ตอนที่ 2538 ดำเนินการล่าสัตว์
ประโยคเดียวของอวิ๋นจิ่วเวย ทำให้คนอื่นๆ นิ่งเงียบ
‘นัยเร้นลับสูงสุด’ ในโบราณสถานทวยเทพอาจทำให้คนไขว้เขว แต่เหตุที่ระดับอมตะอย่างพวกเขาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพียงเพื่อการนี้เท่านั้น
ว่ากันถึงที่สุด เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว…
หลินสวิน!
ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่ชิงวาสนายอดหนทางสู่อมตะไปคนนั้น!
ขอเพียงจับเขาได้ เรื่องอื่นล้วนเป็นเรื่องรอง
…
แดนเซียนว่างเปล่า
ส่วนลึกของเทือกเขาที่สลับซับซ้อนทอดยาวสุดสายตาดุจมังกรเลื้อยรัด หมอกเซียนลอยล้อม สี่ทิศวังเวง
ไอวิญญาณเซียนเข้มข้นลอยคลุ้งทั่วฟ้าดิน กลางภูผาธารากลับปราศจากสิ่งมีชีวิต และไม่มีโอสถสมุนไพรวิเศษอะไร
ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับเป็นซากสถานของโลกที่แตกดับแห่งหนึ่ง
แกร๊ง!!
เสียงกระทบบาดหูหาใดเปรียบทำลายความเงียบของเทือกเขาแถบนี้โดยพลัน จากนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ไร้ขอบเขตพุ่งออกมา เจาะทะลวงเวิ้งฟ้า ภูเขาบริเวณใกล้เคียงลูกแล้วลูกเล่าล้วนถล่มครืนฉับพลัน กลายเป็นเถ้าธุลี ห้วงอากาศถูกคลื่นต่อสู้บ้าคลั่งฉีกทึ้งราวกระดาษผ้ากระจัดกระจาย
วู้ม…
ละอองเลือดสายหนึ่งพุ่งกระเซ็น สยองขวัญติดตา
หลินสวินชูมือฟันกระบี่ ผ่าชายสวมเกราะสีเข้มที่สูงใหญ่กำยำคนหนึ่งขาดเป็นสองท่อน กระแสปราณกระบี่เผด็จการไร้ทัดเทียม กลบจิตดั้งเดิมที่เพิ่งลอยหนีออกไปของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ ชั่วพริบตาพลันแหลกสลายหายเกลี้ยง
หลินสวินถอนใจยาว โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เก็บทรัพย์หลังศึกที่หล่นร่วงจากตัวอีกฝ่าย จากนั้นแปลงเป็นแสงเคลื่อนไหวสายหนึ่งหายลับไปในเทือกเขาเวิ้งว้างแถบนี้ในทันที
“คนที่สาม”
หลินสวินพลิกมือ ป้ายยืนยันที่เกิดจากแสงเซียนรวมตัวอันหนึ่งโผล่ขึ้นมา พื้นผิวป้ายยืนยันเพิ่มคราบสีเลือดขึ้นมาอีกสามสาย แดงสดดั่งเพลิงโหม
นี่หมายความว่าชายร่างกำยำที่เพิ่งถูกเขาสังหารเมื่อครู่ เป็นผลงานการต่อสู้คนที่สามของเขา
และเวลานี้ เป็นชั่วยามที่หกที่หลินสวินเข้ามาเริ่มล่าสัตว์ในแดนเซียนว่างเปล่าแห่งนี้
เขาเริ่มคุ้นเคยกับกฎการ ‘ล่าสัตว์’ แล้ว
สถานที่แห่งนี้ทุกคนล้วนเป็นผู้ล่า และทุกคนล้วนเป็นเหยื่อ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรอดชีวิตในท้ายที่สุด และใครจะกลายเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้าม
นี่ก็คือการล่าสัตว์
ระยะเวลาสามวัน เหยื่อของผู้ล่ายิ่งมาก หมายความว่าผลงานการต่อสู้ยิ่งสูง เมื่อด่านที่สองนี้สิ้นสุด ยิ่งผลงานการต่อสู้สูงเท่าไหร่ รางวัลที่ได้รับยิ่งล้นหลาม
จากความเข้าใจของหลินสวิน ในศึกฟ้าเลือกสรรของยุคก่อน ด่านล่าสัตว์นี้เป็นด่านที่หฤโหดนองเลือดมากที่สุด
ผู้ที่เข้าสู่แดนเซียนว่างเปล่ามาได้ ล้วนเป็นพวกร้ายกาจที่เคยได้รับชัยชนะเก้าศึกรวดจากศึกครองสังเวียนมาแล้ว แต่ละคนล้วนมีมรรควิถีน่ากลัว ช่ำชองมากประสบการณ์ ไม่ว่าสภาพจิต เจตจำนง หรือประสบการณ์และฝีมือต่อสู้ล้วนเหนือกว่าคนทั่วไป น่าสะพรึงสุดขีด
เหมือนอย่างคู่ต่อสู้สามคนที่หลินสวินสังหารก่อนหน้านี้ สองคนเป็นพวกโหดหินระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด อีกคนเป็นบรรพจารย์มรรค ล้วนเป็นบุคคลสะท้านยุคที่แกร่งกร้าวสุดขั้ว หากอยู่แดนใหญ่พันศึกล้วนเป็นบุคคลระดับแนวหน้าปลายยอด
สิ่งที่ทำให้คนครั่นคร้ามที่สุดคือ ในแดนเซียนว่างเปล่าอนุญาตให้หยิบยืม ‘ปัจจัยภายนอก’ ได้!
