Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2548

สามร้อยกว่าคน!

สามารถรอดจากแดนเซียนว่างเปล่า ไม่ต้องสนว่าได้ผลงานการศึกเท่าไหร่ เพราะก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้แล้ว

ความจริงหลินสวินสังเกตเห็นแล้วว่าคนในที่นั้น นอกจากขุมอำนาจใหญ่อย่างตระกูลกู้และตระกูลอวิ๋นที่เข้าสู่ด่านชิงบัลลังก์นี้ด้วยกระบวนรบแข็งแกร่งแล้ว ในกลุ่มอื่นก็ไม่ขาดพวกร้ายกาจที่ผ่านการคัดกรองหลายชั้น เปิดทางสังหารเลือดอย่างแข็งกร้าว

อย่างชางฝูเซิงกับคนสะพายดาบก็ล้วนอยู่ในนั้น

แต่พวกฉีหลิงอวิ๋นกับลิ่นเฟิงนั้นอันตรายกว่าโดยไม่ต้องสงสัย!

สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดที่สุดคือ ในที่นั้นยังไม่ขาดบุคคลอย่างพวกฉีหลิงอวิ๋นและลิ่นเฟิง!

“เจ้าก็คือหลินสวินหรือ”

เด็กหนุ่มสวมชุดขนนกแสงเพลิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น ปากคาบใบไม้เขียวมรกต เอ่ยปากยิ้มแย้มทันใด

หลินสวินทอดสายตามองไป “มีอะไร”

เด็กหนุ่มชุดขนนกเผยรอยยิ้มไร้พิษภัย “แค่ทำความรู้จัก ข้าชื่อจงหลีเซียว หากมีโอกาสข้าอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าสักหน่อย แน่นอนว่าไม่มีเจตนาร้าย แค่ถกมรรคกันเท่านั้น หากเจ้าตกปากรับคำ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะข้าล้วนยินดีเป็นผู้นำทางเจ้า พาเจ้ามุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่แปด”

จงหลีเซียว!

ต่อให้ไม่รู้จักคนผู้นี้ แต่แค่ได้ยินแซ่นี้ก็ทำให้หลายคนใจสั่นรุนแรง ด้วยนี่คือตระกูลหนึ่งในยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด!

“มีโอกาสค่อยว่ากันเถอะ” หลินสวินกล่าวง่ายๆ พอเป็นพิธี

เด็กหนุ่มชุดขนนกจงหลีเซียวยิ้มรับ ไม่พูดมากอีก หลับตางีบอย่างผ่อนคลาย

แต่กลับมีคนปรบมือหัวเราะขึ้นมา “น่าสนใจ เจ้าจงหลีเซียวก็มีช่วงที่ถูกปฏิเสธ พบเห็นได้น้อยนัก”

คนที่เอ่ยวาจาสวมเกี้ยวประดับสูงคาดเข็มขัด ที่หลังพาดกระบี่ ท่วงท่าสง่างาม ดูองอาจห้าวหาญ ยามลืมตามีสัญลักษณ์อักษร ‘อี้’ (乂) สีเงินส่องประกายในดวงตา เฉียบคมน่าพรั่นพรึง

ผู้คนแตกตื่นกันอีกครั้ง

เด็กหนุ่มชุดขนนกแสงเพลิงจงหลีเซียวมาจากยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดโดยไม่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้กลับมีคนกล้าหยอกล้อเช่นนี้ ฐานะของเขามีหรือจะธรรมดา

ไม่นานฐานะของคนผู้นี้ก็ถูกเปิดเผย เขามีนามว่ามู่อี้ มาจากตระกูลมู่ ขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด!

“สิ่งที่เจ้าพบเห็นน้อยครั้งยังมีอีกมาก กระต่ายตื่นตูม”

จงหลีเซียวเบ้ปาก ทำหน้าหยามเหยียด

นัยน์ตามู่อี้ส่องประกายวาววามน่าพรั่นพรึงพลางกล่าว “เจ้ากับข้าไม่สู้หาโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเป็นอย่างไร”

จงหลีเซียวกล่าว “ได้สิ ขอเพียงเจ้ากล้านำ ‘หนามแดงชาด’ มาพนัน ข้าก็จะเล่นสนุกกับเจ้า”

หนามแดงชาด!

