อ่านสรุป ตอนที่ 2563 ศิษย์น้องเล็ก ถือว่าเจ้าร้าย จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2563 ศิษย์น้องเล็ก ถือว่าเจ้าร้าย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ใต้ต้นหงเหมิงหมื่นมรรค
หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ มรรควิถีในตัวมั่นคงถึงขีดสุด
ระดับมกุฎบรรพจารย์ไม่ธรรมดาดังคาด ความแข็งแกร่งของพลังที่ได้ครอบครอง ห่างไกลเกินกว่าเมื่อก่อนจะเทียบชั้นได้
หลินสวินใคร่ครวญ ด้วยพลังต่อสู้ในตอนนี้ของเขา ในระดับขั้นพลังเดียวกัน เกรงว่าจะหาคนที่พอจะวัดฝีมือกันไม่ได้สักเท่าไหร่
ถึงอย่างไรตั้งแต่ตอนที่มีปราณมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด เขาก็สามารถกำราบบรรพจารย์จักรพรรดิซึ่งหน้าได้แล้ว
และตอนนี้เมื่อเขาบรรลุมกุฎบรรพจารย์ บรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไปย่อมไม่อยู่ในสายตาเขาสักนิด แม้แต่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิยังยากจะต้านทานพลังสังหารของเขา
การพ่ายแพ้ย่อยยับของพวกมู่อี้ จงหลีเซียว ลิ่นเฟิงก็คือบทพิสูจน์อย่างดีที่สุด
‘ก็ไม่รู้ว่าตอนที่เจอกับผู้แข็งแกร่งขั้นอายุขัยเทียมฟ้า จะมีพลังต้านทานหรือไม่…’
หลินสวินใคร่ครวญ
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ฉีหลิงอวิ๋นเคยสำแดงไพ่ตายหลายหน ล้วนประทับพลังเจตจำนงระดับอมตะ แต่กลับถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลบล้างและสลายไปทั้งหมด
แม้นั่นจะเป็นเพียงพลังพลังอมตะสายหนึ่ง ไม่ใช่ระดับอมตะตัวจริงลงมือ แต่นี่กลับสร้างความเชื่อมั่นยิ่งใหญ่ให้หลินสวิน
ระดับบรรพจารย์ถูกเรียกว่าเป็นปราการสวรรค์แห่งเส้นทางจักรพรรดิ หมื่นกาลไม่เคยมีใครข้ามพ้น แต่สุดท้ายไม่ใช่ว่าถูกเขาก้าวข้ามและทำลายได้แล้วหรือ
มรรคาอมตะอาจจะน่ากลัวยิ่งกว่า สูงส่งยิ่งกว่ามรรคจักรพรรดิ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถถูกโจมตีสังหารข้ามระดับได้!
แต่ถึงอย่างไรหลินสวินก็ไม่เคยประมือกับระดับอมตะจริงๆ จึงเข้าใจพลังของคนระดับนี้น้อยมาก เขาจึงไม่กล้ามั่นใจว่าในการต่อสู้จะสามารถต้านไหวหรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม้ปราณในตอนนี้ของเขาจะเย้ยฟ้า แต่อย่างไรก็เป็นเพียงปราณขั้นต้นในระดับบรรพจารย์เท่านั้น
‘ด้านนอกแดนลับทวยเทพ เกรงว่าคงจะวางตาข่ายฟ้าไว้รอข้าออกไปนานแล้วกระมัง…’
หลินสวินหยัดตัวลุกขึ้นจากการนั่งสมาธิ นัยน์ตาดำสุขุมเรียบเฉย
หลังไตร่ตรองครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจ
วู้ม…
เจดีย์ไร้สิ้นสุดปรากฏออกมา จากนั้นเงาร่างของศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อและอาจารย์อาคงเจวี๋ยก็ปรากฏขึ้นในที่นี้ตามมาติดๆ
“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าศิษย์น้องเล็ก เจ้าคิดจะเป็นฝ่ายมาขอความช่วยเหลือจากข้าแล้ว” หลิงเสวียนจื่อสีหน้าพิกล ท่าทางแปลกใจอย่างมาก
คงเจวี๋ยผมเครารุงรัง นั่งยองๆ กับพื้นไม่สนใคร กอด ‘จอกล่องธารไหล’ ไหหนึ่งพลางจิบอึกแล้วอึกเล่า สภาพเมามายนัก
หลินสวินมองหลิงเสวียนจื่อแล้วกล่าวว่า “ด้วยความสามารถของท่าน คงไม่มีทางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโบราณสถานทวยเทพแห่งนี้หรอกกระมัง”
หลิงเสวียนจื่อร้องเอ้อคราหนึ่ง ก่อนกล่าวเก้อๆ “ศิษย์น้องเล็กยอกันไปแล้ว ข้าก็แค่สอดส่องความเป็นไปคร่าวๆ เท่านั้น จุ๊ๆ นี่ก็คือต้นหงเหมิงหมื่นมรรครากแห่งมรรคเซียนใช่ไหม วิเศษอัศจรรย์ไร้สิ้นสุดดังคาด เรียกได้ว่าเป็นสมบัติแห่งยุคสมัย!”
