Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2543

สรุปบท ตอนที่ 2543 ขอความช่วยเหลือ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2543 ขอความช่วยเหลือ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2543 ขอความช่วยเหลือ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2543 ขอความช่วยเหลือ

แต่ไหนแต่ไรอุปนิสัยของหลินสวินคือผู้ใดไม่ล่วงเกินข้า ข้าไม่ล่วงเกินผู้นั้น

หากใครล่วงเกินข้า…

ขออภัย สนรึว่าเจ้ามีฐานะและความเป็นมาอะไร ตาต่อตาฟันต่อฟัน เลือดต้องล้างด้วยเลือด!

นอกจากตระกูลกู้กับตระกูลอวิ๋นแล้ว คนที่หลินสวินนึกถึงยังมีศัตรูอื่นอีกบางส่วน

เช่นเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวิน เหิง ลั่ว จู้เป็นต้น

ตั้งแต่ตอนอยู่เมืองจรดฟ้า ขุมอำนาจพวกนี้ก็ป่าวประกาศว่าขอแค่เขาหลินสวินกล้าปรากฏตัวในสมรภูมิทวยเทพ พวกเขาจะสังหารไม่ละเว้น

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินย่อมไม่เกรงใจอยู่แล้ว

คนอื่นมีปัญหามากมายจนไม่ใส่ใจ ส่วนเขามีศัตรูมากจนไม่หวาดกลัวสิ่งใด

แกร๊ง!

หลินสวินดีดนิ้วคราหนึ่ง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงกังวานเนิบช้า

ครู่ต่อมาเขาก็หายไปในทะเลทรายไร้ขอบเขตแถบนี้

‘ระวังตัวด้วย เหลือเวลาแค่วันกว่าแล้ว อย่าประมาทเด็ดขาด!’

ในหุบเขาแห่งหนึ่ง

เหวินเป่ยตูสื่อจิตเตือน ‘สำหรับผลงานการต่อสู้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร ขอเพียงรอดชีวิตก็สามารถเข้าไปในด่านที่สามได้’

เขาคือระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่อาวุโสยิ่งคนหนึ่งในตระกูลเหวิน

ข้างกายเขามีคนตระกูลเหวินอยู่หลายคน เมื่อได้ยินดังนี้แล้วต่างพยักหน้าอย่างอดไม่ได้

พวกเขาซุ่มอยู่ที่นี่มานานแล้ว ต่อให้ถูกคนพบเข้า ยามเห็นกระบวนรบของพวกเขา คนทั่วไปก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ

‘ผู้อาวุโส ได้ยินว่าหลินสวินนั่นกำลังถูกสามขุมอำนาจใหญ่อย่างตระกูลกู้ ตระกูลอวิ๋น ตระกูลลี่ร่วมมือกันตามล่า ครั้งนี้เขาต้องยากพ้นเคราะห์แน่’ ชายคนหนึ่งยิ้มพลางสื่อจิต นัยน์ตาแฝงกลิ่นอายมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาพลันดังขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหุบเขาแห่งนี้

“จากมุมมองของข้า ครั้งนี้ทุกท่านคงยากพ้นเคราะห์จริงๆ”

เสียงพูดไม่ดัง แต่กลับก้องอยู่ข้างหูพวกเหวินเป่ยตูอย่างชัดเจนทุก ทำให้พวกเขาหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน

เมื่อเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่าบนฟ้าสูงเหนือหุบเขานั้นมีเงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ ผมดำพลิ้วไหว ประดุจเทพเซียน

หลินสวิน!

ในใจพวกเหวินเป่ยตูสั่นสะเทือนรุนแรง แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง ไม่ได้บอกว่าเจ้าหมอนี่กำลังถูกสามขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะนั่นตามล่าหรือ

‘ไป!’

เหวินเป่ยตูตอบสนองเร็วที่สุด สื่อจิตตั้งแต่พริบตาแรกทันที ต้องการพาทุกคนที่อยู่ข้างกายจากไป

แต่เวลานี้หลินสวินก็ลงมือโดยไม่ลังเลแล้ว

ตูม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่องประกาย แสงมรรคนับหมื่นแสนไหลวนปกคลุมหุบเขาแห่งนี้ไว้

ส่วนเงาร่างของหลินสวินก็พุ่งวาบ กายมรรคทั้งห้าเคลื่อนผ่านอากาศไปพร้อมกับร่างต้น จู่โจมไปทางพวกเหวินเป่ยตู

ใช้เวลาเพียงดีดนิ้วสามสิบครั้งเท่านั้น

การต่อสู้ปิดฉากลง

เหวินเป่ยตูและคนตระกูลเหวินล้วนถูกสังหาร ภูผาธาราในรัศมีหลายพันลี้ล้วนกลายเป็นซากปรักหักพังแห้งแล้งราวกับพังทลาย

ฟุ่บ!