ศาสตรามรรคชั้นยอดชิ้นหนึ่งของตระกูลมู่ ได้รับการกล่าวขานว่า ‘ภายใต้สีแดงชาด คงอยู่ชั่วกาล’! มีชื่อเสียงมากในน่านฟ้าที่แปด

คราวนี้ใครก็มองออกว่าระหว่างจงหลีเซียวกับมู่อี้นั้นไม่ลงรอยกัน

“หากเป็นเช่นนี้จริง ข้าก็ขอแทรกแซงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นี้ด้วย”

ทันใดนั้นชายผมเผ้าหนวดเครากระเซิง นัยน์ตาเยียบเย็นดุจกระบี่ ทั่วร่างอบอวลด้วยเงาแสงสลัวรางคนหนึ่งเอ่ยปาก ตัวเขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับเทพกระบี่ในรัตติกาลองค์หนึ่ง ต่อให้พลังปราณถูกกำราบก็พาให้คนใจสั่นสะท้าน

จงหลีเซียวกับมู่อี้ล้วนยิ้มเย็นชาขึ้นมา ไม่เอ่ยวาจาแล้ว แต่สามารถมองออกว่าพวกเขาหวาดกลัวชายผมเผ้าหนวดเครากระเซิงนี้อยู่รางๆ

ทุกคนในที่นั้นเห็นเหตุการณ์นี้แล้วมองหน้ากันไปมา ล้วนไม่มีใครกล้าพูดมาก เกรงแต่จะถูกม้วนกลืนเข้าไปในการต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดนี้

ความจริงแล้วในสายตาของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นจงหลีเซียว มู่อี้ หรือชายผมเผ้าหนวดเครากระเซิง ล้วนเป็นบุคคลที่ไม่อาจล่วงเกินทั้งสิ้น

ต่อให้เป็นขุมอำนาจชั้นยอดแห่งน่านฟ้าที่เจ็ดอย่างตระกูลกู้กับตระกูลอวิ๋น ยามเผชิญหน้ากับตระกูลชั้นสูงเช่นนี้ก็ต้องก้มหัวให้!

“พอแล้ว ในสถานที่นี้มีหรือจะลงมืออย่างแท้จริงได้ อย่าให้ผู้ร่วมวิถีในที่นี้มองเป็นตัวตลกอีกเลย ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าพวกเราคนของน่านฟ้าที่แปดแต่ละคนล้วนเป็นพวกโอ้อวดไร้ยางอาย”

ฉีหลิงอวิ๋นที่อยู่ห่างไปกล่าวเสียงนุ่มนวล สง่างามดั่งดอกกล้วยไม้

ส่วนนัยน์ตาของนางก็มองไปทางชายผมเผ้าหนวดเครากระเซิงคนนั้นพลางยิ้มกล่าว “ชือพั่วจวิน หากเจ้าอยากแทรกแซง ไม่สู้พวกเรามาพนันกันว่าใครจะก้าวสู่ ‘หนทางฟ้าเลือกสรร’ นี้ ทั้งไปถึงตำหนักเซียนใจกลางนั้นได้เป็นอย่างไร”

ชือพั่วจวิน!

เมื่อได้ยินแซ่เฉพาะตัวนี้ ทุกคนเหมือนตระหนักได้ถึงฐานะของชายผมเผ้าหนวดเครากระเซิงนั้นในที่สุด สีหน้าล้วนเปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้

น่านฟ้าที่แปดครอบครองโดยสิบขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะ ทุกขุมอำนาจล้วนมีอานุภาพล้นฟ้า สามารถทำให้สรรพชีวิตในโลกยอดนิรันดร์หวั่นหวาด

และภายในนั้น ขุมอำนาจของตระกูลฉีกับตระกูลชือล้วนก้าวขึ้นไปอยู่ในสี่อันดับแรกได้อย่างมั่นคง แต่ใครอยู่ในอันดับสามหรืออันดับสี่นั้น กลับยื้อแย่งช่วงชิงกันไม่หยุดมาตลอด

กล่าวสรุปโดยง่ายคือ ในน่านฟ้าที่แปดมีคนมองตระกูลฉีเป็นยักษ์ใหญ่อันดับสาม แต่ก็มีคนมองตระกูลชือเป็นยักษ์ใหญ่อันดับสามเช่นกัน การแก่งแย่งช่วงชิงนี้มีมานานแล้ว ถึงตอนนี้ก็ไม่มีคำตอบที่ตัดสินได้ชัดเจน

เมื่อรู้เรื่องภายในพวกนี้แล้ว ทุกคนก็เข้าใจทันที หากกล่าวว่าตระกูลจงหลีไม่ถูกกับตระกูลมู่ เช่นนั้นตระกูลฉีกับตระกูลชือก็เป็นคู่แข่งที่งัดข้อกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง

“พนันอะไร” ชือพั่วจวินกล่าวโดยไม่ลังเล แววตาเยียบเย็น

ฉีหลิงอวิ๋นในชุดกระโปรง มือถือม้วนตำรายิ้มน้อยๆ สายตามองไปยังหลินสวินที่วางตัวอยู่เหนือปัญหามาตลอดพลางกล่าว

“หากข้าชนะก็ขอเจ้าออกหน้า โน้มน้าวสหายยุทธ์หลินสวินคนนี้ ให้เขาก้มหัวศิโรราบต่อข้าโดยดี”

ทุกคนอดตกตะลึงไม่ได้ สีหน้าแปลกไป คล้ายคิดไม่ถึงว่าฉีหลิงอวิ๋นจะนำหลินสวินมาพนัน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์