ตอน ตอนที่ 2570 เป็นหนึ่งในประวัติการณ์ มีเพียงหนึ่งเดียว จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2570 เป็นหนึ่งในประวัติการณ์ มีเพียงหนึ่งเดียว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 2570 เป็นหนึ่งในประวัติการณ์ มีเพียงหนึ่งเดียว
มู่เจียงซานได้รับบาดเจ็บสาหัสกะทันหัน ทำให้ระดับอมตะชั้นยอดคนอื่นต่างระแวดระวังยิ่ง ไอสังหารในใจก็ยิ่งโชติช่วง
“ฆ่า!”
ฉีเทียนหลิน จงหลีเจวี๋ย ชื่อชางหุนออกโจมตีพร้อมกัน ต่างสำแดงไพ่ตายชั้นยอด ทำให้หลิงเสวียนจื่อตกอยู่ในการล้อมโจมตีอีกครั้ง
ไม่นานนักรอยเลือดมากมายก็ปรากฏขึ้นบนร่างหลิงเสวียนจื่อ ร่างกายถูกซัดจนเกิดรอยแตกเล็กละเอียด น้ำเลือดแดงฉานหลั่งริน
ดวงตาเขามีไอสังหารเหี้ยมเกรียมคล้ายคลุ้มคลั่งถาโถม แสงมรรคแน่นขนัดไปทั้งร่าง แสงเทพประหนึ่งกระจกสีเขียวปะทุออกลูกแล้วลูกเล่า
ต่อให้ถูกล้อมโจมตี แต่พลานุภาพเช่นนั้นดันน่ากลัวขึ้นไปอีก
นี่ทำให้พวกฉีเทียนหลินต่างตกตะลึงไม่ว่างเว้น
ควรรู้ว่าด้วยความสามารถของพวกเขาทั้งห้า ถ้าร่วมมือกัน ต่อให้อยู่ในน่านฟ้าที่แปดยังเคลื่อนกวาดไปทั้งแถบได้ ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม
แต่ภายใต้การโจมตีระดับนี้ของพวกเขา หลิงเสวียนจื่อกลับยังต้านมาได้ถึงตอนนี้ เรื่องนี้น่าตกใจ เกินความคาดหมายของพวกเขาไปแล้ว
“ฆ่าเขาซะ วันนี้เป็นโอกาสงามที่สุดแล้ว!”
ฉีเทียนหลินตะโกน ในที่นั้นไม่มีผู้อ่อนแอ ผู้กร้าวแกร่งระดับอมตะขั้นดับเทพต่อสู้ ล้อมจู่โจมหลิงเสวียนจื่อ เขาไม่มีทางรอดได้
“ต่อให้ตาย ข้าก็ต้องลากสารเลวเฒ่าอย่างพวกเจ้าให้ตายตกไปด้วยกัน!”
หลิงเสวียนจื่อหัวเราะเหี้ยม แววตาไร้ความหวาดกลัว เหยียบอยู่บนแท่นบัวสีเขียวสามสิบหกชั้น กระโจนออกไปโจมตีบ้าคลั่งอย่างไม่คิดชีวิตราวกับเทพมารผู้หนึ่ง
ตูม!
ฟ้าดินสั่นคลอน จักรวาลแห่งนี้ปั่นป่วนรุนแรง กฎเกณฑ์อมตะประหนึ่งภูเขาไฟระเบิด หอบม้วนออกมาสี่ทิศแปดด้าน ดวงดาราพังทลาย ห้วงอากาศยุ่งเหยิง ยามกระแสพลังพวยพุ่ง เผยภาพวันโลกาวินาศราวกับสรรพสิ่งดับสลายออกมา
แหงนหน้ามองจากเมืองจรดฟ้า จักรวาลที่อยู่นอกท้องฟ้านั้นประหนึ่งศึกแห่งปวงเทพกำลังดำเนินอยู่ กำลังจะจมที่นั่นลงไป!