นี่หมายความว่าผู้ที่เข้าร่วมการล่าสัตว์ทุกคนยิ่งมีไพ่ตายและไม้เด็ดในครอบครองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายยิ่งขึ้นเท่านั้น
ตอนที่หลินสวินสังหารคู่ต่อสู้คนที่สอง ก็ถูกไพ่ตายของอีกฝ่ายเล่นงานจนตั้งรับไม่ทัน ฝากแผลให้เขาไม่น้อย
หากไม่เพราะเขาใช้อภินิหารหยุดเวลายับยั้งอานุภาพไพ่ตายของอีกฝ่ายได้ในทันที อาจถูกทำร้ายเจ็บหนักและสิ้นชีพไปก็เป็นได้!
‘การล่ามีเวลาเพียงสามวัน หากบาดเจ็บเมื่อไหร่ ต่อให้เป็นเล็กน้อย แต่ถ้าไม่อาจฟื้นฟูสู่สภาพปกติภายในเวลาอันสั้นก็ยังอันตรายถึงชีวิต…’
หลินสวินรู้ดียิ่ง ต่อให้เป็นบรรพจารย์มรรค เมื่อได้รับบาดเจ็บก็ต้องส่งผลต่อการสำแดงพลังต่อสู้ของเจ้าตัว และหากถูกคู่ต่อสู้หมายหัว ย่อมตกสู่สภาพหมื่นเคราะห์ไม่อาจหวนคือ!
‘หากไม่ต้องปะทะตรงๆ ได้ย่อมเป็นวิธีที่เข้าท่าที่สุด…’
หลินสวินตระหนักได้ว่าหากต้องการอยู่รอดต่อไปในสามวันนี้ ก็ต้องดำเนินการอย่างเงียบๆ เขาไม่กลัวการเข่นฆ่า แต่ก็ไม่อาจไม่หวั่นเกรงไพ่ตายที่ศัตรูเหล่านั้นกุมอยู่ในมือ
ถึงขั้นที่เขาไม่สงสัยสักนิด ว่าใครก็ตามที่ฝ่าทะลวงเข้ามาในการด่านล่าสัตว์ได้ ในมือย่อมไม่ขาดแคลนไพ่ตายที่พลิกฟ้าบางอย่าง
เหมือนอย่างศึกครองสังเวียนก่อนหน้านี้ ลำพังแค่จากตัวพวกหนานหย่งเชียง หนานเทียนเจิง หนานเทียนป้า ก็ทำให้หลินสวินกอบโกยของดีที่บรรจุพลังผนึกมาได้แล้วหกอย่าง
สามชิ้นในนี้เป็นสมบัติที่บรรจุพลังเจตจำนงอมตะเอาไว้ เมื่อสำแดงออกมา แม้จะไม่สามารถเทียบกับระดับอมตะตัวจริงได้ แต่พลังทำลายล้างเช่นนั้นก็สามารถสร้างภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตของบรรพจารย์มรรคได้!
ขณะเดียวกันก็ยังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อเขาหลินสวินด้วยเช่นกัน
น่าเสียดาย พลังเจตจำนงอมตะที่บรรจุในสมบัติสามชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ระดับอมตะจากตระกูลหนานทิ้งเอาไว้ จำเป็นต้องใช้สายเลือดคนตระกูลหนานมากระตุ้น คนนอกไม่สามารถใช้งานได้โดยสิ้นเชิง
กลับเป็นสมบัติอีกสามชิ้นที่เหลือที่ดึงดูดความสนใจของหลินสวิน
‘ยันต์เคลื่อนฟ้า’ แผ่นหนึ่ง เป็นยอดอาวุธที่ใช้ในการหลบหนี เมื่อใช้ยันต์ ต่อให้ตกอยู่กลางวงล้อมแน่นหนาก็สามารถย้ายหนีไกลหมื่นลี้ได้ในชั่วพริบตา
จากการสัมผัสของหลินสวิน ภายในยันต์เคลื่อนฟ้านี้บรรจุกลิ่นอายระเบียบมิติเป็นริ้วๆ อัศจรรย์พันลึกสุดขั้ว
อีกสองชิ้นที่เหลือเป็นยันต์หยกและดาบขึ้นสนิมท่อนหนึ่ง
ยันต์หยกประทับสัญลักษณ์ ‘ทวนหมื่นมายา’ แผ่นนั้นกลิ่นอายคลุมเครือชวนสยอง แค่กำให้แตกก็สามารถปลดปล่อยเจตจำนงทวนหมื่นมายาออกมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์