ตอนที่ 2540 ระลอกคลื่นน่าสงสัย
คำพูดของกู้ปั้นจวงทำให้บรรยากาศอึมครึมขึ้นมาก ทุกคนต่างไม่คาดคิดว่าหลินสวินจะดันวิปริตขนาดนี้
“แต่ขณะเดียวกัน หลังใช้ร่างแยกสายหนึ่ง พลังร่างต้นของเขาต้องอ่อนแรงไปไม่น้อย ก็จะฆ่าเขาให้ตายได้ง่ายขึ้น”
ลี่เฮิ่นสุ่ยกล่าวอย่างใคร่ครวญ “จัดการตามนี้แล้วกัน ข้าจะนำคนกับพวกสหายยุทธ์ปั้นจวงเคลื่อนไหวพร้อมกัน พี่ลั่วหงพาคนมุ่งหน้าไปอีกทาง”
อวิ๋นลั่วหงไม่หือไม่อือ
แต่กู้ปั้นจวงกลับโต้แย้ง กล่าวว่า “ข้าเคลื่อนไหวพร้อมกับพวกพี่ลั่วหงดีกว่า”
“เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ”
ลี่เฮิ่นสุ่ยสีหน้าอึมครึมขึ้นมาบ้าง
กู้ปั้นจวงทอยิ้มละไม กล่าวด้วยเสียงนุ่มละมุน “เพราะข้าคิดว่าด้วยพลังของพี่เฮิ่นสุ่ย ย่อมสามารถรับมือสถานการณ์ต่างๆ ได้ กลับกัน ข้ากับพี่ลั่วหงต้องร่วมมือจึงจะมั่นใจได้ว่างานสำเร็จไม่ตกหล่น”
ว่าพลางนางโยนเขาสัตว์ร้ายสีดำสนิทชิ้นหนึ่งให้ลี่เฮิ่นสุ่ย กล่าวว่า “นี่คือกระดูกชีพจากสัตว์นอเดี่ยว อาศัยสมบัตินี้ จะสามารถสัมผัสกลิ่นอายของหลินสวินได้”
ลี่เฮิ่นสุ่ยรับมาถือไว้ ก่อนโยนเล่นคราหนึ่งพลางแค่นหัวเราะกล่าว “เช่นนั้นพวกเราก็ลองดู ว่าใครจะล่าสังหารร่างต้นของเจ้าสวะนั่นได้!”
กล่าวจบเขาก็พาคนพุ่งออกไป
“พี่ลั่วหง พวกเราก็เคลื่อนไหวเหมือนกันดีไหม”
กู้ปั้นจวงเอ่ยถามอย่างอ่อนหวาน
อวิ๋นลั่วหงมองนางปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่สามารถแยกแยะกลิ่นอายร่างต้นของหลินสวินนั่นได้จริงๆ หรือ”
กู้ปั้นจวงกล่าวทอยิ้มบางๆ “ถึงแม้แยกแยะไม่ออก แต่โดยรวมแล้วก็ยังพอสันนิษฐานได้บ้าง ด้วยพลังของพวกพี่เฮิ่นสุ่ย สามารถสังหารร่างแยกของหลินสวินนั่นได้สบาย ส่วนพวกเราก็สามารถลงมือพร้อมกัน สังหารร่างต้นของเขาได้ เช่นนี้พวกเราสองตระกูลจึงจะได้รับศุภโชคบนตัวเจ้านั่น”
อวิ๋นลั่วหงกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หากเจ้ากล้าเล่นลูกไม้กับข้า ข้าจะ…”
กู้ปั้นจวงรีบกล่าวเป็นพัลวัน “ข้ารับรองว่าไม่กล้ามีความคิดอื่นใดเด็ดขาด”
อวิ๋นลั่วหงพยักหน้า ไม่ได้พูดพล่ามอีก นำขบวนคนในตระกูลอวิ๋นเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนไหวโดยตรง
กู้ปั้นจวงก็รีบพาคนตามไป เพียงแต่ลอบหัวเราะในใจ
นางไม่ได้บอกอวิ๋นลั่วหง ว่าทิศทางที่พวกลี่เฮิ่นสุ่ยไล่ตามไปต่างหาก จึงจะเป็นทิศทางที่ร่างต้นของหลินสวินมีโอกาสปรากฏตัวมากที่สุด!
ที่ต้องทำเช่นนี้ สาเหตุนั้นง่ายมาก
กู้ปั้นจวงหวั่นเกรงอยู่ในใจ นางทำความเข้าใจผลงานการต่อสู้และข้อมูลมากมายของหลินสวิน มองอีกฝ่ายเป็นศัตรูตัวฉกาจที่อันตรายสุดขั้วนานแล้ว
เดิมทีนางตั้งใจจะรวมพลังของทุกคนไปจัดการหลินสวินพร้อมกันจริงๆ
แต่หลังจากสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของหลินสวินหนีไปยังสองทิศทางที่ต่างกัน กู้ปั้นจวงก็ตระหนักว่าอีกฝ่ายอาจรับรู้ถึงการไล่ล่าของพวกเขาแล้วก็เป็นได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากสามารถหยิบยืมกองกำลังของพวกลี่เฮิ่นสุ่ยไปหยั่งเชิงพลังต่อสู้ของร่างต้นหลินสวิน ย่อมเป็นวิธีที่เข้าท่าที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
กล่าวง่ายๆ นี่ก็คือการยืมมีดฆ่าคน
ส่วนศุภโชคบนตัวหลินสวิน กู้ปั้นจวงไม่สนใจสักนิด
เพราะต่อให้ชิงศุภโชคระดับนี้มาได้ สุดท้ายก็ต้องมอบให้ตระกูลตงหวงอยู่ดี สี่ตระกูลตงหวงอย่างพวกเขาไม่มีโอกาสสอดมือด้วยซ้ำ!