ตูม!
ท่ามกลางการต่อสู้ดุเดือด ตงหวงคงบังคับเหล็กหมาดสีเลือดเล่มหนึ่งแทงเข้าไปในห้วงอากาศ พุ่งไปยังทรวงอกของหลิงเสวียนจื่อ แทบจะแทงทะลุอยู่แล้ว
“ฆ่า!”
หลิงเสวียนจื่อตะคอกเสียงเหี้ยมเกรียม พลันกระแทกเจดีย์ไร้สิ้นสุดออกไป ทุบเหล็กหมาดสีเลือดนั้นให้แตกกระจุยทั้งอย่างนั้น ในเสียงดังสนั่นน่าครั่นคร้าม เงาร่างตงหวงคงกำลังจะหลบหนี แต่กลับถูกแส้สีเงินเจิดจ้าตวัดเงาร่างไว้
ปัง!
เมื่อแส้รวบแน่น ร่างตงหวงคงก็ได้รับบาดเจ็บ เลือดสดๆ สาดกระเซ็นทันที ใบหน้าเขาซีดเผือด เต็มไปด้วยความตระหนก การโจมตีนี้แทบจะเอาชีวิตเขาแล้ว!
แต่ในระหว่างนี้การจู่โจมของระดับอมตะอีกส่วนก็เล่นงานหลิงเสวียนจื่อ
โครม!
แท่นบัวสีเขียวสามสิบหกชั้นที่คุ้มครองอยู่รอบตัวหลิงเสวียนจื่อถูกถล่มทำลายลง กลายเป็นละอองแสงม้วนตลบเต็มฟ้าในยามนี้
และเงาร่างหลิงเสวียนจื่อพลันแหลกสลายเป็นก้อนเลือดนับไม่ถ้วน แต่ยังไม่ทันให้ระดับอมตะเหล่านั้นดีใจ ก้อนเลือดนับไม่ถ้วนนี้ก็รวมตัวกันทำให้หลิงเสวียนจื่อฟื้นคืนดังเดิม!
“หืม? กายหมื่นเคราะห์ไม่ทลาย!” มีคนร้องอุทาน
“มิน่าเขาถึงกล้าเหิมเกริมเช่นนี้ ถึงกับฝึกวิชาลับเช่นนี้สำเร็จ!” มีระดับอมตะสีหน้าไม่น่ามอง ขณะเดียวกันก็ตาลุกวาวหมายตามรดกลึกลับเช่นนั้น
กายหมื่นเคราะห์ไม่ทลายถูกมองว่าเป็นหนึ่งในมรดกชั้นสูงทั้งเก้าของคีรีดวงกมลเช่นเดียวกับวิชาอริยะยุทธ์ เป็นยอดวิชาที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรังสรรค์ขึ้น ร่ำลือกันว่าหากฝึกถึงขั้นสูงสุดจะปกป้องไม่ให้ตกอยู่ในพิบัติเคราะห์ หมื่นเคราะห์ไม่ทลาย
อย่างเมื่อครู่นี้ ถ้าเป็นคนอื่นถูกระดับอมตะร่วมกันโจมตีคงกายสิ้นมรรคสลายตายคาที่ แต่แม้หลิงเสวียนจื่อจะได้รับบาดเจ็บ แต่ยังไม่ถึงตาย และฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ตูม!
การต่อสู้ยิ่งดุเดือด แม้หลิงเสวียนจื่อจะตัวโชกเลือด แต่ยังพุ่งทะยานกลางกลุ่มคน ไม่ได้ล้มลงไป
“หลิงเสวียนจื่อ เจ้าจะทนดื้อดึงต้านทานได้ถึงเมื่อไร ทุกคนอย่าเอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่เลย รีบจัดการเขา!” มีคนตะคอกลั่น
“วันนี้ข้าจะดูว่าเจ้าจะกำเริบไปได้ถึงเมื่อไหร่ อาศัยเจ้าคนเดียวไม่ว่าอย่างไรก็หนีจากความตายไม่พ้น!”
