสู่แดนลับฝึกหลอมนั่น สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือเส้นทางตายสายหนึ่ง…’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์