“หลินสวิน เจ้าจะผยองเกินไปแล้ว หากยอมฟังคำผู้อาวุโสลั่วเสินถูบ้างมีหรือจะเป็นเช่นนี้”
ลั่วหลิงถอยออกไปอยู่ไกลๆ มองดูหลินสวินที่ถูกพลังนับไม่ถ้วนกลบมิด ในใจอดทอดถอนใจเบาๆ ไม่ได้
บรรพจารย์มรรคสามคนจากน่านฟ้าที่หกลงมือ มีหรือที่บรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไปในโลกพันจักรวาลจะเทียบชั้นได้
ทั้งยังมีแต่ผู้แข็งแกร่งปลายยอดในระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ กอปรกับครอบครองวิชาลับร้ายกาจมากมาย มีศาสตราจักรพรรดิแห่งยุคติดตัว ทอดสายตามองไปทั่วหล้าใครจะอยากเป็นศัตรูด้วย
เวลานี้ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิอมตะสามตระกูลที่ถอยออกไปอยู่ไกลๆ เหมือนลั่วหลิงล้วนไม่ได้อยู่เฉย เรียกจานกระบวนสารพัดแบบออกมา เริ่มวางกระบวน
ที่ทำเช่นนี้เพราะกังวลว่าหลินสวินจะใช้วิชาลับพิเศษในการหลบหนี
“พี่หลิน!”
เยวี่ยตู๋ชิวดวงตาแทบถลน
เขาตั้งท่าจะพุ่งเข้าไป กลับถูกเซี่ยงเสี่ยวหยวนขวางไว้ทันที ตวาดว่า “หากเจ้าเข้าไปคงถูกฆ่าในพริบตา จะไม่เท่ากับไปตายเปล่าหรือ”
เยวี่ยตู๋ชิวสีหน้าอึมครึม “แต่พี่หลินกำลังลำบาก จะกอดอกยืนดูอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร” แววตาเยวี่ยตู๋ชิวเปลี่ยนเป็นน่ากลัว “ในมือข้ามีไพ่ตายอยู่จำนวนหนึ่ง พอจะสู้ได้!”
เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าว “รอก่อน พวกเราใช้ไพ่ตายออกมาพร้อมกันยังจะพอเปิดทางรอดสายหนึ่งได้ หากเจ้าลงมือตอนนี้มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายระวังและเตรียมป้องกัน ทั้งยังอาจเรียกภัยมาฆ่าตัวเองได้”
นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตางดงามจะผุดประกายแน่วแน่ “ถึงตอนนั้นให้ข้ารั้งท้าย ด้วยฐานะของข้า พวกเขาไม่กล้าสังหารข้าโดยเด็ดขาด และสิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือหนีไปพร้อมกับพี่หลิน ยิ่งหนีไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี”
ในใจเยวี่ยตู๋ชิวสั่นสะเทือน มีหรือจะไม่เข้าใจ นี่เห็นชัดว่าเซี่ยงเสี่ยวหยวนตั้งใจจะเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยหลินสวิน
“ถึงจะมีพรสวรรค์ แต่กลับไม่รู้ดีชั่ว ก็ต้องประสบเคราะห์ตายในที่สุด”
เหวินเทาเลวี่ยสีหน้าเรียบเฉย ทวนศึกสำริดในมือกวาดขวาง ควบรวมเป็นประกายคมหมื่นจั้ง พุ่งสังหารทั่วพื้นที่
การโจมตีนี้เสมือนจะตัดแยกฟ้าดิน!
ส่วนลั่วเสินถูยิ่งไม่เอ่ยพูดสักคำ ไม้เท้าต้อนดาราในมือเคาะออกไปกว่าร้อยครั้งในชั่วอึดใจ ทันใดนั้นดวงดาวไร้สิ้นสุดพลันทะยานเข้ามา รายล้อมด้วยแสงอสนีม่วงอันน่าสะพรึง แผ่ครอบฟ้าดิน พุ่งโจมตีเข้าใส่หลินสวิน
ตูม ครืน!
ราวกับทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมา ราวกับเทพอสนีโบราณตวัดแส้ในมือ ทั้งห้วงอากาศเหลือเพียงสายฟ้าสีม่วงที่เจือพลังโทษทัณฑ์ไร้ขอบเขตกรีดสะบัดร่ายรำนับพันหมื่น
กลองหนังสัตว์ของเหิงสิงโจวก้องกังวานต่อเนื่อง แน่นขนัดดุจสายฝน กึกก้องสนั่นหวั่นไหว แปลงเป็นคลื่นเสียงสีทองพร่างฟ้า ควบคุมจิตวิญญาณ สะเทือนสภาวะจิต น่าสะพรึงแปลกประหลาด
บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนล้วนโจมตีเต็มกำลัง!
ชั่วอึดใจเดียวหลินสวินตกสู่สภาพไร้ทางหนีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลังน่าประหวั่นเช่นนี้เกือบจะทำให้คนสิ้นหวัง!
ฝ่ามือเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวล้วนบีบแน่น ร่างกายรัดเกร็ง
ตูมๆๆ!
การโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนตกใส่รอบตัวหลินสวินโดยตรง เพียงชั่วอึดใจฟ้าดินแถบนั้นล้วนถูกอานุภาพน่าสะพรึงเบียดแทรก
พลังที่พวยพุ่งถึงขั้นเจาะทะลวงลงมา โจมตีเข้าใส่ผืนปฐพี
แผ่นดินถูกฟาดแตกทันที เกิดเป็นหลุมบ่อมหึมากินพื้นที่หมื่นจั้งเต็ม ลึกจนไม่เห็นก้น บันไดหินเก้าสิบเก้าขั้น รวมถึงตำหนักยอดยุทธ์บนนั้นล้วนได้รับแรงโจมตีด้วยเช่นกัน สั่นโคลงรุนแรง
“ตายแล้วหรือ”
มีคนร้องขึ้นมาอย่างยินดี
ภายใต้การเข่นฆ่าน่าพรั่นพรึงเช่นนี้ ต่อให้เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิยังต้องร่วงหล่น นับประสาอะไรกับหลินสวิน ทุกคนมองดูอย่างตั้งตาคอย แต่กลับเห็นภาพน่าเหลือเชื่อภาพหนึ่ง
ละอองแสงพุ่งสาด ไหลหลั่งปั่นป่วนอยู่กลางวังวน
เงาร่างหลินสวินเดี๋ยวเลือนเดี๋ยวชัด เพลิงเทพสีดำสนิทดุจน้ำหมึกสายหนึ่งในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ลอยเหนือศีรษะของเขาดุจดั่งสัตว์ร้ายบรรพกาลที่ถูกกำราบมาช้านาน พุ่งโฉบออกมาในทันที เพียงแค่กลิ่นอายชวนขนลุกที่ปลดปล่อยออกมา ก็กวาดล้างอานุภาพการโจมตีของบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนจนหมดสิ้น
เพลิงระเบียบดับสูญ!
ปรากฏบนโลกในที่สุด!
นี่เป็นเพลิงเทพที่แปลงมาจากพลังระเบียบที่พังทลายในช่วงยุคก่อนดับสลาย แปรสภาพมาจากเศษเสี้ยวระเบียบนับไม่ถ้วน
ตอนแรกก็เพราะอาศัยเพลิงนี้ บรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเหิงเทียนซั่วยังถูกเผาวอดในพริบตา เผาจนจิตกายดับสิ้น วิญญาณแตกซ่าน!