ตอนนี้เองเหล่าระดับอมตะต่างเร่งโจมตี ใช้วิธีต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ไอสังหารพลุ่งพล่าน ดูออกว่าหลิงเสวียนจื่อบาดแผลเต็มตัว ต้านรับไว้ได้อีกไม่นานแล้ว
ความจริงแล้วถ้าไม่ใช่เพราะมีเจดีย์ไร้สิ้นสุดกับสามพันเคลื่อนคล้อย หลิงเสวียนจื่อคงต้านไม่อยู่ไปนานแล้ว แม้ว่ามรรควิถีเขาจะเย้ยฟ้า แต่ยังไม่แข็งแกร่งขนาดกำราบระดับอมตะขั้นดับเทพห้าคนได้
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังอาละวาดปั่นป่วนไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนคราบเลือด ดวงตาเปี่ยมไอสังหารอันคลุ้มคลั่ง
‘ศิษย์น้องเล็ก อีกเดี๋ยวเจ้าใช้พลังที่เกี่ยวกับกาลเวลานั่น ข้าจะเปิดทางรอดให้เจ้าพาจารย์อาไปเมืองจรดฟ้า!’
หลิงเสวียนจื่อสื่อจิต เผยการตัดสินใจ
หลินสวินจิตใจบีบคั้น ศิษย์พี่สี่ที่อวดดีเหิมเกริมมาโดยตลอดกลับพูดเช่นนี้ในตอนนี้ เห็นชัดว่าคิดจะเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว
‘ข้า…’
หลินสวินกำลังจะเอ่ยปากก็ถูกหลิงเสวียนจื่อตัดบท ‘อย่ามาทำยึกยัก ทำตามที่ข้าบอก แม้ศิษย์พี่สี่ไม่ได้มีพลังไร้ศัตรูใดเทียบอย่างศิษย์พี่ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้โง่เง่า ถ้าให้เจ้ากับอาจารย์อามาตายกับข้า ภายหน้าถูกอาจารย์กับศิษย์พี่ศิษย์น้องรู้เข้าจะต้องดูถูกข้าแน่’
‘แต่ขอเพียงเจ้ากับอาจารย์อารอด อย่างน้อยก็ยังพิสูจน์ได้ว่าข้าหลิงเสวียนจื่อไม่ได้ทำให้คีรีดวงกมลขายหน้า!!’
พูดถึงตอนท้ายตัวเขาก็เหมือนเพลิงลุกโหม กลิ่นอายโหดเหี้ยม ประหนึ่งหมายจะเอาชีวิตเข้าแลกโดยสิ้นเชิง แสงมรรคทั้งร่างฉายส่องจักรวาล
เห็นหลิงเสวียนจื่อในตอนนี้ หลินสวินเพียงรู้สึกว่าส่วนลึกของจิตใจถูกแทงให้เจ็บปวดรุนแรง ความละอายใจอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นมา
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าแต่ก่อนตนปฏิบัติตัวกับศิษย์พี่สี่อย่างใจร้ายและไร้มารยาทเกินไป มองเขาเป็นภัยร้ายต่อคีรีดวงกมล ไม่เคยเคารพหรือยอมรับเขาจริงๆ…
ขณะพูดเขาก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จะเรียกเอามรรควิถีของตนทั้งหมดที่สะสมอยู่ในเจดีย์ไร้สิ้นสุดออกมา
การโจมตีนี้หลอมสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณของเขาไว้ทั้งสิ้น!
ไม่แน่ว่าหลังจากการโจมตีนี้เขาก็จะกายสิ้นมรรคสลาย แต่ขอเพียงให้ศิษย์น้องหลินสวินกับอาจารย์อาคงเจวี๋ยมีชีวิตรอดต่อไป ก็คุ้มแล้ว!