หลินสวินแปลงเป็นรุ้งเทพจากไปอย่างผ่าเผย

เวลาเคลื่อนคล้อย

ในเวลาต่อมาเงาร่างหลินสวินตัดผ่านฟ้าดินกว้างใหญ่ในแดนเซียนว่างเปล่า แล่นล่องไปตลอดทาง

เขาเหมือนเงามืดที่เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ต่อให้ถูกผู้ฝึกปราณบางคนสังเกตเห็น ประเดี๋ยวเดียวก็หายลับจากไป

แต่บนหนทางที่เขาก้าวผ่านกลับทยอยมีการนองเลือดเปิดฉาก มีผู้ฝึกปราณจากขุมอำนาจต่างกันสิ้นชีพ

เช่นตระกูลเหิง ตระกูลลั่ว ตระกูลจู้…

เปรียบเทียบกันแล้ว ขุมอำนาจอมตะที่ครองระเบียบระดับปฐพีและมีอาณาเขตในน่านฟ้าที่หกพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคนหรือศักยภาพโดยรวม ล้วนด้อยกว่าสี่ตระกูลตงหวงไม่ใช่แค่หนึ่งช่วง

ภัยคุกคามที่ส่งผลต่อหลินสวินก็น้อยลงไปมาก เวลาฆ่าก็ไม่ปรานีสักนิด ทั้งไม่เคยออมมือใดๆ

เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ศัตรูที่ถูกหลินสวินสังหารตลอดทางนี้มีถึงยี่สิบกว่าคนแล้ว ส่วนผลงานการต่อสู้บนป้ายยืนยันในมือก็มีถึงสี่สิบสามสายแล้ว!

การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องนี้ปิดบังไม่อยู่โดยสิ้นเชิง ไม่นานก็ดึงดูดสายตาของผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนจนสั่นสะท้าน

“หรือการร่วมมือกันของสามตระกูลตงหวงล้มเหลวแล้ว”

ผู้คนมากมายเพิ่งรู้ตัว ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล หลินสวินถึงกับเปิดฉากสังหารอย่างกำเริบเสิบสาน นี่หมายความว่าเคราะห์สังหารที่เพ่งเล็งเขาล้มเหลวไปแล้วหรือไม่

“เจ้าหมอนี่โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว พวกที่ตายไปนั้นล้วนเป็นคนจากขุมอำนาจที่มีความแค้นกับเขา!”

มีคนหนาวเยือกในใจ มองเจตนาของหลินสวินออก ถูกวิธีล้างแค้นที่เหี้ยมโหดไร้ปรานีนั้นของหลินสวินทำให้ตกใจ

“แดนเซียนว่างเปล่าที่กว้างใหญ่ ไม่มีใครกำราบคมประกายของคนผู้นี้ได้เลยหรือ”

มีคนส่งเสียงร้องโอดครวญ ในใจไม่สบอารมณ์นัก ขอเพียงเป็นผู้ที่สามารถเข้ามาในด่านล่าสัตว์นี้ได้ ใครบ้างไม่ใช่พวกกร้าวแกร่งที่ผงาดผยองเหนือคนระดับเดียวกัน

แต่คนพวกนี้กลับไม่มีใครกำราบความอหังการของหลินสวินได้สักคน!

“ไม่ต้องกังวล คนที่ไม่มีความแค้นใดกับหลินสวินนั่นอย่างพวกเราคงปลอดภัยไปชั่วคราว…”

ห่างออกไปพวกกู้ปั้นจวงกับอวิ๋นลั่วหงที่ป้องกันและระวังตัวมาตลอด ล้วนสังเกตเห็นทิศทางการเคลื่อนไหวของหลินสวินในทันที ทุกคนต่างรู้สึกผิดคาดอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้

“เขาต้องกลัวแน่นอน” มีคนยิ้มหยันเจือความลำพอง

“เจ้าโง่”

กู้ปั้นจวงถลึงตาใส่อีกฝ่าย “พวกเรามีคนมากเช่นนี้ แต่กลับถูกเขาคนเดียวพัวพันและคุกคามมาตลอด เจ้าคิดว่าคนอย่างเขาจะกลัวหรือ คราวหน้าหากพูดเช่นนี้อีกก็พกสมองไว้บ้าง!”

คนผู้นั้นอักอ่วนทันที ไม่กล้าเอ่ยวาจา

อวิ๋นลั่วหงกล่าว “ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องระวังหน่อย จนกว่าการล่าสัตว์จะสิ้นสุด ห้ามแยกจากกันเด็ดขาด”

คำพูดนี้ได้รับความเห็นชอบจากทุกคน

หลินสวินน่ากลัวเกินไป น่ากลัวจนถึงขั้นที่ขอเพียงพวกเขากล้าแยกกันเคลื่อนไหว ก็จะเจอหายนะถึงตาย!

