ตอนที่ 2564 พวกอมตะมารุกราน
มองดูหลิงเสวียนจื่อที่ดูฮึกเหิมพิกล หลินสวินนึกถึงภาพตอนที่เห็นอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก
ตอนนั้นหลิงเสวียนจื่อเพิ่งหลุดจากซากดวงกมล อาภรณ์สีเขียวทั้งชุด หน้าตาราวเด็กหนุ่มหล่อเหลา ผมดำมัดลวกๆ ไว้ตรงท้ายทอย สลักเสลาราวหยก
เขายืดเอวบิดขี้เกียจ สองแขนอ้าออก ทอดสายตาหรี่มองเวิ้งฟ้า
ราวกับว่าการกำราบในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ความมืดและการกดข่มนานนับไม่ถ้วนล้วนได้รับการปลดปล่อยและระบายออกมาในอึดใจนั้น
เขาเคยบอกว่า ‘ขอเพียงมีชัยในมหามรรค เข้าถึงร่างอมตะนิจนิรันดร์ จึงจะเป็นนายเหนือหัวแห่งฟากฟ้าอย่างแท้จริง เป็นยอดแห่งทั่วหล้า!’
ที่น่าเสียดายคือ ก่อนจะถูกกำราบหลิงเสวียนจื่อยังไม่เคยออกจากคีรีดวงกมล และไม่เคยเลื่องชื่อในใต้หล้า ทุกคนจึงไม่มีใครรู้ว่าเขาหลิงเสวียนจื่อ ถูกเจ้าแห่งคีรีดวงกมลมองว่า ‘เป็นเลิศในหมื่นกาล’
และหลังจากพ้นการถูกกำราบ ก็ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเดิมพันกับหลินสวิน เป็นฝ่ายเข้าสู่เจดีย์ไร้สิ้นสุดเอง ไม่เคยประกาศศักดาของตนให้โลกรู้อย่างแท้จริง
จนกระทั่งตอนนี้…
หลิงเสวียนจื่อดูประหนึ่งโอกาสที่รอคอยมาถึงแล้ว!
หลินสวินไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ของศิษย์พี่สี่ได้เลย และบนโลกใบนี้ก็ไม่เคยมีคนที่ผ่าประสบการณ์แบบเดียวกัน เข้าใจกันและกันอย่างแท้จริง
เขารู้เพียงว่าหลิงเสวียนจื่อที่อุดอู้มาแสนนานกระหายการต่อสู้ใจจะขาด!
บางทีอาจเพื่อระบาย อาจทำเพื่ออวดศักดา หรือบางทีอาจเพื่อพิสูจน์มหามรรคที่เขายึดมั่น…
“เหล้า ข้ายังอยากดื่มเหล้า” ด้านข้างคงเจวี๋ยที่นั่งเมามายบนพื้นชูไหเหล้าที่ดื่มเกลี้ยงขึ้นมา แล้วงึมงำกับหลินสวินอย่างน่าสงสารจับใจ
กลับเห็นหลิงเสวียนจื่อยิ้มแล้วย่อตัวนั่งลง จ้องคงเจวี๋ยพลางกล่าวว่า “อาจารย์อา ไม่ว่าท่านจะบ้าจริงหรือแกล้งทำแต่หากครั้งนี้ข้ากับศิษย์น้องเล็กเกิดเหตุไม่คาดฝันบางประการ ท่านน่ะ จะไม่ได้ดื่มเหล้าดีๆ แบบนี้อีกแล้วนะ”
นัยน์ตาคงเจวี๋ยงุนงง กล่าวว่า “ไม่ให้ข้าดื่มเหล้า สู้ให้ข้าตายยังดีกว่า…”
หลิงเสวียนจื่อกล่าวด้วยแววตาลุ่มลึก “ท่านแฝงตัวปะปนอยู่ในเมืองจรดฟ้าหลายปี บอกว่าจะรอใครคนหนึ่งมารับท่านกลับบ้าน แต่ตัวท่านน่าจะรู้ดีที่สุด ภายใต้การปกคลุมของระเบียบ ‘เฮ่าเทียน’ หากท่านไม่อยากจากไปก็ไม่มีใครทำอะไรท่านได้สักนิด”
คงเจวี๋ยร้องขึ้นอย่างมีน้ำโห “เหตุใดไม่ให้ข้าดื่มเหล้า”
หลิงเสวียนจื่อกลับพูดเองเออเอง “หากข้าเดาไม่ผิด คนที่ท่านรอคอยก็คือศิษย์น้องเล็ก เพราะมีเพียงระเบียบนิพพานบนตัวศิษย์น้องเล็กเท่านั้นจึงจะสามารถต้านทานระเบียบเฮ่าเทียนได้ และสามารถพาอาจารย์อาไปจากเมืองจรดฟ้านั่นได้”
เดิมหลินสวินชักเริ่มหมดความอดทน หมายตัดบทหลิงเสวียนจื่ออยู่บ้าง แต่จู่ๆ กลับนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ปีนั้นตอนอยู่แดนปรินิพพาน คงเจวี๋ยเคยทะลวงข้ามฟ้าดารามาเยือน หมายช่วงชิงศุภโชคนิพพาน แต่สุดท้ายถูกพลังเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลขวางเอาไว้
หลินสวินจำได้แม่น คงเจวี๋ยเคยพูดกับตนว่า ‘เช่นนั้นเจ้าจะพิจารณาไปกับข้าไหม ไม่ว่าจะอยู่มิติเวลาไหน คนที่สามารถสอนเจ้าให้เหยียบจุดสูงสุดแห่งอมตะ เปลี่ยนเป็นคนที่อยู่เหนือสุดได้ย่อมมีเพียงบางตาไม่กี่คน และข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น’
ตอนนั้น หลินสวินไม่รู้สักนิดว่า ‘จุดสูงสุดแห่งอมตะ เปลี่ยนเป็นคนที่อยู่เหนือสุด’ ที่ว่าคืออะไร
แต่มาคิดดูตอนนี้ กลับทำให้เขาตระหนักได้ฉับพลันว่าหากสภาวะจิตของอาจารย์อาผู้นี้ไม่เกิดปัญหา ก็มีแนวโน้มสูงมากว่าจะเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าน่าพรั่นพรึงคนหนึ่ง!
