Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2502

สรุปบท ตอนที่ 2502 ไม่เอาไหนขนาดนี้: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 2502 ไม่เอาไหนขนาดนี้ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2502 ไม่เอาไหนขนาดนี้ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2502 ไม่เอาไหนขนาดนี้

ชั่วอึดใจ!

ตำราหยกศุภโชคส่งเสียงกระหึ่ม ราวกับว่ารับรู้ถึงอันตราย ผุดละอองแสงมหามรรคขึ้น พยายามต้านทานพลังระเบียบนิพพาน

แต่ไม่นานมันก็กลับสู่ความเงียบสงบ

เพราะระเบียบนิพพานไม่ได้ทำร้ายมัน

ในทางตรงกันข้าม เมื่อระเบียบนิพพานหลั่งไหล ทำให้ตำราหยกศุภโชคได้รับประโยชน์บางประการอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าผ่านการฟูมฟักและนิพพานมาหนหนึ่ง ทำให้มันเปล่งประกายวิเศษน่าอัศจรรย์

กระบวนการนี้กินเวลาครึ่งเค่อเต็มๆ

จนกระทั่งระเบียบนิพพานแปลงเป็นภาพลายดอกบัวและหายไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

ตำราหยกศุภโชคสั่นเล็กน้อย ละอองแสงโปรยปราย แปลงเป็นเงาร่างมายาสายหนึ่ง!

คล้ายว่าหลังจากได้รับความช่วยเหลือจากพลังแห่งนิพพานแล้ว ทำให้สมบัติที่สืบทอดมาจากบรรพจารย์ของสำนักเซียนยอดยุทธ์นี้ปลุกร่างวิญญาณในห้วงหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา!

หลินสวินยังอดตกตะลึงไม่ได้

หรือว่านี่เป็นวิญญาณระเบียบที่เหมือนกับ ‘อู๋ซวง’ วิญญาณมรรคสวรรค์แดนต้นกำเนิด

เมื่อเห็นว่าร่างมายานี้กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง แต่ดูเหมือนเพราะพลังไม่เพียงพอจึงค่อยๆ จางลงกลายเป็นละอองแสง และหายไปในตำราหยกศุภโชคอีกครั้ง

หลินสวิน “…”

นี่มันอะไรกัน

เขาพลิกสำรวจตำราหยกศุภโชคไปมา แต่กลับไม่สามารถสัมผัสอะไรได้อีกแล้ว

หลังจากขบคิดครู่หนึ่ง หลินสวินก็เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา และพบดังคาดว่าในโลกที่แปลงมาจากระเบียบนิพพาน มีโลกมรรคเซียนเพิ่มมาหนึ่งใบ!

กว้างใหญ่และงามตระการ แสงเซียนอบอวล ทิวทัศน์สี่พันเก้าร้อยแคว้นล้วนฉายขึ้นทั้งหมด พลังระเบียบกฎเกณฑ์ทั้งหมดลอยไหวๆ

นี่เหมือนกับนัยเร้นลับ ‘แดนนรก’ ที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน

ระเบียบนิพพานในตอนนี้ก็เปรียบเหมือนเตาหลอมขนาดใหญ่ ในนั้นมีโลกที่เหมือนเกิดใหม่ มีกำแพงฟ้าดารา…

ภาพฉากเหล่านี้คงอยู่ตั้งแต่ตอนที่หลินสวินเข้าสู่แดนปรินิพพานในปีนั้นแล้ว

และตอนนี้ ในระเบียบนิพพานยังมีโลกแดนนรกที่อยู่บนแผ่นดินกว้างใหญ่ใต้กำแพงฟ้าดารา รวมถึงโลกมรรคเซียนที่เพิ่งปรากฏเมื่อครู่

นอกจากนี้ยังมีเด็กสาวชุดขาวที่ดูเหมือนจะหลับใหลอยู่ในนั้น เหมือนเด็กสาวอายุสิบสามสิบสี่ แลดูงดงามบริสุทธิ์ มีเสน่ห์ตราตรึงใจ

ทว่านางเป็นวิญญาณระเบียบมรรคสวรรค์แดนต้นกำเนิดของยุคก่อน มีนามว่าอู๋ซวง ข้ามผ่านห้าพิบัติมรรคเสื่อมโทรมในการดับสลายของยุคก่อน!

ตามที่นกกระจอกเขียวกล่าว ในโลกยอดนิรันดร์ มีเพียงพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากที่สุดเท่านั้นจึงจะมีโอกาสให้กำเนิดวิญญาณระเบียบได้

อู๋ซวงก็เป็นตัวตนแบบเดียวกันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!

