Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2542

สรุปบท ตอนที่ 2542 ล้มเลิก: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 2542 ล้มเลิก – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2542 ล้มเลิก ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2542 ล้มเลิก

น้ำเลือดสาดกระจาย

เสียงร้องโหยหวนสะเทือนใต้หล้า

กลางภูผาธาราที่พังทลายด้วยศึกใหญ่อยู่ก่อนแล้ว ปรากฏภาพแดนมรณะราวกับนรก

ตูม!

ร่างต้นของหลินสวินและกายมรรคทั้งสามแผลงฤทธิ์กรำศึก อานุภาพนานัปการซ้อนทับกัน ครอบคลุมเวิ้งฟ้าแถบนี้ ราวกับเผยอานุภาพปานทำลายล้างออกมา

ไม่นานก็ทยอยมีคนตระกูลลี่ถูกฆ่าตายคาที่อีกสี่คน

บ้างถูกฝนกระบี่ตวัดตัด

บ้างถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งซัดละเอียด

บ้างถูกวิชามรรคชวนประหวั่นแผดเผา…

ระหว่างนี้ยังมีคนใช้ไพ่ตายด้วย แต่ถ้าไม่ถูกหลินสวินหลบเลี่ยงทันเวลา ก็ถูกหลินสวินใช้ไพ่ตายที่ตนครอบครองคลี่คลาย

อันที่จริงหลินสวินได้พิสูจน์ในการต่อสู้แล้ว ว่าเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่หล่อหลอมและดูดซับวัตถุอมตะมากมายช่วงหลายปีนี้ สามารถต้านทานสิ่งที่เรียกว่าไพ่ตายบางส่วนได้อย่างสมบูรณ์

เช่นพลังเจตจำนงอมตะที่ประทับอยู่ในยันต์หยก หรือสมบัติลับที่แฝงพลังระเบียบสายแล้วสายเล่า ล้วนถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งต้านทานได้ทั้งสิ้น!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ถูกพลังระเบียบนานัปการหล่อเลี้ยง ดูดซับวัตถุอมตะมากมายมาตลอดหลายปีนี้ เปลี่ยนเป็นอัศจรรย์หาใดเปรียบนานแล้ว ไม่ใช่ศาสตราจักรพรรดิในความหมายทั่วไปอีก

ดังนั้นหลังจากลี่เฮิ่นสุ่ยสิ้นชีพในการต่อสู้นี้ ทั้งที่นั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่ถูกจู่โจมฝ่ายเดียว

จนถึงตอนนี้ในที่นั้นก็เหลือคนตระกูลลี่ซึ่งกำลังยืนหยัดอย่างยากลำบากเพียงสามคน!

ครึ่ก!

โล่สีเขียวหนาหนักแตกระแหง คู่ต่อสู้ที่มีพลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งถูกหมัดของหลินสวินทุบอกเละโดยตรง ทั้งตัวเขาล้วนระเบิดออกภายใต้การกระแทกของพลังหมัดชวนประหวั่น

“ไป!”

อีกสองคนที่เหลือบุกจู่โจมอย่างคลุ้มคลั่ง ต้องการฝ่าวงล้อมเพื่อหนีไป

กายมรรคทั้งสามของหลินสวินกรูเข้าไปพร้อมกันทันที เปิดฉากสังหารดุเดือดกับหนึ่งในนั้น

ตูม!

ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ทรงพลัง คนผู้นั้นถูกซัดจนวิญญาณแตกซ่านโดยตรง

หลินสวินเพิ่งคิดจะไปจัดการคู่ต่อสู้คนสุดท้ายนั่น แต่เหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างขึ้นมาพลัน เขาหยุดเท้าทันที หัวคิ้วขมวดขึ้นมา

ครู่ต่อมาเขาตัดใจยอมปล่อยคู่ต่อสู้ที่หนีไปคนนั้น หลังจากรวบรวมทรัพย์หลังศึกในที่นั้นก็หันหลังจากไปพร้อมกายมรรคทั้งสาม

เพียงพริบตาก็หายลับไป

ในการต่อสู้ที่มีสัญญาณว่าจะพินาศทั้งตระกูล คนตระกูลลี่ที่เหลืออยู่นั้นรู้สึกผิดคาดอย่างอดไม่ได้ สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด เหมือนไม่เชื่อว่าหลินสวินจะปล่อยเขาไปอย่างง่ายดายเช่นนี้

จากนั้นสายตาเขากวาดมองไปในที่นั้น มองภูผาธาราที่ดับสิ้นราวซากปรักหักพังนั่น ทั้งตัวล้วนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น จิตใจพังทลายอย่างสมบูรณ์

เหลือแค่เขาเพียงคนเดียว!