คิดถึงตรงนี้ในใจหลินสวินก็อดเกิดความรู้สึกแปลกไปไม่ได้
อาจารย์อาคงเจวี๋ยที่จิตมรรคเกิดปัญหาร้ายแรง หลายปีมานี้เอาแต่เฝ้ารออยู่ในเมืองจรดฟ้า คงไม่ได้เฝ้ารอตนจริงๆ หรอกกระมัง
เพราะมีแต่ตนที่ครอบครองศุภโชคนิพพาน และจากคำบอกกล่าวของอาจารย์ในปีนั้น เป็นเพราะคงเจวี๋ยยึดมั่นกับมรรคแห่งยอดอมตะ จึงเป็นผลให้จิตมรรคเกิดปัญหา
และตนเป็นผู้ครอบครองระเบียบนิพพาน เท่ากับมีศักยภาพกลายเป็นยอดอมตะ!
ยอดหนทางสู่อมตะ แดนปรินิพพาน เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน…
มรรคคาถาบทนี้แฝงนัยมากเกินกว่าของทั่วไปจะเทียบชั้นได้ ทำให้หลายปีมานี้ทุกครั้งที่หลินสวินตระหนักถึง ล้วนบังเกิดความรู้ใหม่เอี่ยม
เหมือนอย่างวรรคที่ว่า ‘ยอดหนทางสู่อมตะ’ ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับระเบียบนิพพานที่เขาได้รับมาพอดีหรือ
และเขาก็ถูกมองเป็นหนึ่งบัวเบ่งบานดอกนั้น!
“เหล้า ข้าอยากดื่มเหล้า…” เสียงของคงเจวี๋ยระคนเสียงสะอื้นเสี้ยวหนึ่ง
หลินสวินตื่นจากภวังค์ มองดูอาจารย์อาผู้ถูกมองว่า ‘เป็นหนึ่งในประวัติการณ์ มีเพียงคนเดียว’ ผู้นี้ แต่กลับเหมือนคนบื้อบ้าเสียสติ จึงอดทอดถอนใจไม่ได้ ก่อนยื่นจอกล่องธารไหลไหหนึ่งออกไปให้
ฝ่ายหลังดีใจกระวีกระวาด แหงนหน้ากระดึกดื่มรัวๆ
“ศิษย์น้อง อันที่จริงข้าก็ไม้กล้าฟันธงว่าอาจารย์อาเสียสติไปแล้วจริงหรือไม่ แต่ตามความเห็นข้า ในเมื่อเขายินดีรออยู่ในเมืองจรดฟ้านานหลายปีขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะตัดสินใจอะไรบางอย่างหลังจากได้สติเป็นแน่ ข้าถึงขั้นกล้ามั่นใจว่าคนที่เขาเฝ้ารอก็คือเจ้า เพราะมีแต่เจ้าจึงจะสามารถช่วยเขาก่อจิตมรรคขึ้นมาใหม่ได้”
หลิงเสวียนจื่อหยัดตัวขึ้น สื่อจิตกล่าว ‘แต่ข้าขอเตือนเจ้า อย่าเอาระเบียบนิพพานไปทดสอบเด็ดขาด สภาวะจิตของอาจารย์อาเกิดปัญหา ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีปกติ หาไม่เกิดเขาเผ่นหนีขึ้นมา นั่นก็จบเห่แล้ว’
หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าน้อยๆ
“โอ๋ คู่ต่อสู้มาแล้ว ในที่สุดก็ใกล้เริ่มแล้วหรือ…”
จู่ๆ หลิงเสวียนจื่อก็ทอดสายตามองไปนอกตำหนักเซียนใจกลาง ส่วนลึกของนัยน์ตากระจ่างคู่นั้นทอลำแสงเย็นเยียบที่ราวกับหิวกระหาย
…
นอกตำหนักเซียนใจกลาง
กลางฟ้าดินที่แต่เดิมเงียบสงัด จู่ๆ ก็มีกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงไร้รูปแผ่คลุ้ง ห้วงอากาศราวถูกควบแน่นแข็งตัว
จากนั้นเงาร่างสี่สายปรากฏขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง
หนานเฟยตู้ที่เครายาวสยาย ท่วงท่าดุจเทพเอามือไพล่หลังยืนอยู่กลางอากาศ กฎเกณฑ์อมตะสีเงินเป็นสายๆ รายล้อมรอบตัวเขาประหนึ่งวงแหวนศักดิ์สิทธิ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์