“ในโลกพันจักรวาลหาคนเช่นนี้ได้ยากจริงๆ แต่ในโลกยอดนิรันดร์ก็พอหาได้บ้าง”
ขณะเดียวกับที่เยวี่ยตู๋ชิวปรากฏตัวออกมา เสียงใสกระจ่างเจือแววเย็นชาก็ดังขึ้นตามมา
ก็พบว่าละอองแสงสีทองอ่อนแถบหนึ่งพลิ้วลอย ควบรวมเป็นรุ้งเทพที่ปูด้วยดอกบัวสายหนึ่ง เงาร่างอรชรร่างหนึ่งยืนอยู่บนนั้น
นางผิวเนียนเรียบ ทั้งร่างอาบอยู่กลางแสงเทพสีทองอ่อนประหนึ่งภาพฝัน คล้ายนางเซียนเยือนโลก
ที่หลังนางสะพายดาบศึกคู่หนึ่ง เล่มหนึ่งเขียวเล่มหนึ่งม่วง อบอวลไอสังหารดุร้ายน่ากลัว เพิ่มความดุดันให้กับนาง
“เทพธิดาเสี่ยวหยวนกล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก”
เยวี่ยตู๋ชิวยิ้ม กริยาเคารพหญิงสาวยิ่ง
และในที่สุดหลินสวินก็นึกออกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
เซี่ยงเสี่ยวหยวน
มกุฎจักรพรรดิขั้นแปด ฉายา ‘จักรพรรดิกระบี่ม่วงเขียว’ ลือกันว่าฝึกปราณมากระทั่งตอนนี้ยังไม่ถึงสามพันปีก็ผงาดขึ้นอย่างแข็งกร้าว ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์นับไม่ถ้วนละอายใจกับความสามารถตัวเอง ข่มจนคนรุ่นอาวุโสเชิดหน้าชูคอไม่ได้
นางมี ‘กายมรรคเก้าเร้น’ มาแต่กำเนิด พรสวรรค์เย้ยฟ้า โดดเด่นเหนือใคร มีชื่อเสียงว่าสามพันปีมานี้ครองความสง่างามแห่งมรรคจักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว!
เซี่ยงเสี่ยวหยวนมาจากเขตแดนดาราเทพผงาด อันดับหนึ่งของโลกพันจักรวาลเช่นเดียวกับเยวี่ยตู๋ชิวและเฟิงจวินหลิน มิหนำซ้ำยังมีชาติกำเนิดลึกลับและสูงส่งเกินธรรมดาถึงที่สุด
ได้ยินว่ามารดาของนางมาจากตระกูลอมตะที่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ตระกูลหนึ่งในโลกยอดนิรันดร์ ฐานะทรงเกียรติเป็นที่สุด
ในบรรดาระดับจักรพรรดิที่เข้าร่วมการเคี่ยวกรำกลุ่มนี้ ฐานะของเซี่ยงเสี่ยวหยวนดึงดูดความสนใจและการถกเถียงไม่รู้เท่าไร
มวลผกาโรยราเหลือเพียงเหมย ยอดทรามเชยหนึ่งเดียวเซี่ยงเสี่ยวหยวน!
หญิงผู้นี้มีความงามเด่นเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง
ขณะที่คิดอยู่ในใจ หลินสวินก็เอ่ยออกมาว่า “ทั้งสองคนปรากฏตัวที่นี่ คงไม่ได้มาคุยเล่นกันกระมัง”
ก่อนหน้านี้ตอนสู้กับเฟิงจวินหลิน เยวี่ยตู๋ชิวกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนก็ปรากฏตัว แอบดูการต่อสู้อยู่ก่อนแล้ว
นี่ก็คือสาเหตุที่จู่ๆ เฟิงจวินหลินก็รามือยุติการต่อสู้
“ไม่ได้มาคุยเล่นอยู่แล้ว”
เยวี่ยตู๋ชิวยืนอยู่บนน้ำเต้าเปลือกเขียว ยิ้มเอ่ยว่า “พูดแบบนี้ดีว่า ในด่านนภาอมตะด่านที่เก้ามีการฝึกประสบการณ์ที่อันตรายหาใดเทียบอยู่อย่างหนึ่ง ถึงเวลาถ้ามีโอกาส ข้ากับเทพธิดาเสี่ยวหยวนต่างหวังว่าสหายยุทธ์จะเข้าร่วมกับพวกเรา เคลื่อนไหวด้วยกันได้”
ข้างๆ กันเซี่ยงเสี่ยวหยวนพยักหน้า เสียงใสกระจ่างดั่งเสียงสวรรค์ “แม้ว่าประสบการณ์นั่นจะอันตราย แต่ก็มีมหาศุภโชคที่หาในโลกภายนอกได้ยากอยู่ เชื่อว่าถึงตอนนั้นด้วยพลังของพวกเรา จะต้องเปลี่ยนเคราะห์ร้ายกลายเป็นดี ได้รับศุภโชคที่อยู่ในนั้นมาแน่”
หลินสวินอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองจะมาเพราะเรื่องนี้
“ขอเสียมารยาทถามสักหน่อย ทำไมถึงเป็นข้าแต่ไม่ใช่เฟิงจวินหลินล่ะ” หลินสวินเอ่ย
เยวี่ยตู๋ชิวยิ้มเอ่ย “สถานการณ์ของเฟิงจวินหลินพิเศษนัก อืม บอกได้แค่ว่าเขากับพวกเราไม่ได้อยู่บนทางสายเดียวกัน ย่อมไม่อาจร่วมมือกันได้”
หลินสวินร้องอ้อคำหนึ่ง เอ่ยอย่างสนอกสนใจว่า “หรือทั้งสองท่านจะไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของข้าเปราะบางแค่ไหน”
เยวี่ยตู๋ชิวกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนอึ้งไป คล้ายไม่รู้สาเหตุ
“เป็นไปได้สูงยิ่งว่าข้าจะต้องเข้าไปในเขตที่เก้า ถึงจะออกจากสถานที่แห่งนี้ได้”
หลินสวินเอ่ย
ประโยคเดียวเยวี่ยตู๋ชิวกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนต่างอึ้งงัน สบตากัน ในใจรู้แล้วว่าสถานการณ์ของหลินสวิน ‘เปราะบาง’ ขนาดไหน
“แน่นอนว่าถ้าภายหน้าข้ามีโอกาสไปถึงด่านนภาอมตะด่านที่เก้า ย่อมไม่ถือสาที่จะเคลื่อนไหวกับทั้งสองท่าน แต่ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว”
หลินสวินพูดจบก็เคลื่อนตัวไปไกล
เยวี่ยตู๋ชิวอึ้งไปครู่หนึ่ง สักพักจึงนิ่วหน้าเอ่ย “วิธีการของเหวินเซ่าเหิงผู้นั้นจะร้ายกาจไปแล้ว!”
