ตอน ตอนที่ 2505 นึกขันอยู่บ้าง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2505 นึกขันอยู่บ้าง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เหล่าวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์หมอบคลานบนพื้น ร่างกายสั่นสะท้าน
ไม่เพียงรู้สึกเกรงกลัวสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงที่ถูกผนึกในบ่อน้ำโบราณ แต่ยิ่งครั่นคร้ามกระบี่ที่ปักเฉียงอยู่ด้านข้างของบ่อน้ำโบราณมากกว่า
ในบ่อน้ำโบราณ เสียงเย็นเยียบเต็มไปด้วยอานุภาพน่าเกรงขามดังลอยออกมาอีกครั้ง “ได้เวลาเปิดฉากสังเวยโลหิตแล้ว…”
บนปากบ่อน้ำแห่งนั้นปรากฏเงาร่างมายาสายหนึ่งขึ้นอย่างประหลาด ราวกับนักพรตเฒ่านั่งขัดสมาธิเทียวผลุบเทียวโผล่อยู่ในสายหมอก
เสียงท่องคัมภีร์ดังคลุมเครือมาจากปากเขา
ปึง! ปึง! ปึง!
ร่างของวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ที่หมอบอยู่บนพื้นแตกออกเป็นชิ้นๆ ทันที กลายเป็นกระแสเทาขุ่นเป็นระลอก พุ่งเข้าหานักพรตเฒ่าที่นั่งขัดสมาธิบนปากบ่อไม่ขาดสาย
ด้านข้างบ่อน้ำโบราณ กระบี่ยอดยุทธ์ที่ปักเฉียงบนพื้นส่งเสียงดังกระหึ่ม สาดปราณกระบี่ไร้เทียมทานออกมา กระหน่ำสังหารนักพรตเฒ่าอย่างต่อเนื่อง
ร่างของนักพรตเฒ่าแตกเป็นเสี่ยงแล้วรวมร่างขึ้นใหม่ไม่หยุด ราวกับมีร่างกายเป็นอมตะ และแม้ปราณกระบี่จะฟันตัดไปมา เขาก็ยังคงนั่งขัดสมาธิท่องคัมภีร์ยากเข้าใจตามเดิม
ตูม!
ในเขตผนึกนี้ ฟ้าดินพลิกคว่ำ
โครงกระดูกเน่าเปื่อยและน้ำเลือดที่สะสมอยู่ในส่วนลึกของผืนดินมาไม่รู้กี่กาลเวลา ล้วนรินรดลงไปในบ่อน้ำโบราณจากสี่ทิศแปดทางราวกับถูกชักจูง
โครงกระดูกดุจกระแสธาร น้ำเลือดสาดพุ่ง!
ใต้พื้นดินของเขตผนึกนี้ถึงกับฝังซากศพที่ไม่อาจจินตนาการได้ เคยถูกแช่ด้วยโลหิตแดงฉาน และตอนนี้ซากศพและเลือดเหล่านี้ได้กลายเป็นพลังประหลาดน่าสะพรึง ถูกนักพรตเฒ่าที่นั่งขัดสมาธิบนบ่อน้ำโบราณคนนั้นดูดซับไม่ขาดสาย
“นั่นคืออะไร”
“เป็นภาพที่น่ากลัวชะมัด!”
บริเวณขอบของเขตผนึกนี้ เงาร่างของผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น ต่างตกใจกับภาพนี้ แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
ศพกองเหมือนภูเขา เลือดหลั่งนองดุจทะเล!
“ไป!”
มีบรรพจารย์จักรพรรดิหัวใจสะท้าน สังเกตได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงหมุนตัวจะจากไป
แต่ก็สายไปแล้ว
เสียงท่องคัมภีร์คลุมเครือระลอกหนึ่งลอยแว่วเข้ามา แต่เมื่อกระทบหูของผู้ฝึกปราณเหล่านี้ กลับเหมือนกระบี่เทพแห่งยุคไร้ใดเปรียบ ทุบทำลายจิตดั้งเดิมของพวกเขาจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี!
ก็เห็นพวกเขาเลือดออกเจ็ดทวาร แววตาแข็งทื่อ เดินไปยังบริเวณที่บ่อน้ำโบราณตั้งอยู่ เหมือนกลายเป็นหุ่นเชิดซึ่งถูกเสียงท่องคัมภีร์สายนั้นชักจูงในชั่วอึดใจ
“นี่…นี่…” บรรพจารย์จักรพรรดิที่มีปราณแข็งแกร่งที่สุดยังพอมีแรงขัดขืน แต่ในเวลานี้ก็รู้สึกหวาดหวั่นสุดขีดเช่นกัน ราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
เหตุการณ์นี้น่ากลัวเกินไป เพียงแค่เสียงท่องคัมภีร์ระลอกเดียวเท่านั้น แต่กลับสามารถกำจัดจิตดั้งเดิมของมหาจักรพรรดิเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย แม้แต่บรรพจารย์จักพรรดิอย่างเขาก็ยังบาดเจ็บสาหัสสะสม
“ไม่…!”