กลางภูผาธาราที่เหมือนซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง

หลิ่วเซียงเชวียกระอักเลือดไม่หยุด ร่างสะบักสะบอม ลมหายใจรวยริน แต่ยังคงต่อสู้ ทว่าไม่ว่าใครก็มองออกว่าเขายืนหยัดได้ไม่นานแล้ว

คู่ต่อสู้ของเขาคือชายร่างสูงใหญ่กำยำและแข็งแกร่งคนหนึ่ง ท่อนบนเผยผิวทองแดง หัวโล้นมันวาว ใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาฉายแววดุดัน

บนหน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นของเขา ประทับสัญลักษณ์ดอกหางเหยี่ยวสีเลือดแปลกประหลาด

เมื่อเขาลงมือ อสนีบาตสีเลือดบาดตาสายหนึ่งม้วนซัด ปั่นป่วนฟ้าดิน ราวกับดอกหางเหยี่ยวสีเลือดนับไม่ถ้วนเบ่งบาน หมายจะเลือกคนมากลืนกิน

อานุภาพนั้นดุดันเผด็จการ กร้าวแกร่งหาใดเปรียบ มีพลังปราณแค่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดขั้นสมบูรณ์ชัดๆ แต่กลับสยบบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างหลิ่วเซียงเชวียได้ตลอด ไล่กวดไม่ยั้ง แข็งแกร่งจนน่ากลัว

ในจุดที่ห่างจากการต่อสู้ไป ยังมีชายสองหญิงหนึ่งยืนอยู่

หญิงสาวคนหนึ่งในนั้นสวมชุดกระโปรงสีทอง เอวเล็กบาง บุคลิกสง่างามเรียบง่าย ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่ดูการต่อสู้นั้นสักครา

นางถือม้วนตำราซีดจางเล่มหนึ่งไว้ในมือ อ่านอย่างสงบใจ หน้าตาอ่อนโยน เงียบสงบเหมือนปกติ ราวกับการต่อสู้นั้นไม่น่าดึงดูดเท่าม้วนตำราในมือ

เวลานี้ดวงตานางยังมองม้วนตำรา แต่ปากกลับกล่าวว่า “ชิงเหมิ่ง น่าจะพอได้แล้ว ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลิ่วเซียง ไม่อาจรังแกมากเกินไป หากเจ้าอยากเล่นสนุกจริง รอกลับไปโลกยอดนิรันดร์ข้าจะช่วยเจ้าเลือกคู่ต่อสู้สองสามคนมาเล่นด้วย”

เมื่อชายหนุ่มรูปงามหัวโล้นที่ถูกเรียกว่าชิงเหมิ่งได้ยินหญิงสาวคนนี้เอ่ยปาก แม้ไม่ยินยอมอยู่บ้าง แต่ยังหยุดมือด้วยความจำยอม แสยะยิ้มใส่หลิ่วเซียงเชวียที่ถูกซัดจนเกือบดับสิ้นอย่างหยามเหยียดพลางกล่าว “อยู่มาจนอายุปูนนี้แต่กลับถูกอัดจนกลายเป็นหมา หากข้าเป็นเจ้าคงปาดคอฆ่าตัวตายไปแล้ว”

“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ถ้ากล่าวถึงอายุ คนผู้นั้นเป็นถึงผู้อาวุโสรุ่นเดียวกับท่านปู่ของเจ้า อย่าทำอะไรรุนแรงมากนัก ไม่อย่างนั้นหากตระกูลหลิ่วเซียงเอาจริงขึ้นมา ข้าก็ต้องไปอธิบายกับคนในตระกูล”

หญิงสาวชุดคลุมยาวยังคงอ่านหนังสือ ไม่แม้แต่จะเงยหน้า กล่าวอย่างไม่แยแส

แต่ชิงเหมิ่งกลับไม่กล้าพูดมากอีกสักคำ ลูบกบาลใส หัวเราะร่าพลางออกจากการต่อสู้

ขณะเดียวกันชายชุดดำคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายหญิงสาวชุดคลุมยาวเหลือบสายตาไปใต้ฝ่าเท้า รอยยิ้มอบอุ่น เอ่ยเสียงเบา “แม่นาง กองหนุนของเจ้ายังมาไม่ถึงหรือ”

ใต้ฝ่าเท้าของเขามีคนผู้หนึ่งถูกเหยียบอยู่

เซี่ยงเสี่ยวหยวน

………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์