“ถ้าไม่มีเหิงเทียนซั่วช่วย จะทำให้หลิงเสวียนจื่อผู้นี้เข้าสู่ทางตันไร้ทางออกเช่นนี้ได้อย่างไร”
เซี่ยงเสี่ยวหยวนพูด “จากที่ข้าดู พวกเราอาจจะต้องหาคนใหม่แล้ว”
เยวี่ยตู๋ชิวยิ้มเจื่อน ถอนใจยาวเอ่ยว่า “คนระดับข้ากับเจ้าเดิมทีก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย คิดจะหาคนที่เหมาะสักคน… คงไม่ง่ายนักหรอก”
เซี่ยงเสี่ยวหยวนเอ่ย “ด่านนภาอมตะด่านที่เก้ามีพวกร้ายกาจที่มาจากโลกยอดนิรันดร์รวมตัวอยู่ไม่น้อย แต่ละคนต่างมาเพื่อวาสนาครั้งนั้น ถ้ามีแค่เราสองคน ยากมากที่จะไปต้านเจ้าพวกที่เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดเหล่านั้น”
นางหยุดไป มองไปยังทิศที่หลินสวินจากไปแล้วเอ่ยว่า “ข้าล่ะหวังจริงๆ ว่าหลิงเสวียนจื่อคนนี้จะรอด ข้าดูออกว่าเขาใกล้ทะลวงขั้นแล้ว จินตนาการได้เลยว่ายามเขาบรรลุมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ด พลังต่อสู้จะน่ากลัวปานไหน”
ยามอยู่ระดับจักรพรรดิขั้นหกก็ต้านเฟิงจวินหลินได้แล้ว
ถ้าทะลวงขั้นขึ้นไป เฟิงจวินหลินจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาอีกหรือไม่
เยวี่ยตู๋ชิวก็เผยสีหน้าประหลาดออกมาอย่างอดไม่ได้ ผ่านไปสักพักก็ส่ายหัวอย่างห้ามไม่อยู่
เขตที่เก้าอันตรายปานไหน ตั้งแต่อดีตจนตอนนี้ยังไม่มีใครออกมาได้ หลิงเสวียนจื่อผู้นี้คิดจะรอดออกมา แทบไม่มีหวัง
……
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
หลินสวินแทรกเข้าไปในส่วนลึกใต้ดิน ขุดถ้ำสถิตถ้ำหนึ่ง หลังจากวางผนึกแล้วก็นั่งขัดสมาธิฟื้นฟูพลังกายที่เสียไป
ขณะเดียวกันเขาเริ่มตรวจดูผลเก็บเกี่ยวคราวนี้
แหล่งดาราที่คุณลักษณะสมบูรณ์ ลึกลับหายากชิ้นหนึ่ง สามารถแปลงเป็นคทาสมประสงค์สีดำได้ ตอนนี้ถูกสยบอยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
หลังจากหลินสวินสัมผัสโดยละเอียดก็กลืนแหล่งดาราชิ้นนี้เข้าไปในร่าง
ชั่วพริบตานัยเร้นลับมหามรรคที่สมบูรณ์หลอมรวมเข้าไปในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ทั้งหมดเหมือนละอองแสง
เช่นเดียวกับมรรคทองยอดอมตะ กฎเกณฑ์มหามรรคที่มีชื่อว่า ‘นภามืด’ นี้หายากหาใดเทียบ ลึกลับสุดหยั่ง ทั้งยังสมบูรณ์ไร้บกพร่องเช่นเดียวกัน ไม่ต้องหลอมและหยั่งรู้อีกสักนิดหลินสวินก็เอามาใช้ได้แล้ว
สำหรับบรรพจารย์ขั้นเก้าคนใดก็ตาม ถ้าได้รับมหามรรคที่สมบูรณ์เช่นนี้ย่อมไม่ต่างอะไรกับได้ยอดศุภโชค สามารถทะลวงระดับกลายเป็นบรรพจารย์มรรคที่แท้จริงได้ทั้งนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์