เขาเพิ่งหมายจะหนี เสียงท่องคัมภีร์ก็ทะลวงผ่านจิตดั้งเดิม ทันใดนั้นจิตดั้งเดิมที่หลงเหลืออยู่ก็แตกระเบิด สิ้นสติไปโดยสิ้นเชิง
ที่ตามมาติดๆ คือศพของเขาเดินไปที่บ่อน้ำโบราณราวกับหุ่นกระบอกด้วยเช่นกัน
ชิ้ง! ชิ้ง!
เสียงกระบี่ครวญที่สะเทือนโสตจนหูจะหนวกดังขึ้นจากข้างบ่อน้ำโบราณ แรงกดดันมหาศาลอันน่าสะพรึงของกระบี่ยังคงกระหน่ำฟาดฟันต่อเนื่อง แต่นักพรตเฒ่าที่นั่งขัดสมาธิบนบ่อน้ำโบราณนั้นกลับเหมือนไม่สะทกสะท้าน ร่างกายแตกละเอียดและรวมตัวกันใหม่ เวียนว่ายตายเกิด เดี๋ยวเกิดเดี๋ยวดับอยู่เช่นนั้น
มีเพียงเสียงท่องคัมภีร์ยังคงก้องสะท้อนอย่างต่อเนื่องในเขตผนึกแห่งนี้
…
เมืองยอดยุทธ์
จวนเจ้าเมือง เจ้าเมืองไป๋เจี้ยนเฉินที่สวมชุดขาว หน้าตาหล่อเหลาราวเด็กหนุ่ม สีหน้าเคร่งขรึมถึงขีดสุดในทันที
เบื้องหน้าเขามีป้ายศิลาชิ้นหนึ่งตั้งอยู่
ภาพนองเลือดสยดสยองปรากฏขึ้นบนป้ายศิลาในขณะนี้ มีบ่อน้ำโบราณที่พยับหมอกแรกกำเนิดคละคลุ้ง มีนักพรตเฒ่านั่งสมาธิบนปากบ่อ ปากท่องคัมภีร์ มีกระบี่เซียนที่ปักเฉียงอยู่บนพื้นส่งเสียงชิ้งๆ กรีดหู แผ่ปราณกระบี่ไปทั่วฟ้า…
ไกลออกไปยังมีศพแห่แหนมาจากสี่ทิศแปดทางราวทะเลเลือด…
‘มารเทพตี้สือในตำนานนี้ที่ถูกผนึก ยอมเดิมพันทุกอย่างเพื่อทำลายผนึกจริงๆ หรือนี่…’
แววตาไป๋เจี้ยนเฉินวาบลำแสงชวนประหวั่น
ในฐานะเจ้าเมืองยอดยุทธ์ เขารู้ที่มาของโบราณสถานมหามรรคเป็นอย่างดี และยังได้อ่านตำราดั้งเดิมมากมายเกี่ยวกับ ‘เมืองยอดยุทธ์’ ที่บันทึกไว้ในกาลเวลาที่ผ่านมา
นี่ทำให้เขารู้ชัดกว่าคนอื่นๆ ว่า ‘ภัยพิบัติ’ ที่คงอยู่สืบเนื่องมาจากยุคก่อนนี้ ก็มาจากสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงซึ่งถูกผนึกไว้ในบ่อน้ำโบราณนั่น ตัวตนที่ราวกับเทพแห่งความชั่วร้าย!
ไป๋เจี้ยนเฉินออกคำสั่งโดยไม่ลังเล
“ทหาร เปิดใช้พลังผนึกทั้งหมดในเมืองยอดยุทธ์ และแจ้งคนทั้งเมืองว่ามีภัยพิบัติครั้งใหญ่ใกล้มาเยือน ตอนนี้ใครที่ต้องการออกไป… ให้รีบออกไปโดยด่วน…”
“หากเลือกอยู่ในเมืองนี้ต่อ ข้าจะพยายามปกป้องสุดความสามารถ!”
ในวันนี้เมืองยอดยุทธ์ตกสู่บรรยากาศกดดันหดหู่
เมื่อคำสั่งของไป๋เจี้ยนเฉินถ่ายทอดออกไป ชาวเมืองหลายแสนคนที่อาศัยอยู่ในเมือง รวมถึงผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนที่ปักหลักอยู่ในเมืองมานานล้วนแตกตื่น ในใจตระหนกลนลาน
เห็นชัดว่าจะมีภัยร้ายแรงปะทุขึ้น และจะม้วนกลืนเมืองยอดยุทธ์!
“ด่านนภาอมตะที่เก้าซึ่งตั้งอยู่ที่นี่มาไม่รู้นานเท่าไร ยังจะถูกทำลายได้อีกหรือ”
“ไป ต้องรีบออกจากเมืองยอดยุทธ์แล้ว ไม่เห็นหรือ แม้แต่เจ้าเมืองไป๋เจี้ยนเฉินก็ยังไม่มั่นใจว่าจะปกป้องเมืองนี้ได้!”