แม้ว่าสิ่งที่ปลดปล่อยออกมาในตอนนี้จะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ดูเหมือนเล็กจ้อยไร้ใดเปรียบ แต่ก็น่าสะพรึงถึงขีดสุด เหนือกว่าจินตนาการของผู้คนไปไกลโข
พร้อมๆ กับการปรากฏของเพลิงระเบียบดับสูญเสี้ยวนั้น ฟ้าดินราวกับกลายเป็นเตาเพลิงใบใหญ่ กระแสร้อนระอุเดือดคลั่งไร้สิ้นสุดพุ่งทะยานฉับพลัน ห้วงอากาศล้วนถูกเผาไหม้กลายเป็นหลุมดำ เส้นแสงบิดเบี้ยวขาดสะบั้น ละอองแสงมหามรรคล้วนถูกหลอมระเหยสิ้นในพริบตา
เหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจว ลั่วเสินถูล้วนหน้าเปลี่ยนสีตามๆ กัน ตระหนักถึงอันตรายยิ่งยวด ใช้ไพ่ตายออกมาทันใด
“โอม!”
“ทะยาน!”
“สยบ!”
ก็เห็นภาพภูผาธาราสีเขียวภาพหนึ่ง ลัญจกรหยกหลากสีสันชิ้นหนึ่ง ร่มสำริดที่อสนีรัดพันคันหนึ่ง ถูกพวกเหวินเทาเลวี่ยเรียกออกมาในทันใด
สมบัติเหล่านี้ล้วนล้ำค่าหายากสุดจะเปรียบ เป็นไพ่ตายอย่างแท้จริง หากไม่อยู่ในช่วงชี้เป็นชี้ตาย พวกเขาไม่มีทางเรียกใช้เด็ดขาด
ตูม!
ก็เห็นฟ้าดินแถบนั้นถูกแสงสมบัติน่าสะพรึงกลบมิดโดยสมบูรณ์ เจิดจ้าบาดตา สว่างไสวสุดขีด พลังพลุ่งพล่านรวมตัวกันเป็นทะเลคลั่ง โหมกระหน่ำดุเดือด
อานุภาพระดับนั้นค่อยๆ แผ่ขยายออกมา ล้วนสามารถบดขยี้สุริยันจันทรา เจาะทะลวงเวิ้งฟ้า!
เพียงแค่มองจากไกลๆ ก็ทำให้ผู้คนหนังหัวชาหนึบ สั่นเทิ้มไปทั่วร่างแล้ว น่ากลัวเกินไปแล้ว ไม่อาจเข้าใกล้ได้สักนิด หาไม่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เพียงพริบตา…
แสงสมบัติเจดจ้าสว่างโรจน์และกระแสงพลังโหมคลั่งเหล่านี้ราวกับถูกเผาไหม้และระเหยไป ร่วงโรยลงเป็นชิ้นๆ ลอยกระจายกลายเป็นเถ้าธุลี
สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าหลินสวินที่อยู่กลางอานุภาพเดือดคลั่งนั่นถึงกับยังรอดชีวิตอยู่!
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
พวกลั่วหลิงล้วนเบิกตากว้างอย่างไม่กล้าเชื่อ
การโจมตีของผู้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ หลินสวินถึงกับรอดมาได้ นี่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
หรือเป็นเพราะเปลวเพลิงสีดำนั่น
คนมากมายใจสั่นสะท้าน
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นยิ่งกว่าคือ เวลานี้บรรพจารย์จักรพรรดิทั้งสามอย่างเหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจว ลั่วเสินถูถึงกับร้องโหยหวนไม่หยุด อาการเหมือนปวดแสบปวดร้อนสุดขีด สีหน้าดูไม่ได้เป็นที่สุด
ก็เห็นสมบัติก้นกรุที่พวกเขาแต่ละคนเรียกออกมาล้วนได้รับความเสียหาย ภาพภูผาธาราสีเขียวเกิดรูโบ๋ไหม้เกรียม ลัญจกรหยกหลากสีอับแสง ปรากฏรอยไหม้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์