สิ่งเดียวที่เสียดาย…
อาจจะเป็นเรื่องที่เพิ่งได้มีชื่อระบือนามในใต้หล้าหลังจากถูกกำราบมาหมื่นกาล ก็ต้องหายไปจากโลกนี้แล้วกระมัง
“ตอนนั้นข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ”
แต่ก็ในตอนนี้เองเสียงถอนใจหนึ่งดังขึ้น เจือแววทอดถอนใจ เสียงไม่สูงแต่กลับสะเทือนรอบทิศ มีปราณกระบี่ปลิวว่อนเป็นสายๆ โคจรอยู่กลางฟ้า
เมื่อเสียงดังขึ้น หลิงเสวียนจื่อที่กำลังจะโจมตีโดยทุ่มสุดชีวิตก็เหมือนถูกผนึกเอาไว้ ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ขณะเดียวกันเงาร่างสายหนึ่งก็เข้ามาขวางหน้าเขาไว้
“ถึอโอกาสที่ข้าตื่น เจ้ากับเจ้าหนูนี่ก็ดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ ไปเถอะ”
คนผู้นี้เสียงติดขัดไม่ชัดเจนเหมือนไม่ได้พูดมานาน แต่เมื่อพูดจบ แต่ละคำนั้นเหมือนกระบี่สวรรค์กังวานก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เผยแววดุดันอหังการพุ่งสู่ก้นบึ้งจิตใจคน
หลิงเสวียนจื่อที่เดิมจะไปสู้ตายกับหลินสวินที่ในใจกระวนกระวายโกรธเคืองต่างปากอ้าตาค้างอย่างอดไม่อยู่
เงาร่างที่มาขวางหน้าอยู่นี้ถึงกับเป็นอาจารย์อาคงเจวี๋ย!
เขาที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ตาเมาสะลึมสะลือ โกโรโกโสอย่างกับขอทานข้างถนน ยามนี้ประหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แผ่นหลังตรงแน่ว ปราณกระบี่ทั้งตัวดุจกระแสน้ำซัดสาดไปในจักรวาลฟ้าดารา ยืนตามสบายเช่นนั้นก็เหมือนยอดจอมกระบี่โอหังเหนือสี่สมุทร หยิ่งผยองเหนือเก้าชั้นฟ้า
ตูม!
การล้อมโจมตีของระดับอมตะเหล่านั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งปานไหน
แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นวิชามรรคหรือสมบัติอะไร ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกอานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของคงเจวี๋ยซัดทำลายไปหมด!
นี่ทำให้พวกฉีเทียนหลิน ชื่อชางหุนหน้าเปลี่ยนสี คิดไม่ถึงสักนิดว่าตัวตนที่เหมือนกับคนไร้ค่าเสียสติที่ถูกพวกเขาเมินมาตลอดคนหนึ่ง จะถึงกับเปลี่ยนเป็นคนละคนในตอนนี้
“เอวห้อยน้ำเต้ากลืนกิน ก้าวเดินบนมหามรรค ชีวิตก่อนหน้าข้ามด่านเคราะห์สิบแปดครั้ง ชีวิตภายหลังแจ้งอมตะ ข้าบอกไว้นานแล้วว่าอาจารย์อาคงเจวี๋ยของพวกเราแสร้งทำเป็นเสียสติมาโดยตลอด!”
หลิงเสวียนจื่อร้องลั่น ดูตื่นเต้นนัก
“เป็นหนึ่งในประวัติการณ์ มีเพียงหนึ่งเดียว…”
หลินสวินก็อารมณ์พลุ่งพล่าน คิดไม่ถึงโดยเด็ดขาดว่าคงเจวี๋ยที่สภาวะจิตมีปัญหา พลังปราณสูญสิ้นไปแล้วชัดๆ กลับยืนขึ้นมาในตอนนี้!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์