ตอนที่ 2536 ปิดฉากครองสังเวียน
บรรพจารย์กระบี่หนานหย่งเชียงถึงกับตายแล้ว?
ผู้ชมการต่อสู้ทั้งหมดล้วนไม่กล้าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลชั้นสูงจากโลกยอดนิรันดร์เหล่านั้น หรือพวกกร้าวแกร่งจากโลกพันจักรวาลล้วนสีหน้าหวาดหวั่น
อานุภาพมรรคกระบี่ที่หนานหย่งเชียงสำแดงก่อนหน้านี้แข็งกร้าวน่าประหวั่นปานนั้น แทบทำให้คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับบรรพจารย์คนใดก็ตามรู้สึกสิ้นหวัง
แต่กลับถูกหลินสวินสังหารในกระบี่เดียว!
นี่ไม่ใช่หมายความว่าความแข็งแกร่งของหลินสวินบรรลุถึงขั้นที่กำราบระดับบรรพจารย์ได้แล้วหรือ
ในหัวทุกคนผุดความคิดนี้ขึ้นมาในบัดดล
คนมากมายล้วนถูกความคิดของตัวเองทำให้สะดุ้งตกใจ
บรรพจารย์มรรคเปรียบดั่งปราการสวรรค์ หมื่นกาลตราบปัจจุบันแทบไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการข้ามระดับไปสังหารเขา แม้แต่มกุฎมหาจักรพรรดิที่มีถูกยกย่องว่าเป็นปีศาจแห่งยุคในโลกยอดนิรันดร์เหล่านั้น เกรงว่าอาจทำถึงขั้นนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่หลินสวินกลับทำได้!
เขาทำลายปราการสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ได้ สร้างบันทึกระดับตำนานขึ้นในวันนี้!
ต่อให้เขาร่วงหล่นที่นี่ แต่ด้วยผลงานก็สามารถทำให้เขาทิ้งชื่อระบือกาล กลายเป็นตำนานที่คนรุ่นหลังเชิดชู
เวลานี้คนตระกูลหนานเหล่านั้นล้วนเหมือนบุพการีเสียชีวิต ไม่อาจยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้ได้
หนานเทียนป้าตายแล้ว หนานเทียนเจิงก็ตายแล้ว ถึงตอนนี้แม้แต่บรรพจารย์จักรพรรดิหนานหย่งเชียงที่แข็งแกร่งที่สุดในกองกำลังของพวกเขาก็ยังร่วงหล่น
แล้วพวกเขาจะเอาอะไรไปตั้งตนเป็นศัตรูกับหลินสวิน
ความรู้สึกสิ้นหวังและคับแค้นเศร้าโศกอย่างบอกไม่ถูกลุกลามในจิตใจคนตระกูลหนานเหล่านี้ พวกเขาสีหน้าระทดท้อ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
ทั่วลานเงียบกริบ ไร้ซึ่งสรรพเสียง
หลินสวินตรวจสอบทรัพย์หลังศึกแล้วหยิบกระบี่โบราณที่หนานหย่งเชียงเหลือทิ้งไว้ อดกล่าวทอดถอนใจไม่ได้
“กระบี่นี้ไม่ธรรมดา แต่กลับทำลายตัวเองเพราะการร่วงหล่นของผู้เป็นเจ้าของ ช่างน่าเสียดายจริงๆ…”
แม้จะพูดเช่นนี้เขาก็ยังโยนกระบี่เล่มนี้เข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง จริงอยู่ว่ากระบี่เล่มนี้พังเสียหาย แต่กลับมีกลิ่นอายวัตถุอมตะเป็นสายๆ สามารถเอามาทำเป็นสารหล่อเลี้ยงบำรุงให้กับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งได้…
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนสลับไปมา สายตาที่มองหลินสวินล้วนเจือแววหวั่นเกรงและกังขาลึกๆ
ช่วงแรกสุดตอนที่เห็นหลินสวินปรากฏตัวอยู่โบราณสถานทวยเทพแห่งนี้ ทุกคนยังรู้สึกเหลือเชื่อ คิดว่าหลินสวินใจกล้าเทียมฟ้าชัดๆ เพื่อวาสนาแล้วถึงกับไม่สนใจแม้แต่ชีวิต
ไม่ต่างอะไรกับมาตายเปล่าสักนิด
แต่ตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทุกคนล้วนเดาผิด หลินสวินไม่ได้ใจกล้าจนไม่รักตัวกลัวตาย หากแต่มั่นใจเพราะมีฝีมือจริง!
มรรควิถีในตัวสามารถกำราบบรรพจารย์จักรพรรดิได้ ยังมีอะไรให้ต้องกลัวอีก
และเบื้องหน้าตำหนักเซียนใจกลางแห่งนี้ มีข้อจำกัดของกฎระเบียบมากมาย อย่างน้อยในศึกครองสังเวียนนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกล้อมโจมตี
และไม่ต้องกังวลว่าศัตรูจะดึงไพ่ตายออกมาใช้
เพราะทั้งหมดนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาด!