กล่าวพลางเข้าเริ่มสำรวจต้นหงเหมิง แววตาวาวโรจน์เจือประกายเร่าร้อน “ศิษย์น้องเล็ก ไม่สู้เจ้ายกต้นไม้นี้ให้ข้า บางทีข้าอาจสามารถอาศัยต้นไม้นี้อนุมานเรื่องราวในยุคก่อนได้บ้าง”
“ไม่มีทางซะหรอก”
หลินสวินปฏิเสธโดยไม่หยุดคิด และโบกแขนเสื้อหนึ่งครา ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคสูงเก้าจั้งพลันแปลงเป็นประกายแสงเขียวมรกตสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในตัวเขา หยั่งรากลึกในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ และตอบสนองกับต้นแรกกำเนิดที่ฝังรากไว้ในที่นี้อยู่ก่อนแล้ว
“เฮ้อ ศิษย์น้องเล็กระวังข้าเหมือนระวังโจรจริงๆ” หลิงเสวียนจื่อถอนหายใจ ท่าทางเหมือนถูกกระทบกระเทือนใจ
หลินสวินกล่าว “ศิษย์พี่สี่ ข้ามีเรื่องจะไหว้วาน”
หลิงเสวียนจื่อเลิกคิ้ว คล้ายตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ไม่ได้ล้อเล่นอีก เอ่ยว่า “เรื่องอะไร”
“ท่านน่าจะรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดีแล้ว ข้าหวังว่าท่านจะพาอาจารย์อาออกไป” หลินสวินกล่าวอย่างจริงจัง
หลิงเสวียนจื่ออึ้งไปโดยพลัน “เจ้าคงไม่คิดจะไปต้านศัตรูระดับอมตะตัวคนเดียวหรอกกระมัง”
หลินสวินกล่าว “ท่านคิดว่าข้ายังมีทางเลือกอีกหรือ”
หลิงเสวียนจื่อคล้ายจะโกรธมาก กลอกตาคราหนึ่งแล้วชี้ปลายจมูกตัวเองกล่าวว่า “ข้าเล่า! เจ้าทำเหมือนศิษย์พี่สี่ไม่มีตัวตนหรือ ข้าข้องใจจะแย่ เหตุใดในใจเจ้า ตำแหน่งศิษย์พี่สี่อย่างข้าถึงย่ำแย่ขนาดนี้”
หลินสวินสนเท่ห์ “ท่านไม่ใช่มีปราณระดับจักรพรรดิหรือ”
ใบหน้าหล่อเหลาของหลิงเสวียนจื่อดำมืด “เจ้าคิดว่าคนที่ช่วยเจ้าเหยียบย่ำมารเทพตี้สือ ทำให้เขายอมเปิดใจ เล่าแม้กระทั่งเรื่องอัปยศครั้งใหญ่อย่างการถูกสวมหมวกเขียวออกมาได้ จะมีปราณแค่… ระดับจักรพรรดิหรือ”
หลินสวินจ้องหลิงเสวียนจื่อครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “แต่ดูแล้วท่านก็มีปราณแค่ระดับจักรพรรดิจริงๆ”
“สิ่งอัศจรรย์ย่อมถ่อมตน คนก็เช่นกัน ปีนั้นตอนที่อยู่ในซากดวงกมล ศิษย์พี่สี่ไม่ได้คิดจะรังแกเจ้า จึงไม่ได้อาศัยระดับพลังที่เหนือกว่าไปโจมตีเจ้า และระงับพลังปราณไว้ สู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม หาไม่ ตอนนั้นแค่นิ้วเดียวข้าก็พลิกเจ้าคะมำได้แล้ว”
หลิงเสวียนจื่อกระดิกปลายนิ้วเบาๆ สีหน้าภูมิอกภูมิใจ
หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ ท่านสามารถต้านทานระดับอมตะได้หรือ”
เป็นอย่างที่หลิงเสวียนจื่อคาดเดา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีหรือเขาจะปล่อยผู้ช่วยมือดีอย่างหลิงเสวียนจื่อไป แน่นอน ในเมื่อขอร้องไม่ได้ เช่นนั้นมีแต่ต้องใช้กลเม็ดเล็กๆ บางอย่างเท่านั้นแล้ว
เห็นเช่นนี้หลิงเสวียนจื่อก็อดส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ได้ สุดท้ายเรื่องเหล่านั้นก็เป็นเรื่องตลกเล็กๆ ที่ไม่มีพิษภัย ตรงข้ามเป็นเพราะหลินสวินจงใจทำเช่นนี้ กลับทำให้ในใจเขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยในใจศิษย์น้องเล็กคนนี้ที่ต่อต้านตนมาตลอดก็เริ่มมีสัญญาณว่ายอมรับตนขึ้นมารำไรแล้ว
สำหรับเขาหลิงเสวียนจื่อ นี่ย่อมดีเลิศอยู่แล้ว!
