Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2519

ปีที่สองที่หลินสวินออกจากเมืองยอดยุทธ์

ในโบราณสถานมหามรรค ภัยพิบัติที่หลงเหลืออยู่ตั้งแต่ยุคก่อนปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์

ข้างบ่อน้ำโบราณ กระบี่ยอดยุทธ์พังลงทุกกระเบียด เสียงครวญดังก้องห้วงอากาศ ปั่นป่วนอยู่ในฟ้าดารา

ภายในบ่อน้ำโบราณ เงาร่างสูงใหญ่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ทั้งร่างปกคลุมด้วยพันธนาการระเบียบสีดำร่างหนึ่งปีนออกมา ทันทีที่ปรากฏตัวบนโลก อานุภาพของเขาก็ม้วนตลบไปทั้งโบราณสถานดึกดำบรรพ์

วิญญาณร้าย ซากศพ น้ำเลือดนับไม่ถ้วน… ต่างกลายเป็นกระแสพลังดั่งกระแสธาร ถูกเงาร่างสูงใหญ่นั้นกลืนกินจนเกลี้ยง

จนสุดท้าย โบราณสถานมหามรรคที่เทียบได้กับโลกใหญ่แห่งหนึ่งก็แตกร้าวระเบิดกระจุยกลายเป็นฝุ่นธุลี หายลับไปจากโลกโดยสิ้นเชิง

วันนี้

มารเทพตี้สือผงาดขึ้นเหนือท้องฟ้าจากการกำราบมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด!

และก็เป็นวันนี้ ด่านนภาอมตะที่เก้าตกอยู่ในความยุ่งเหยิงปั่นป่วนนองเลือด ฟ้าดาราแถบนั้นยังถูกย้อมเป็นสีแดง ดวงดาวไม่รู้เท่าไรระเบิดออก

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากมารเทพตี้สือปรากฏตัวบนโลก อานุภาพจะแกร่งกล้าเช่นนี้ ชั่วขณะที่ชูมือขึ้นก็ทำลายดวงดารา กดอัดท้องนภา

นี่เป็นหายนะครั้งหนึ่ง นำพาทุกข์เข็ญมาสู่สรรพชีวิต

มีคนคาดเดาว่ามารเทพที่ถูกผนึกไว้ตั้งแต่ยุคก่อนผู้นี้ ก้าวเหนือระดับบรรพจารย์ไปแล้ว ส่วนจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่นั้น ไม่มีใครล่วงรู้

เมืองยอดยุทธ์ประสบเคราะห์ สถานการณ์อันตรายถึงขีดสุด

ต่อให้ไป๋เจี้ยนเฉินใช้พลังผนึกปกคลุมทั้งเมือง ต้านไว้ได้เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ถูกมารเทพตี้สือทำลายในฝ่ามือเดียว

เมืองยอดยุทธ์อันกว้างใหญ่ไร้การป้องกันโดยสมบูรณ์!

เมื่อเห็นว่าด่านนภาอมตะที่เก้ากำลังจะถูกทำลาย บุคคลน่ากลัวที่จากโลกยอดนิรันดร์ทั้งหมดต่างเข้าร่วมสู้ศึกกับมารเทพตี้สือเหนือฟ้าดารา

นี่คือกองทัพเสริมที่ไป๋เจี้ยนเฉินเชิญมา

เขาเตรียมการรับมือเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่พวกหลินสวินเข้าร่วมการทดสอบ

และนับแต่วันนี้ไป หินทรายปลิวว่อน ลมทะมึนกราดเกรี้ยว สีเลือดกวาดนภา มหาศึกเหนือฟ้าดาราดุเดือด มีดวงดาวถล่มร่วงโรยเปื้อนเลือดอยู่ตลอด

สภาพเช่นนี้ดำเนินอยู่สามปีเต็ม ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ บรรพจารย์จักรพรรดิผู้หนึ่งลองรวบรวมความกล้า ผลีผลามเข้าไปในบริเวณชายขอบของสามรบ ผลก็คือกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อนอย่างรวดเร็ว

เพราะมหาศึกครั้งนี้เกินกว่าระดับบรรพจารย์ไปนานแล้ว เป็นการประชันอันไร้เทียมทานบนมรรคาอมตะ ต่อให้เป็นไป๋เจี้ยนเฉินยังไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วม

สามปีผ่านไป เลือดไหลเป็นสายธาร ย้อมห้วงอากาศเป็นสีแดง เมืองยอดยุทธ์แตกกระจายกลายเป็นซากปรักหักพังลอยเคว้งอยู่ในห้วงอากาศ

ระดับอมตะที่เข้าร่วมการต่อสู้มาตลอดบาดเจ็บล้มตายในศึกนี้มากมาย จิตร่วงหล่น ศพปลิวว่อน ดวงดาวถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง

ศาสตรามรรคอมตะหรือสมบัติลับอัศจรรย์แต่ละชิ้นปะทะกันอย่างรุนแรงจนแหลกกระจุยระหว่างการต่อสู้ ทำให้ฟ้าดาราแถบนั้นยังจ่อมจม…

สามปี!