และในสถานการณ์ต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง… ใครยังจะกล้าร้องท้าจะเอาชนะหลินสวินได้อีก
ยิ่งคิดในใจทุกคนก็ยิ่งหนักอึ้ง
สำหรับพวกเขาแล้ว หลินสวินที่ตอนนี้เอาชนะติดต่อกันได้สามครั้ง เหมือนจะกลายเป็นปราการสวรรค์กั้นขวางอยู่ตรงนั้น ชวนให้คนครั่นคร้าม
บรรยากาศเงียบสงัด เงียบจนน่ากลัว
พร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนคล้อย ถึงกับไม่มีคนก้าวขึ้นไปท้าสู้อีก
เห็นชัดว่าล้วนถูกพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงก่อนหน้านี้ทำให้เสียขวัญแล้ว
“ภายในหนึ่งเค่อ หากไม่มีใครท้าสู้ ข้าคนแซ่หลินก็เท่ากับครองสังเวียนสำเร็จ สามารถตรงเข้าสู่ด่านที่สองได้แล้ว”
บนสมรภูมิทวยเทพ หลินสวินเอามือไพล่หลังเอ่ยปากราบเรียบ สายตากวาดมองคนตระกูลหนานพวกนั้นไม่หยุด
ทว่าแม้สีหน้าของคนตระกูลหนานจะเต็มไปด้วยแววเคียดแค้นและเดือดดาล แต่กลับไม่มีใครกล้าสบตาหลินสวินอีก
ส่วนผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ในที่นี้ล้วนมีสีหน้าแตกต่างกันไป มองหน้าสบสายตากัน ไม่มีใครอยากไปท้าทายหลินสวินในเวลานี้
ต่อให้เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิบางส่วนก็เลือกรอดูสถานการณ์ไปก่อน
ขณะนี้เวลาหนึ่งเค่อใกล้เข้ามาแล้ว กลับเห็นหลินสวินที่อยู่ในสมรภูมิทวยเทพ จู่ๆ ก็เดินไปยังทางเดินสีทองนั่น
พริบตานั้น หลักฐานยืนยันไอเซียนสามสายที่เขาได้มาจากการชนะสามศึกรวดก่อนหน้านี้ก็ปลดออกจากร่างเขา หายลับไปในสมรภูมิทวยเทพ
“เหตุใดเจ้าหมอนี่ถึงเป็นฝ่ายยอมแพ้เองเล่า”
ทุกคนดวงตาอึ้งค้าง เกือบคิดว่าตาลาย
กลับเห็นหลินสวินกล่าวกลั้วหัวเราะ “อย่างไรก็มีเวลาเจ็ดวัน ทุกท่าน ใครอยากขึ้นมาครองสังเวียนสมรภูมิทวยเทพก็เชิญได้เลย ส่วนข้าคนแซ่หลินจะรอสักหน่อย”
รอสักหน่อย?
ทุกคนเริ่มเข้าใจขึ้นมารางๆ แล้ว คนไม่น้อยยิ่งสูดหายใจสะท้าน สายตาที่มองทางคนตระกูลหนานเหล่านั้นล้วนเจือแววเวทนา
ที่หลินสวินทำเช่นนี้ เห็นชัดว่าไม่คิดจะปล่อยคนตระกูลหนานไปแม้แต่คนเดียว!
และอันที่จริงคนตระกูลหนานก็ไม่กล้าสู้กับหลินสวินอีก แต่ขอเพียงพวกเขากล้าขึ้นสังเวียนสมรภูมิทวยเทพ หลินสวินที่ละทิ้งการครองสังเวียนจะต้องก้าวไปท้าสู้ สำแดงอานุภาพเข่นฆ่าทันทีแน่นอน
และเวลาของศึกครองสังเวียนมีเพียงเจ็ดวันเท่านั้น ต่อให้คนตระกูลหนานอดกลั้นไม่ลงมือได้ แต่เมื่อพ้นเจ็ดวันไป ไหนเลยจะยังมีโอกาสเข้าไปในด่านที่สองอีก
และนี่เท่ากับว่าพวกเขาไร้วาสนากับศุภโชคในตำหนักเซียนใจกลางแล้ว
นี่ต่างหากคือจุดประสงค์ที่หลินสวินเลือกจะอยู่ต่อ!
“หลินสวิน เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!”
เห็นชัดว่าคนตระกูลหนานเหล่านั้นก็รับรู้แล้ว แต่ละคนโกรธจนตาแทบถลน เดือดดาลจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ แทบอยากแล่เนื้อหลินสวินทั้งเป็น
หลินสวินกล่าวกลั้วหัวเราะ “ขออภัย ก็ข้าอยากรังแกพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าถ้าไม่ตายก็ถูกคัดออก หากสามารถฆ่าให้หมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวได้ เช่นนั้นย่อมดีเข้าไปใหญ่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์