เหล่าคนในตระกูลข้างกายเขาล้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน หายไปในฟ้าดินแถบนี้แล้ว…

ความรู้สึกโกรธแค้น หวาดกลัว โศกเศร้า สิ้นหวังที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดปกคลุมตัวเขาดุจกระแสน้ำ

เมื่อกู้ปั้นจวงกับอวิ๋นลั่วหงพาคนในตระกูลรีบเร่งมาก็เห็นภาพเช่นนี้

“นี่…”

พวกกู้ปั้นจวงล้วนหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาเบิกกว้าง มีหรือจะไม่เข้าใจว่าก่อนมาถึงที่แห่งนี้เคยเกิดการเข่นฆ่านองเลือดเหี้ยมโหดขึ้น

ส่วนพวกลี่เฮิ่นสุ่ยก็มีโอกาสสูงว่าจะสิ้นชีพหมดแล้ว!

“พวกลี่เฮิ่นสุ่ยล่ะ” กู้ปั้นจวงสูดหายใจลึกแล้วเอ่ยถาม คล้ายว่ายังไม่กล้าเชื่อ

“ตายแล้ว ตายหมดแล้ว…” คนตระกูลลี่ที่โดดเดี่ยวนั้นราวกับถูกสะกด ทรุดลงบนซากปรักหักพังของภูผาธารา อกสั่นขวัญหาย

พวกกู้ปั้นจวงสบตากันครั้งหนึ่ง ในใจล้วนเอ่อล้นด้วยความตื่นตระหนกอย่างไม่มียิ่งใหญ่เท่า

พวกลี่เฮิ่นสุ่ยรวมแล้วมีสิบเก้าคน พลังต่อสู้ของแต่ละคนใช่ว่าบุคคลทั่วไปจะเทียบได้ แต่ตอนนี้กลับตายจนเหลือแค่คนเดียว!

“เจ้า… หลินสวินนั่นเป็นคนทำรึ” กู้ปั้นจวงเอ่ยถามอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

“นอกจากเขาแล้วยังเป็นใครได้อีก”

คนตระกูลลี่ผู้นั้นสั่นไปทั้งตัว คล้ายนึกถึงภาพนองเลือดชวนประหวั่นอะไรบางอย่างขึ้นมาอีกครั้ง เขาแผดเสียงคำรามโศกเศร้าเหมือนสัตว์ป่า “เป็นพวกเจ้า ต้องโทษพวกเจ้า พูดดิบดีว่าเป็นแค่การล่าร่างแยกคนหนึ่ง แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำลวง! คำลวง…!”

เสียงก้องสะท้านฟ้าดิน ความสิ้นหวังและเดือดดาลอย่างรุนแรงนั้นทำให้สีหน้าพวกกู้ปั้นจวงปรวนแปรไม่หยุดไปพักหนึ่ง

“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าแม้แต่ลี่เฮิ่นสุ่ยก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

กู้ปั้นจวงทอดถอนใจ ใบหน้างามพริ้งเพรามีเสน่ห์เปลี่ยนเป็นอึมครึมลงมาก

เท่าที่นางรู้ ในมือลี่เฮิ่นสุ่ยครอบครองไพ่ตายราวกับสิ่งต้องห้ามอย่างหนึ่ง เป็นรูปปั้นเทพที่หลอมจากร่างทองอมตะ อานุภาพน่าหวาดกลัวไร้จำกัด

แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ลี่เฮิ่นสุ่ยกลับตายแล้ว…

นี่คือข่าวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้กู้ปั้นจวงหนักใจยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าหมอนี่นอกจากพลังต่อสู้เย้ยฟ้าแล้ว ในมือต้องครอบครองไพ่ตายที่ยากจัดการมากแน่ ไม่อย่างนั้นลี่เฮิ่นสุ่ยย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้เช่นนี้”

อวิ๋นลั่วหงเอ่ยปาก สีหน้าเรียบเฉยดังเดิม แต่นัยน์ตาก็ถูกแววจริงจังเข้ามาแทนที่เช่นกัน

“ใช้วิชาลับเผยสิ่งที่เจ้าเห็นทั้งหมดให้พวกเราดู”

กู้ปั้นจวงเคลื่อนสายตามองคนตระกูลลี่นั่น นางอยากรู้นักว่าหลินสวินใช้วิธีอะไรสังหารพวกลี่เฮิ่นสุ่ยกันแน่

กลับเห็นคนตระกูลลี่ผู้นั้นคำราม “ให้พวกเจ้าดูแล้วอย่างไร พวกเจ้าฆ่าหลินสวินนั่นได้ไหม ทำได้ไหม!?”