เดิมทีหลินสวินคิดว่าในตำราหยกศุภโชคก็มีโอกาสมีวิญญาณระเบียบเช่นนี้เหมือนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าต่อให้เมื่อครู่จะได้รับประโยชน์จากพลังระเบียบนิพพาน สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้ร่างมายาสายนั้นรวมรูปร่างได้อยู่ดี

นี่อาจเป็นไปได้สองกรณีเท่านั้น

หนึ่งคือ เดิมทีในตำราหยกศุภโชคมีวิญญาณระเบียบของโลกมรรคเซียนสายหนึ่งอยู่แล้ว แต่หลับใหลอยู่ในนั้นตลอดมาด้วยเหตุผลบางประการ

อีกกรณีหนึ่งก็คือ วิญญาณระเบียบได้รับการหล่อเลี้ยงในตำราหยกศุภโชค แต่เนื่องจากพลังไม่เพียงพอ และยังไม่ถึงเวลา จึงยังไม่สามารถทำให้ร่างวิญญาณสายนี้แปรสภาพอย่างสมบูรณ์ได้

ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนล้วนหมายความว่า อย่างน้อยในตอนนี้หลินสวินยังไม่สามารถใช้ตำราหยกศุภโชคนี้ได้

“กายมรรคทั้งห้าเกือบถูกกำจัด แต่ได้รับเพียงสมบัติที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น…”

มุมปากหลินสวินกระตุกเบาๆ อย่างจับสังเกตไม่ได้

อันที่จริงเขาก็รู้ดีว่ามีเพียงเหยียบย่างมรรคาอมตะเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าใจและควบคุมพลังแห่งระเบียบได้

และเห็นได้ชัดว่านัยเร้นลับของตำราหยกศุภโชคนี้สัมพันธ์กับพลังระเบียบ และเป็นสิ่งที่ระดับพลังในปัจจุบันของเขาไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้

หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งหลินสวินก็เก็บตำราหยกศุภโชคแล้วลุกขึ้นจากหินเขียว ก่อนมุ่งหน้าออกจากคฤหาสน์ใหญ่โตนี้

ผ่านไปแล้วหลายวัน

เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวรอคอยอยู่ตลอด เพียงแต่สีหน้าท่าทางเริ่มฉายแววหวั่นวิตกอย่างควบคุมไม่ได้ออกมาบ้างแล้ว

พวกเขาต่างรู้สึกเป็นห่วงหลินสวิน

“ก็ไม่รู้ว่าพี่หลินเป็นอย่างไรบ้าง…” เยวี่ยตู๋ชิวถอนใจเบาๆ

ทันใดนั้นดวงตาเขาเบิกกว้าง ร้องขึ้นด้วยความดีใจ “ออกมาแล้วๆ!”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่าเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินปรากฏขึ้นที่หน้าตำหนักยอดยุทธ์บนบันไดหินขั้นที่เก้าสิบเก้านั่นจริงๆ

“พี่หลิน!”

หัวใจที่ลอยเคว้งในช่วงหลายวันมานี้ของเซียงเสี่ยวหยวนก็ตกลงมาเช่นกัน ราวกับยกภูเขาออกจากอก บนดวงหน้างดงามที่ขาวเนียนละเอียดอ่อนผุดแววดีใจ

ก็เห็นหลินสวินก้าวลงมาจากบันไดหินทีละขั้น ซากศพที่นอนเกลื่อนกลาดตามทางกลายเป็นเถ้าธุลีราวผงทราย ลอยปลิวยามเขาก้าวเท้า

จนกระทั่งหลินสวินมาถึงพื้น บนขั้นบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้นล้วนว่างเปล่า ไม่มีซากศพน่ากลัวที่ชวนให้สยดสยองอีก

เมื่อเห็นภาพนี้ เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวก็เริ่มเข้าใจรางๆ

“ทั้งสองคนเชิญตามข้ามา”

หลินสวินไม่ได้อธิบายอะไร แต่พาทั้งสองกลับไปบนบันไดหินด้วยกัน

หลังจากครอบครองตำราหยกศุภโชค ก็เท่ากับเขาได้ครอบครอง ‘โบราณสถานยอดยุทธ์’ ชิ้นนี้ ขอเพียงมีตำราหยกในมือก็ไม่ต้องพะวงว่าจะเกิดตรายใดๆ อีก

พวกเซี่ยงเสี่ยวหยวนเดินตามหลังเขาติดๆ ไต่ขึ้นบันไดและมาถึงตำหนักยอดยุทธ์

จนกระทั่งตอนนี้หลินสวินถึงเล่าประสบการณ์บางส่วนหลังจากที่ตนเข้ามาที่นี่ และไม่ได้ปิดบังความจริงที่ตนสยบตำราหยกศุภโชคลงแล้ว

“เดิมสมบัตินี้ก็เป็นของพี่หลิน หากเปลี่ยนเป็นพวกเราสองคน เกรงว่าคงไม่มีโอกาสเข้ามาในตำหนักยอดยุทธ์แต่แรกด้วยซ้ำ” เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าวทอดถอนใจ

“ขอรับ!”

จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกไป ตั้งใจจะไปตำหนักยอดยุทธ์ ส่วนหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นถูกพวกเขามองข้ามไป

เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินลุกขึ้น อานุภาพยิ่งใหญ่ไพศาลแผ่กระจายออกจากตัวเขา ขวางทางคนเหล่านั้นเอาไว้

“พวกเจ้า… ไม่รู้จักข้าหรือ” หลินสวินกวาดมองทุกคนด้วยแววตาประหลาด

ทันใดนั้นก็มีคนหัวเราะเยาะ “เจ้าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ใด มีคุณสมบัติอะไรให้พวกเราต้องรู้จัก”

หลายคนเผยท่าทีขบขัน

และมีคนขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินสวินอย่างแคลงใจ พยายามค้นหาอะไรบางอย่าง

เมื่อเห็นดังนี้หลินสวินก็เข้าใจในทันที ว่าเจ้าคนพวกนี้ไม่รู้จักเขาจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณที่เคยเห็นตนสังหารหมู่ในเมืองยอดยุทธ์ เกรงว่าคงไม่กล้าพูดจาเช่นนี้กับตนเด็ดขาด

“เจ้ามาจากไหนไม่สำคัญ ต่อให้เป็นเทพบนสรวงสวรรค์ วันนี้หากไม่มอบสมบัติบนตัวออกมา ก็อย่าหวังจะรอดชีวิตออกไป!” ชายชราคนหนึ่งคำรามอย่างเย็นชา

“เช่นนั้นหรือ”

หลินสวินหัวเราะขึ้นมา เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ละอองแสงแถบหนึ่งซัดออกมา แปลงเป็นปราณกระบี่เจิดจ้าฟันไปทางชายชราคนนั้นทันที

ชายชราเข้าปะทะจังๆ กระตุ้นวิชาลับ ร่างกายระเบิดอานุภาพน่าสะพรึงกลัวออกมา

แต่เพียงชั่วพริบตาการต้านทานของเขาก็ราวกับกระดาษเปื่อย ถูกฝนกระบี่บดขยี้ ทั้งตัวถูกฟันสังหาร เลือดสดสาดกระเซ็น

ภาพนี้กระตุ้นทุกคนในที่นั้นให้หน้าเปลี่ยนสี

“รนหาที่ตาย!” ชายชุดเงินที่เป็นผู้นำสีหน้าขรึมลง

และนัยน์ตาของชายชรากอดกระบี่ข้างตัวเขาก็ผุดลำแสงสว่างโรจน์ พุ่งทะยานออกมา ตบฝ่ามือหนึ่งเข้าใส่หัวหลินสวิน

นี่เป็นถึงบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง ฝ่ามือที่ดูเหมือนเรียบง่ายแผ่วเบา แต่จริงๆ แล้วบรรจุพลังมหาศาลเหนือจินตนาการ!

ทว่าก็เห็นหลินสวินขยับกาย ตบฝ่ามือหนึ่งออกไปส่งๆ เช่นกัน

ตูม!

ระลอกคลื่นน่าสะพรึงปะทุออกมา ราวกับคลื่นสมุทรโหมซัด ทำให้ฟ้าดินทั้งแถบปั่นป่วนในทันที ละอองแสงม้วนกระจายไปทั่วราวกระแสน้ำ

ก็เห็นร่างของชายชรากอดกระบี่ซวนเซ ถอยออกไปหลายก้าว ใบหน้าชราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“บรรพจารย์มรรคคนหนึ่ง ไม่เอาไหนขนาดนี้เชียวหรือ”

ดวงตาของหลินสวินลุ่มลึก เจือแววเฉยชา

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป พลันนั้นเสียงร้องลั่นสายหนึ่งก็ดังทำลายบรรยากาศ

“เป็นเขา หลินสวินจากทางเดินโบราณฟ้าดาราคนนั้น!”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์