ผู้ฝึกปราณหลายคนตัดสินใจย้อนกลับที่ด่านนภาอมตะที่แปดราวกับกระแสน้ำ
เพราะตามข้อมูล เส้นทางที่เชื่อมสู่ด่านนภาอมตะที่สิบถูกพลังลึกลับที่เกิดขึ้นในโบราณสถานมหามรรคตัดขาดไปแล้ว
มีเพียงด่านนภาอมตะที่แปดเท่านั้นที่เป็นทางถอยเพียงทางเดียว
พวกที่มีต้นกำเนิดไม่ธรรมดา ปราณกร้าวแกร่งจำนวนหนึ่ง เวลานี้ในใจก็ละล้าละลังเช่นกัน แต่สุดท้ายก็เลือกหนีไป ไม่กล้าลังเลอีก
แต่คนส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในเมืองต่อ
“ลองเข้าไปสืบหาในเขตผนึกนี้ดูก็สิ้นเรื่อง”
เหิงสิงโจวกล่าวเสียงขรึม
“ได้ เอาตามนี้ ทุกคนต้องระวังหน่อง พักนี้ในโบราณสถานมหามรรคมีความผิดปกติมากเกินไป เกิดเคราะห์ภัยขึ้นบ่อยครั้ง ต้องระวังตัวให้มาก”
ลั่วเสินถูกล่าวกำชับ
จากนั้นทุกคนก็เข้าไปในประตูมิติด้วยกัน
…
บนบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้น หน้าตำหนักยอดยุทธ์
ในที่สุดเงาร่างของเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวก็เดินออกมา สีหน้าของทั้งคู่ไม่อาจซ่อนแววสุขใจได้ เห็นชัดว่าประสบการณ์ของการหยั่งรู้บนหินเขียวนั่นทำให้พวกเขาได้ประโยชน์เป็นกอบเป็นกำ
หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็รีบเข้าไปรับ กล่าวว่า “พวกเจ้าสองคน เกรงว่าพวกเราต้องรีบออกจากโบราณสถานมหามรรคนี้ทันทีแล้ว”
พวกเซี่ยงเสี่ยวหยวนต่างอึ้งไป
หลินสวินเล่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตนให้ฟังโดยไม่ปิดบังใดๆ
“หมายความว่าวิญญาณร้ายที่กระจายอยู่ในโบราณสถานมหามรรค ไม่ว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิหรือระดับบรรพจารย์ ล้วนถูกควบคุมโดยสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงในบ่อน้ำโบราณนั่นหรือ”
เยวี่ยตู๋ชิวสูดหายใจสะท้าน ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา
“จอมมารที่รอดมาจากยุคก่อน เป็นหายนะร้ายแรงที่ไม่อาจประเมินได้จริงๆ มิน่าเจ้าเมืองไป๋เจี้ยนเฉินถึงเคยกล่าวไว้ว่าภัยพิบัติครั้งนี้อาจจะลุกลามไปถึงเมืองยอดยุทธ์ หากที่พี่หลินคาดเดาไว้เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นผลที่ตามมาก็ย่อมร้ายแรงมากจริงๆ”
เซี่ยงเสี่ยวหยวนก็สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาเช่นกัน
“ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องออกจากโบราณสถานมหามรรคแห่งนี้โดยเร็วที่สุด”
หลินสวินว่าพลางก็เตรียมจะเริ่มเคลื่อนไหว
จู่ๆ เสียงเย็นชาสายหนึ่งก็ดังขึ้นทันใด “คิดจาะจากไปตอนนี้หรือ สายไปแล้ว!”
เสียงสะเทือนทั่วฟ้าดินแถบนี้
ก็เห็นเงาร่างกลุ่มหนึ่งกระโจนมาจากไกลๆ แต่ละคนกลิ่นอายกร้าวแกร่ง อานุภาพทรงพลัง มีสี่สิบห้าสิบคน กำลังพลแข็งแกร่งจนสามารถทำให้ใครก็ตามใจสะท้าน
คนที่เป็นผู้นำก็คือระดับบรรพจารย์พวกอย่างเหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจว ลั่วเสินถู
เมื่อพวกเขามาถึง ไอสังหารไพศาลที่ยากอธิบายก็ปกคลุมฟ้าดินแถบนี้ ราวครอบฟ้าคลุมปฐพี ทำให้ห้วงอากาศส่งเสียงครวญ
เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวต่างหน้าเปลี่ยนสีตามๆ กัน ไม่เคยคิดสักนิดว่าจะพบกับเคราะห์สังหารเช่นนี้ในขณะที่กำลังจะจากไป
หลินสวินเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน
แต่ในใจเขากลับสงบไร้คลื่น ถึงขั้นนึกขันอยู่บ้าง
เขากำลังกังวลว่าจะไม่มีโอกาสกำจัดศัตรูเหล่านี้ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายมาหาถึงที่!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์