ผลลัพธ์ของมหาศึกที่เรียกได้ว่าน่าครั่นคร้ามครั้งนี้ไม่มีทางล่วงรู้ได้

ลือกันว่ามารเทพตี้สือถูกฉีกศพออกเป็นสิบกว่าส่วน ถูกเหล่าระดับอมตะผนึกไว้แล้วนำออกไป

ทั้งยังมีข่าวลือว่ามารเทพตี้สือไม่ได้ร่วงหล่น เพียงแต่ในช่วงสุดท้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส หนีไปกบดานนานแล้ว

แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ เมืองยอดยุทธ์พินาศไปแล้ว ด่านนภาอมตะที่เก้านี้ก็หายลับไปจากแดนใหญ่พันศึกโดยสิ้นเชิงเช่นกัน

กรำศึกมาสามปี ทำให้เส้นทางจากด่านนภาอมตะที่แปดไปสู่ด่านนภาอมตะที่เก้าขาดสะบั้นโดยสมบูรณ์ วิเวกวังเวงไปหมด

เมื่อเรื่องกระจายออกมาก็สะเทือนไปทั้งแดนใหญ่พันศึก

พอได้รู้ข่าวนี้หลินสวินยังจิตใจปั่นป่วนอย่างเลี่ยงไม่ได้

เมืองยอดยุทธ์พังพินาศ มารเทพตี้สือไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ด่านนภาอมตะที่เก้าก็กลายเป็นกองซากในประวัติศาสตร์ลงเช่นนี้…

แล้วในตอนนั้น จะมีสิ่งมีชีวิตมากมายแค่ไหนพลอยติดร่างแห วอดวายไปในความโกลาหลครั้งนี้ด้วย

หลินสวินไม่ได้เศร้าใจอะไร เดินหน้าต่อไป ก้าวย่างไปบนเส้นทางสู่โลกยอดนิรันดร์

……

กาลเวลาผันผ่านไปปีแล้วปีเล่า

ในแดนใหญ่พันศึกอันกว้างใหญ่ไพศาล หลินสวินเดินทางเพียงลำพัง ฝ่าสมรภูมิอันตรายแห่งแล้วแห่งเล่า เข้าไปยังด่านนภาอมตะด่านแล้วด่านเล่า…

ก้าวข้ามภูเขาศพทะเลเลือด ปีนป่ายกองคนตายนับไม่ถ้วน พายุฝนคาวโลหิตตามติดไปตลอดทาง ผ่านความทุกข์เข็ญท่ามกลางความเป็นความตาย ประหนึ่งกระบี่สวรรค์ไร้เทียมทานเล่มหนึ่งเปล่งแสงแห่งชีวิตเจิดจ้า แหลมคมหาใดเทียบ ซ่อนอยู่ภายในฝักกระบี่

หลายปีมานี้เขาได้รับมหาเคราะห์ทะลวงระดับที่นอกด่านนภาอมตะที่สิบแปดครั้งหนึ่ง ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดอันเหนือธรรมดา

ผ่านการต่อสู้เจ็ดวันเจ็ดคืน ในที่สุดก็เหยียบย่างสู่ระดับจักรพรรดิขั้นแปด ขั้น ‘ผสานมรรค’!

ผสานมรรค

หลอมรวมมหามรรคทั้งปวงไว้ในร่างเดียว

หากกล่าวว่ากฎเกณฑ์มหามรรคห้าพันกว่าชนิดที่หลินสวินครอบครองเป็นมุกสมบัติเจิดจรัสเม็ดแล้วเม็ดเล่า เช่นนั้นขั้นผสานมรรคก็คือการใช้มรรควิถีของตนเป็น ‘เส้นด้าย’ ร้อยมุกสมบัติเหล่านี้ไว้ด้วยกันจนเกิดเป็นสร้อยมุกสมบัติเส้นหนึ่ง กลมเกลี้ยงเป็นหนึ่งเดียว

และต่อมา หลินสวินใช้เวลาอีกหนึ่งปีสร้างความมั่นคงอย่างสมบูรณ์ให้ขั้นพลังนี้ จากการต่อสู้ผ่านฝนโลหิตสารพัดรูปแบบ

หลายปีมานี้หลินสวินกรำศึกไม่ว่างเว้น ระหว่างทางก็กลายเป็นคนร้ายกาจยิ่งยวดที่ยามคนไม่น้อยพูดถึงแล้วหน้าเปลี่ยนสี เพราะคู่ต่อสู้ที่เขาสังหารมีมากมายเกินไป

ถึงตอนนี้ขอเพียงเขาปรากฏตัว ไม่ต้องแจ้งชื่อแซ่ แค่เห็นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ลอยอยู่เหนือหัวเขาก็ถูกมองฐานะออก ทำให้ศัตรูหลบหนีลุกลี้ลุกลน

และหน้าประตูเมืองแต่ละแห่งในด่านนภาอมตะที่เขาเดินทางผ่าน ต่างก็แขวนประกาศจับของเขา ไม่ว่าจะเป็นลำดับหรือเงินรางวัลล้วนขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง!

ชางฝูเซิงที่อยู่อันดับหนึ่งแต่เดิมกลายเป็นอันดับสองแล้ว…

ขณะเดียวกันนี่ก็ทำให้เกิดความสะท้านสะเทือนยิ่งยวด ทุกครั้งที่หลินสวินเข้าสู่ด่านนภาอมตะจะต้องปิดบังร่องรอยและเปลี่ยนฐานะตัวตน หาไม่แล้วจะถูกจวนเจ้าเมืองจัดการเต็มกำลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์