พวกกู้ปั้นจวงถูกกระทู้ถามเช่นนี้แล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

หลินสวินไม่รู้ว่าตระกูลกู้กับตระกูลอวิ๋นล้วนละทิ้งความคิดตามล่าเขาต่อแล้ว

ตอนนี้เขาปรากฏตัวในส่วนลึกของทะเลทรายสีทองที่อบอวลด้วยหมอกเซียนสีน้ำเงินเข้มแห่งหนึ่ง

กำชับเสี่ยวอู่ให้วางกระบวนค่ายกล ส่วนตัวหลินสวินก็เริ่มนั่งสมาธิทันที เขากลืนโอสถวิเศษที่เรียกได้ว่าหายากเข้าปากไปขวดแล้วขวดเล่า

การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้เขาใช้พลังไปมากเช่นกัน จำต้องฟื้นฟูพลังกาย

แต่การต่อสู้นี้ก็ทำให้หลินสวินได้ค่าตอบแทนมากมาย

ผลงานการต่อสู้บนป้ายยืนยันเพิ่มมาสิบแปดสาย เมื่อนำมารวมกันก็ได้ยี่สิบเอ็ดสายแล้ว!

นอกจากนี้สมบัติและทรัพยากรในการฝึกปราณที่พวกลี่เฮิ่นสุ่ยพกติดตัวก็กลายเป็นทรัพย์หลังศึกของหลินสวินทั้งสิ้น มูลค่ามหาศาลไม่อาจประเมินได้อย่างสิ้นเชิง!

แต่สิ่งที่ดึงดูดหลินสวินที่สุด ย่อมเป็นรูปปั้นที่ถูกกำราบในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย

สูงไม่เกินครึ่งฉื่อ นั่งขัดสมาธิ ทั่วร่างเป็นสีดำสนิท ใบหน้าของรูปปั้นเทพเหี่ยวย่น ดวงตาปิดสนิท สีหน้าคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม เหมือนร้องไห้แต่ไม่ร้องไห้ สองมือประสานตรงช่วงท้อง ทำมุทราประหลาด พาให้คนรู้สึกถึงกลิ่นอายประหลาดและลึกลับ

ตอนนี้หลินสวินรู้แล้วว่านี่เป็นรูปปั้นเทพที่สร้างจากศพของระดับอมตะคนหนึ่ง คงสภาพไว้อย่างสมบูรณ์ เรียกได้ว่าเป็นร่างอมตะที่แท้จริง!

เล่าลือว่าซากศพเช่นนี้ถูกพลังอมตะแทรกซึมและเคี่ยวกรำมานานปี เรียกได้ว่าเป็น ‘วัตถุอมตะ’ อย่างหนึ่งนานแล้ว

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นศพของระดับอมตะ!

อย่ามองว่ารูปปั้นนี้สูงแค่ครึ่งฉื่อ แต่เท่ากับรวบรวมพลังของร่างทองอมตะไว้ถึงขีดสุด สำหรับผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามล้วนเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า ต่อให้ระดับอมตะเห็นก็ต้องแย่งชิงอย่างบ้าคลั่ง!

ขณะเดียวกันหลินสวินยังสังเกตเห็นว่าในรูปปั้นอมตะนี้ มีพลังเจตจำนงที่แข็งแกร่งถึงขั้นไม่อาจจินตนาการหลับใหลอยู่ ก่อนหน้านี้สิ่งที่ลี่เฮิ่นสุ่ยนั่นใช้มรรควิถีทั้งตัวเพื่อปลุกให้ตื่นก็คือพลังเจตจำนงนี้

หลินสวินไม่สงสัยเลย ตอนนั้นหากให้รูปปั้นอมตะตื่นขึ้นมา ต้องสังหารตนได้อย่างง่ายดายแน่

ด้วยมันแข็งแกร่งเกินไป!

เหนือกว่าความเข้าใจที่หลินสวินมีต่อระดับอมตะ

น่าเสียดาย สมบัตินี้ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินควบคุมได้ เพราะหากจะปลุกพลังเจตจำนงนั้นให้ตื่นขึ้น ต้องใช้พลังมรดกสายเลือดของตระกูลลี่ คนนอกไม่อาจเค้นพลังออกมาได้อย่างสิ้นเชิง

แต่หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ในสายตาเขารูปปั้นอมตะนี้ก็คือขุมสมบัติมหึมาที่วิวัฒน์จากวัตถุอมตะ สามารถนำมาใช้เป็น ‘สิ่งหล่อเลี้ยง’ หลอมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งได้!

ส่วนพลังเจตจำนงที่หลับใหลอยู่ในนั้นก็จะถูกหลอมตามรูปปั้นอมตะไปด้วย ถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสลายไปทีละน้อย ไม่มีโอกาสฟื้นคืนกลับมาอีก

ผ่านไปสองสามชั่วยาม

หลินสวินตื่นจากสมาธิ กลิ่นอายทั้งตัวฟื้นฟูถึงขีดสุดสมบูรณ์ของระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดแล้ว

‘ยังเหลือเวลาไม่ถึงสองวัน…’

หลินสวินหยัดร่างขึ้น ใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเคลื่อนไหวต่อ

ตอนนี้ยังเหลือกำลังพลของเผ่าจักรพรรดิอมตะอีกสองตระกูล อย่างตระกูลกู้กับตระกูลอวิ๋น เขาคิดอาศัยเวลาสองวันนี้กำจัดพวกเขาในคราเดียว!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์