ส่วนภายหน้าจะถูกลี่เฮิ่นสุ่ยหมายหัวหรือไม่ กู้ปั้นจวงก็ไม่สนใจอีกเช่นกัน นางพูดไว้แต่แรกแล้วว่าไม่สามารถระบุได้ว่าทิศทางไหนที่ร่างต้นของหลินสวินหลบหนีไป
…
“ผู้อาวุโส ท่านไม่สังเกตจริงๆ หรือว่ากู้ปั้นจวงนั่นมีแผนอื่นแอบแฝงอยู่ชัดๆ”
ระหว่างทางไล่ล่า คนตระกูลลี่คนหนึ่งก็อดเอ่ยท้วงไม่ได้
กลับเห็นลี่เฮิ่นสุ่ยหัวเราะขึ้นมา แววตาวาบวาว “ต่อให้หญิงมารยานั่นจะเล่ห์เหลี่ยมเยอะแค่ไหน ก็ไม่กล้าวางกับดักพวกเราในเรื่องนี้เด็ดขาด หากข้าเดาไม่ผิด คนที่พวกเราไล่ล่าครั้งนี้ มีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นร่างแยกของหลินสวิน”
“ผู้อาวุโส หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้ฆ่าร่างแยกของหลินสวินไปแล้วพวกเราก็ไม่ได้อะไรเลย นั่นจะไม่เท่ากับเสียแรงเปล่าหรือ”
คนตระกูลลี่เหล่านั้นล้วนเผยแววขุ่นเคือง
“วางใจได้ หลินสวินคนนี้ไม่ได้จัดการได้ง่ายขนาดนั้น ตามความเห็นข้า เกรงว่าพวกกู้ปั้นจวงไม่มีทางฆ่าหลินสวินให้ตายภายในเวลาอันสั้นได้แน่นอน”
สีหน้าลี่เฮิ่นสุ่ยเผยแววผยองขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง “แต่พวกเราไม่เหมือนกัน รอหลังจากสังหารร่างแยกของหลินสวินนั่นแล้ว ค่อยไปรวมตัวกับพวกกู้ปั้นจวงอีกทีก็ได้ หากนางกล้าฮุบผลงานไว้คนเดียวจริงๆ นั่นก็ต้องดูว่าพวกเราตระกูลลี่จะอนุญาตหรือไม่”
ทันใดนั้นทุกคนล้วนผ่อนคลายลง
วู้ม…
หนึ่งก้านธูปให้หลัง
จู่ๆ เขาสัตว์สีดำที่อยู่ในมือลี่เฮิ่นสุ่ยก็สั่นขึ้นมาอย่างประหลาดระลอกหนึ่ง เขาตื่นตัวทันควัน โบกมือคราหนึ่ง
“เตรียมต่อสู้!”
ทันใดนั้นคนทั้งขบวนพลันหยุดชะงักกลางห้วงอากาศ
ที่นี่เป็นเทือกเขาสลับเรียงรายแถบหนึ่ง หมอกเซียนลอยเอื่อยกลางฟ้าดินดุจดั่งเมฆ ทอดสายตามองออกไป แลดูกว้างใหญ่เวิ้งว้าง
อาศัยการสัมผัสของนอเดี่ยวสีดำ ทำให้ลี่เฮิ่นสุ่ยทอดสายตามองไปยังส่วนลึกของเทือกเขาตั้งแต่แรก ที่นั่นมียอดเขาเตี้ยลูกหนึ่ง ลักษณะโล่งโล้น ไม่สะดุดตาเป็นอย่างมาก
แต่ในฐานะบรรพจารย์จักรพรรดิ เวลานี้ลี่เฮิ่นสุ่ยกลับรับรู้ถึงกลิ่นอายคลื่นผนึกที่แทบจับสัมผัสไม่ได้วูบหนึ่ง!
บางเบายิ่งจนเกือบไร้รูป หากไม่ใช่เพราะมีเขาสัตว์สีดำแจ้งเตือน แม้แต่ลี่เฮิ่นสุ่ยก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองจะสามารถจับคลื่นผนึกสายนี้ได้หรือไม่
‘ทุกคนระวังกันหน่อย แม้ว่านี่จะเป็นร่างแยกของหลินสวิน แต่ห้ามดูเบาเป็นอันขาด จะให้เรือล่มในคลองตื้น[1] ไม่ได้เด็ดขาด’
ลี่เฮิ่นสุ่ยสื่อจิตเตือน
ขณะพูดเขาปลดขวานยักษ์จั้งเศษที่สะพายอยู่ข้างหลังลงมาเงียบๆ แล้วกำไว้ในมือ พลังขับเคลื่อนในตัวก็ลอบโคจรถึงขีดสุดด้วยเช่นกัน
ข้างๆ เขามีคนตระกูลลี่สิบเก้าคน แต่ละคนล้วนผ่านประสบการณ์เข่นฆ่ามานาน ผ่านการนองเลือดสารพัด ทุกคนล้วนโคจรมรรควิถีอย่างเงียบๆ โดยไม่ต้องให้เตือนสักนิด
“ไป”
ลี่เฮิ่นสุ่ยพุ่งไปยังส่วนลึกของเทือกเขานั่นก่อนเป็นคนแรก ด้านหลังเขา คนในตระกูลทั้งหมดไล่ตามมาติดๆ ขณะที่เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ราวกับเงาตะคุ่มกลุ่มหนึ่ง ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ แม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์