ไม่มีใครรู้ว่าสำหรับเขาที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์มองเป็นคนที่ต้องรักษา ตำแหน่งของคีรีดวงกมลในใจเขาก็เปรียบเสมือนบ้าน
นี่ก็คือสาเหตุที่ต่อให้เขาถูกอาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลกำราบมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ก็ยังไม่เคยปริปากว่ากล่าวสักคำ
สำหรับเขา คีรีดวงกมลเป็นสถานที่อ่อนโยนที่ต้องปกป้องไว้กลางใจ
“ข้าได้ยินว่ามารเทพตี้สือหลุดพันธนาการแล้ว ตอนที่เพิ่งหลุดพ้นยิ่งสังหารระดับอมตะไปไม่น้อย หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้เจ้าเฒ่ากระจอกนี่ต้องซุ่มซ่อนอยู่ด้านนอกด้วยเป็นแน่”
หลิงเสวียนจื่อพูดฉะฉาน “สำหรับพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้อง ระดับอมตะทั่วไปไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรสักนิด แต่การรับมือมารเทพตี้สือกลับต้องระวังตัวอยู่บ้าง ตอนนั้นที่ข้าจัดการเขาหน้าบ่อน้ำโบราณนั่น ก็สัมผัสได้แล้วว่าเจ้านี่เป็นพวกของแข็ง ในยุคก่อนยังถูกกำราบนานนับล้านปี หลังยุคสมัยแตกดับยิ่งโชคช่วยอยู่รอดมาได้ คนเช่นนี้… น่ากลัวมาก!”
ในใจหลินสวินเย็นวาบ หากไม่ได้หลิงเสวียนจื่อเอ่ยเตือน เขาก็เกือบลืมภัยคุกคามที่แฝงเร้นของตี้สือนี่ไปแล้ว
นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการจริงๆ
เพิ่งหลุดออกมาไม่นาน แม้จะพบเจอการล้อมโจมตีจากระดับอมตะมากมาย กลับยังคงสามารถสังหารคู่ต่อสู้ตายไปได้บางส่วน ทำลายด่านนภาอมตะด่านที่เก้า นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ในข่าวลือ ตี้สือร่วงหล่นในการล้อมโจมตี และมีคนบอกว่าเขาหนีไปได้ในสภาพเจ็บหนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือหลิงเสวียนจื่อ ล้วนมั่นใจว่าว่าเจ้าเฒ่านี่ต้องยังมีชีวิตอยู่แน่นอน
และไม่มีทางพลาดศุภโชคในโบราณสถานทวยเทพเช่นนี้ไปได้เช่นกัน
ถึงอย่างไรในฐานะคนน่าสะพรึงในยุคก่อน ตี้สือน่าจะรู้ดีกว่าใครว่าศุภโชคในตำหนักเซียนใจกลางไม่ธรรมดาแค่ไหน
นอกจากนี้หลินสวินยังสงสัยมากว่าแค่เพียงตำราหยกศุภโชคในมือตน ก็สามารถเรียกตี้สือนั่นเข้ามาหาได้แล้ว!
“เคราะห์สังหารแน่นหนาจริงๆ…” หลินสวินทอดถอนใจ
สี่ตระกูลตงหวง ยักษ์ใหญ่อมตะจากน่านฟ้าที่แปด และยังมีตี้สืออีก เคราะห์สังหารทั้งหมดนี้สามารถทำให้ใครก็ตามสั่นสะท้านและสิ้นหวังได้
“นี่จึงจะถึงใจ”
หลิงเสวียนจื่อเลียริมฝีปากเบาๆ บนใบหน้าหล่อเหลาเจือแววบ้าคลั่ง “ถูกอาจารย์ของพวกเรากำราบมานานหมื่นกาล บนโลกนี้ถึงกับไม่รู้ถึงการมีอยู่ของข้าหลิงเสวียนจื่อ คราวนี้ก็ถึงตาข้าออกโรงแล้ว!”
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์